“เฉลิม” กระทู้สด พ่นน้ำลายด่า “นายกฯ” บ้าอำนาจตั้ง “วิเชียร” นั่งรักษาการ ผบ.ตร. ไม่ดูลำดับอาวุโส อ้างมั่ว ขัดรัฐธรรมนูญ ม.195 ขู่ยื่นซักฟอก พร้อมส่ง ส.ว.ถอดถอน โวรู้ชื่อ “อีจ่อย” ตัวการซื้อขายตำแหน่ง ขณะที่ “อภิสิทธิ์” ยันทำถูกต้องในฐานะผู้บริหารสูงสุด ย้อนรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุ พร้อมย้ำไม่เคยก้าวก่ายคดีลอบยิง “สนธิ” แค่ดันเรื่องให้เดินหน้า ด้าน “เทพเทือก” ลั่นพร้อมสู้ศึกซักฟอก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ตั้งกระทู้ถามสด
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรื่อง ปัญหาการแต่งตั้งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การที่นายกฯได้มีคำสั่งแต่งตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.และกำลังจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง และสร้างความสับสนเป็นอย่างมาก
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การที่ตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร ไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติมาก่อน เพราะการตั้งรักษาการแทนต้องมีระดับอาวุโสเป็นสำคัญ ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ10 ถึงจะครองยศ พล.ต.อ.ก็จริง แต่ถือว่ายังไม่เข้าข่ายอาวุโส ถึงแม้การกระทำอย่างนี้จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย แต่ในฐานะนายกฯที่เป็นผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบนี้เป็นลักษณะของบ้าอำนาจ นอกจากนี้ การตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร แทน พล.ต.อ.พัชรวาท ในระหว่างที่ลงไปปฏิบัติราชการในภาคใต้ ถือเป็นการทำให้มี ผบ.ตร.2 คน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังระบุว่า นายกฯมีการกระทำที่ส่อว่าเป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 195 วรรค 2 ที่ระบุว่า กฎหมายที่ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว หรือถือเสมือนหนึ่งว่าได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยพลัน แต่มีปัญหาทำไมนายกฯมีการชะลอการบังคับใช้ พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 ทั้งๆ ที่ต้องมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ส.ค.และ พล.ต.อ.วิเชียร ได้ทำหนังสือมาถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเลื่อนการบังคับใช้ออกไปเป็นเดือน ก.ย.แทน แบบนี้นักเลงตำรวจเรียกว่าจัดโผไม่ลงตัว ขณะเดียวกัน มีการให้สัมภาษณ์ของ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาว่า มีการซื้อขายตำแหน่งกัน โดยคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจใน สตช.หรือที่คนใน สตช.เรียกกันว่า “อีจ่อย”
“ทั้งหมดนี้ถ้า นายอภิสิทธิ์ ยังเป็นนายกฯถึงเดือนมกราคมปีหน้า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และจะยื่นเรื่องต่อวุฒิสภาในเรื่องนี้เพื่อถอดถอนนายอภิสิทธิ์ด้วย เพราะเห็นว่านายกฯได้มีการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหรือระเบียบต่างๆ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มีบทบัญญัติเรื่องการรักษาราชการแทนตามมาตรา 72 ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นอำนาจของนายกฯ การแต่งตั้งไม่ได้จำกัดเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศเท่านั้น เพราะถ้าเกิดกรณีที่ ผบ.ตร.เดินทางไปปฏิบัติราชการ และอาจจะสร้างผลกระทบต่อการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เป็นให้อำนาจนายกฯในการแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร.เช่นกัน ส่วนเรื่องการแต่งตั้งตามอาวุโสนั้นในมาตรา 72 วรรค 2 ระบุว่า ให้อำนาจแต่งตั้งโดยไม่จำเป็นต้องเรียงอำนาจตามอาวุโส จึงเห็นว่า การแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ไม่ได้ขัดหลักนิติรัฐนิติธรรมแต่อย่างใด
