ป.ป.ช.จัดทำงานวิจัยเสนอสังคายนาองค์กรตำรวจทั้งระบบ ชี้ถูกร้องเรียนการใช้อำนาจจนติดเป็นสันดาน พร้อมปรับโฉมเว็บไซต์ใหม่ ก.ย.นี้ เปิดให้ ปชช.ตรวจสอบความคืบหน้าคดีได้ 24 ชม. เชื่อกลยุทธ์ประจานปรามพวกทุจริตหัวหด เตรียมโอนคดีสอบซี 8 ลงมาให้ ป.ป.ท.สางต่อ
วันนี้ (16 ส.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการซื้อขายตำแหน่งในการจัดทำบัญชีโยกย้ายตำรวจประจำปีว่า ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะจับตาดูการทำงานของคณะทำงานที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ตั้งขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และการทำงานของคณะกรรมาธิการตำรวจของสภาผู้แทนราษฎรก่อน เพราะเป็นขั้นตอนเบื้องต้นของการหาข้อเท็จจริงในคดีความต่างๆ ป.ป.ช.จะยังไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ในขณะนี้เพราะจะเป็นการสร้างความวุ่นวายเปล่าๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ป.ป.ช.เองกำลังทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลได้ภายในต้นเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะส่งให้รัฐบาลไปพิจารณาแก้ไขปัญหาและปรับปรุงกฎหมายต่อไป โดยสาเหตุที่ ป.ป.ช.ต้องจัดทำงานวิจัยชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะคดีส่วนใหญ่ที่ถูกร้องมาเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจโดยมิชอบของตำรวจ จึงต้องหาวิธีนำไปสู่การแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ซึ่งเบื้องต้นเท่าที่พบ สาเหตุของการใช้อำนาจโดยมิชอบมาจากปัญหาเรื่องตัวระบบขององค์กรตำรวจ และมาจากวัฒนธรรม ความเคยชิน หรือมีแบบอย่างที่ไม่ดี
นายวิชาเปิดเผยว่า ในเดือนกันยายนนี้สำนักงาน ป.ป.ช.จะปรับปรุงเว็บไซต์ของ ป.ป.ช.ใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ง่ายขึ้น โดยใครก็ตามที่มาร้องเรียนจะได้รับรหัสสำหรับเข้าเว็บไซต์ของ ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในคดีที่ตนเป็นผู้ร้องได้ตลอดเวลา เช่น คดีนี้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว เหลือสอบพยานอีกกี่ปาก ฯลฯ แต่จะไม่ลงรายละเอียดลึกไปถึงขนาดว่าใครให้การว่าอย่างไร หรือไม่ลงรายละเอียดในตัวสำนวน เพื่อไม่ให้กระทบกับรูปคดี ส่วนคดีเก่าๆ ที่ร้องมาก่อนเดือนกันยายนก็จะพยายามไล่นำข้อมูลไปใส่ในเว็บไซต์ให้ครบทุกคดี
“การเปิดเผยข้อมูลเข่นนี้ของ ป.ป.ช.เป็นการแสดงความรับผิดชอบของเราด้วยว่าคดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ไม่ใช่หายต๋อมไปเลย ที่สำคัญยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ด้วย เพราะมีผู้ใหญ่บางท่านมาบอกกับเราว่าการทำงานของ ป.ป.ช.จะต้องเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศ” นายวิชากล่าว
ทั้งนี้ ป.ป.ช.หลายประเทศก็ยอมเปิดเผยข้อมูลในคดีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หรือคดีใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ไม่ใช่บอกเพียงผลของการประชุมว่าชี้มูลอะไรบ้างเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มมาตรการป้องกันการทุจริตด้วย ไม่ใช่มัวแต่ไปไล่ปราบเพียงอย่างเดียว เช่น ถ้าคุณโกงชาวบ้านก็จะรู้ทั้งเมือง ทำให้เกิดความเกรงกลัว
นายวิชากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังได้ตั้งคณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ขึ้นมา โดยมีเลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ไว้สำหรับแถลงข่าววาระการประชุมของ ป.ป.ช.ว่า ในสัปดาห์นั้นๆ จะมีคดีอะไรที่เข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช.บ้าง อย่างไรก็ตาม จะขอเวลาปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่ารูปแบบการแถลงข่าวจะเป็นเช่นใด ลงรายละเอียดได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ข้อมูลที่สื่อไปกับสาธารณะชนมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
นายวิชา กล่าวถึงความคืบหน้าในการโอนคดีบางส่วนให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า คงต้องรอหลังจากกฎหมายฉบับใหม่ของ ป.ป.ช.ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและมีผลบังคับใช้ก่อน จากนั้น ป.ป.ช.จะมาสำรวจว่า มีคดีใดบ้างที่ต้องส่งให้กับ ป.ป.ท.ไปดำเนินการไต่สวนต่อ เนื่องจากกฎหมายใหม่ให้อำนาจ ป.ป.ช.ไต่สวนข้าราชการระดับผู้อำนวยการการ หรือตั้งแต่ซี 8 ขึ้นไปเท่านั้น เท่าที่ประมาณเบื้องต้นน่าจะประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 2,400 คดี จากคดีที่ค้างอยู่ทั้งหมด 6,000 กว่าคดีที่จะต้องโอนให้ ป.ป.ท.ไปดำเนินการต่อ ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้จะต้องสำรวจให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม บางคดีแม้กล่าวหาข้าราชการระดับผู้อำนวยการกองลงมา แต่ถ้ามีข้าราชการระดับสูงกว่านั้นไปพัวพันด้วย ป.ป.ช.ก็อาจจะขอไว้ดูแลเอง