นายกฯกล่าวว่า ในอดีตอย่างน้อยมีนายกฯ 2 คน คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ซึ่งเป็น สบ10 รักษาราชการ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยแต่งตั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส สบ10 จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นรักษาการแทน และเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ก็ไม่มีใครว่าเป็นการดำเนินการที่ลุแก่อำนาจแต่อย่างใด ส่วนที่รองนายกฯ (สุเทพ) มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการใน 3 จังหวัดภาคใต้ ก็ร่วมลงไปในพื้นที่ด้วย ผิดกับบางคนที่ดำรงตำแหน่ง แต่ไม่เคยลงไปถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลยมาถึงแค่สงขลา
“ยอมรับว่า ได้มีการเชิญ พล.ต.อ.พัชรวาท เข้าไปพบจริง แต่ก็ไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความบ้าอำนาจตามที่กล่าวหา เพราะผมเองมีนโยบายที่ชัดเจนแล้วว่าจะไม่แทรกแซงการทำคดีความของพนักงานสอบสวน นายกฯเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาล หน้าที่สำคัญ คือ การรักษากฎหมายเพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เอาสำนวนมาดู” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องให้ความเป็นธรรมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะคดีของนายสนธิเท่านั้น การเรียก พล.ต.อ.พัชรวาท มาไม่ใช่การเอาสำนวนมาดู แต่เพียงสอบถามปัญหาในการทำงานเท่านั้น และแก้ปัญหาด้วยการใช้หลักการบริหารในการแลกเปลี่ยนความเห็น สุดท้าย พล.ต.อ.พัชรวาท เสนอว่า เพื่อให้เกิดความสบายใจท่านจะเดินทางไปต่างประเทศเพราะมีภารกิจอยู่แล้ว จากนั้นมาคดีก็เดินหน้าต่อไปได้เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าพล.ต.อ.พัชรวาทเป็นปัญหา แต่เป็นเพียงแค่ความเชื่อเท่านั้น
“ผมไม่ได้บ้าอำนาจหรือลุแก่อำนาจ เพียงแต่เป็นการพยายามบังคับใช้กฎหมายให้เป็นธรรม ผมทำงานมาตลอดไม่น้อยกว่าคนที่เคยมานั่งนายกฯก่อนหน้านี้ ผมเอาเวลาไปพบปะปัญหากับประชาชน ไม่ใช่เอาเวลาไปดื่มไวน์เล่นกอล์ฟหรือทำธุรกิจเพื่อหาผลประโยชน์” นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำ
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศโครงสร้าง สตช.ใหม่ที่ล่าช้านั้นเดิมได้มีการประสานเป็นการภายในระหว่าง สตช.กับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 15 ส.ค.และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ส.ค. แต่ก็มีปัญหาในทางปฏิบัติในเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตามโครงสร้าง สตช.ใหม่ว่าต้องมีการประกาศโครงสร้าง สตช.ใหม่ก่อนแล้วค่อยจัดบุคลมาลงในตำแหน่ง หรือจะแต่งตั้งโยกย้ายบุคคลก่อนที่มีการประกาศใช้โครงสร้าง สตช.ใหม่ และยังมีบุคคลที่ไม่เข้าข่ายและต้องได้รับการยกเว้นในการดำรงตำแหน่งที่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุม ก.ตร.เป็นเฉพาะรายไปประมาณพันกว่าคนทำให้มีความจำเป็นต้องขยายเวลาการประกาศโครงสร้าง สตช.ใหม่ออกไป
“หากฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายก็ยื่นมาได้เลย เพราะรัฐบาลจะได้เตรียมตัวและหาข้อมูลมาชี้แจง” นายสุเทพ กล่าว
ขณะที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์พาดพิงชี้แจงว่า ที่จำเป็นต้องออกมาชี้แจง เพราะมีความพยายามป้ายสีฝ่ายการเมือง ว่า ล้วงโผตำรวจ แต่ขณะนี้โผตำรวจระดับนายพันยังไม่แล้วเสร็จ ถ้าฝ่ายการเมืองจะล้วงลูกจริงก็ควรจะให้เสร็จก่อน จึงจะออกมาโวยวาย
“การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาเอ่ยชื่อ “อีจ่อย” อยากถามว่าเคยใช้บริการคนๆ นี้หรือไม่ เพราะผมไม่เคยใช้บริการแน่นอน และเรื่องนี้มีความพยายามปลอมลายเซ็นของผม โดยมีนามบัตรและเซ็นชื่อผมเป็นภาษาไทย แต่จริงๆ แล้วลายเซ็นของผมเป็นภาษาอังกฤษมาตลอด ถ้ารู้จักอีจ่อย จริง ฝากไปบอกด้วยว่าถ้าจะปลอมลายเซ็นก็ให้เป็นภาษาอังกฤษ” นายศิริโชค กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวตอบโต้ว่า ตนไม่เคยใช้บริการอีจ่อย เพราะเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว