วานนี้ (18 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และนายสมโภชน์ สุวรรณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลงที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จ.ปัตตานี ถึงการปฏิบัติงานแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้ทุกหน่วยมีการปรับและเสริมกำลังมาเพิ่มเติมในพื้นที่เพื่อดูแลประชาชนอย่างเข้มงวด เช่น กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) ได้รับกำลังเพิ่มเติมจากกองทัพบกให้ลงมาปฏิบัติหน้าที่
โดยช่วงแรกเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 18-30 มิ.ย.นี้มั่นใจว่าจะช่วยควบคุม สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งกองกำลังชุดนี้จะลงเสริมการปฏิบัติงานกับกองกำลังทหารเดิมในพื้นที่ที่อาจมีความอ่อนล้ามานาน ซึ่งพื้นที่จะลงไปเป็นพื้นที่หลักๆ ที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะการติดตามกลุ่มก่อเหตุตามป่าเขา ตามหมู่บ้านเป้าหมาย เช่น อ.บันนังสตา อ.รามัน จ.ยะลา อ.เจาะไอร้อง อ.บาเจาะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ส่วน จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ อ.หนองจิก อ.สายบุรี อ.กะพ้อ และ อ.ทุ่งยางแดง
พล.ต.ท.พีระ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีสำคัญกรณียิงมัสยิดบ้านไอปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 10 รายนั้น จากการสอบพยานจำนวน 34 ปากรวมทั้งวัตถุพยานที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะปลอกกระสุนพบว่ามีการใช้ปืน 3 ชนิดคือ อาก้า เอ็ม 16 และลูกซอง จากการตรวจสอบปลอกกระสุนอาก้าพบว่าเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ดังนั้น จึงตั้งชุดสอบสวนพิเศษเฉพาะกิจลงพื้นที่เร่งคลี่คลายคดี เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงเร็วที่สุด ส่วนความคืบหน้าคดีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคดียิงพระสงฆ์ ขว้างระเบิดใส่รถโดยสารที่ จ.ยะลา ซุกระเบิดรถจักรยานยนต์หน้า สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รวมทั้งยิงครูในพื้นที่ อ.รามัน อยู่ในการสืบสวนสอบสวนและคืบหน้ามาก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับนาย ถาวร เสนเนียม รมช. มหาดไทย และส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป้าหมายสำคัญคือจะลงไปประชุมกับผู้ปฏิบัติในในพื้นที่และติดตามสอบสวน สืบสวนคดี ที่ผู้ก่อความไม่สงบก่อขึ้นหลายคดีในช่วงเดือนมิ.ย. นี้ โดยจะได้ปรึกษาหารือแนวทางในการคุ้มครองมัสยิดวัด ครู และประชาชนทั้งหลายให้มีความปลอดภัยในพื้นที่
ส่วนการไปพร้อมกับ ส.ส.ในพื้นที่เป็นไปตามข้อเรียกร้องของนายชวน หลีกภัย ประะานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เสนอหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า จริงๆแล้ว ส.ส. ภาคใต้ได้ลงพื้นที่ไปพร้อมกับนายถาวร เสนเนียม เป็นประจำทุกครั้งที่ลงในพื้นที่ อยู่แล้ว ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของส.ส.ในพื้นที่นั้นรัฐบาลรับฟังอยู่ตลอดเวลา โครงงานแผนการที่จัดงบประมาณในปีนี้ ล้วนมาจากการเสนอความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่โดยผ่านส.ส. และผ่านหน่วยงานต่างๆ
ส่วนที่นายชวนเสนอให้ทุกกระทรวงทำงานอย่างมีเอกภาพมากขึ้นนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานก็เป็นเอกภาพดี ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมการติดตามเร่งรัดการทำงานของรัฐบาล โดยมี นายถาวร เป็นรองประธาน ประสานกับทุกกระทรวง จะเห็นว่าบางครั้งที่ตนลงพื้นที่จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ ลงไปด้วยหลายกระทรวง จึงยังไม่เห็นว่ามีการขาดเอกภาพอย่างไร ตนรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะของทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเสนอให้เข้มข้นในเรื่องการตรวจค้นและทำให้ประชาชน เข้าใจการทำงานของรัฐบาลเพื่อให้หันมาร่วมมือด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า คงเป็นเรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งตนจะนำเรื่องที่นายชวน เสนอแนะไปพูดกับฝ่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
สำหรับกฎหมาย ศอ.ชต.ที่ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้าจะเร่งรัดอย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า กฎหมายต้องใช้เวลาในการทำ มีขั้นตอนในการร่าง และพิจารณาในขณะที่กฎหมายยังไม่ใช้บังคับก็มีการปรับวิธีการทำงานรองรับแนวทางที่ให้สอดคล้อง กฎหมายที่จะออกมาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ออกมาให้ความเห็น ชอบหรือไม่ เนื่องจากการมี ศบ.ชต. เป็นการลดอำนาจฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ไม่ได้คิดเรื่องอำนาจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารวันนี้มีหน้าที่ดูแลให้ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินต่อประชาชน และสร้างโอกาสให้เอื้อต่อฝ่ายพลเรือนที่เข้าไปทำงานในด้านการพัฒนา ตามนโยบายของรัฐบาล เมื่อเหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารต้องถอนตัวจากพื้นที่อยู่แล้ว เป็นเรื่องการบริหารราชการตามแนวกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้เตรียมการเอาไว้ เมื่อถามว่า วันนี้ทางทหารเห็นชอบกับการจัดทำร่าง ศบ.ชต.ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ และคณะเดินทางมาถึงสนามบินบ่อทอง อ.หนองจิก จ. ปัตตานี โดยมี ผู้ว่าราชการและเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆให้การต้อนรับรวมไปถึง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาต้อนรับด้วย จากนั้นคณะได้เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งระหว่างทาง มีเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ในการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีสำคัญในพื้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งนายสุเทพ ได้กล่าวมอบนโยบายและข้อห่วงใจจากรัฐบาล
เช้าวันเดียวกันหน่วยเฉพาะกิจ จ.ปัตตานี ได้ออกตระเวนตามเส้นทาง ที่ทางอากาศ กำหนดบ้านเป้าหมาย และแหล่งที่คาดว่า กลุ่มแนวร่วมจะเข้าไปหลบซ่อน ทั้งเป้าหมายเก่า และเป้าหมายใหม่ พร้อมสนับสนุนชี้จุดให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน เข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มก่อความสงบในพื้นที่ โดยเข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมายพร้อมกัน 12 อำเภอ เพื่อกดดันกลุ่มแนวร่วม โดยจะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ท.จำลอง ศุภลักษณ์ สว.หน.สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ประสานเจ้าหน้าที่กองวิทยาการและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบอีกครั้งช่วงสายวานนี้ (18 มิ.ย.) บริเวณถนนเลียบอ่างเก็บน้ำ หลังหมู่บ้านปะลุกาแปเราะ ม.7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ เพื่อเก็บหลักฐานจากเหตุลอบวางเพลิงรถแบ็คโฮ 2 คัน เมื่อคืน 17 มิ.ย. ซึ่งเป็นรถของผู้รับเหมาขุดอ่างเก็บน้ำ สำนักงานชลประทานจังหวัดนราธิวาส โดยพบว่ารถทั้งสองคันถูกเผาเสียหายไม่สามารถใช้งานได้
นอกจากนี้ ยังพบผ้าชุบน้ำมันเชื้อเพลิงวางอยู่ภายในห้องคนขับ และมีถังแกลลอนน้ำมัน 1 ถัง ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นของผู้ก่อเหตุใช้ลอบวางเพลิง เบื้องต้นทราบว่ามีชาย 5 คน สวมหมวกไหมพรมอำพรางใบหน้า ถืออาวุธปืนสงครามออกจากสวนลองกองและขู่บังคับคนงานที่มาเฝ้าเวรทั้ง 3 คน เข้าไปในสวนก่อนจับมัดไว้กับต้นลองกอง จากนั้นชายทั้ง 5 ช่วยกันวางเพลิงรถแบ็คโฮและหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส รับแจ้งว่าชุดเครื่องแบบของ อาสาสมัครรักษาดินแดนประจำที่ว่าการ อ.เมืองนราธิวาส จำนวน 30 ชุด หายไปคืน 17 มิ.ย.จากบ้านพักของนายสุรชัย ชวาลารัตน์ นายอำเภอเมือง ซึ่งเป็นชุดที่เตรียมไว้แจกให้กับอาสาสมัครรักษาดินแดน จึงสั่งการด่วนไปยังผู้บังคับการชุดเฉพาะทั้ง 9 ชุด ที่รับผิดชอบพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ จ.นราธิวาส ให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดสนธิกำลังตำรวจและฝ่ายปกครอง เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่สัญจรไปมาบนถนนสายหลักและสายรอง เพราะเกรงว่าชุดดังกล่าวอาจตกไปอยู่กับผู้ไม่หวังดี
วันเดียวกัน เวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 15 สนธิกำลังตำรวจ สภ.บันนังสตา และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ ม.8 บ้านตือระ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่เกิดปะทะกับกลุ่มไม่ทราบฝ่าย หลังสิ้นเสียงปืนพบว่า อีกฝ่ายถูกวิสามัญฯ 4 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย เบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย คือ นายมะซอบบี ยะโก๊ะ นายมูฮะหมัด ซุกกรีกูโน และนายยูนุ ลาซะห์ นอกจากนี้ ยังยึดปืนได้อีก 4 กระบอก และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกหลายรายการ
โดยช่วงแรกเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 18-30 มิ.ย.นี้มั่นใจว่าจะช่วยควบคุม สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งกองกำลังชุดนี้จะลงเสริมการปฏิบัติงานกับกองกำลังทหารเดิมในพื้นที่ที่อาจมีความอ่อนล้ามานาน ซึ่งพื้นที่จะลงไปเป็นพื้นที่หลักๆ ที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะการติดตามกลุ่มก่อเหตุตามป่าเขา ตามหมู่บ้านเป้าหมาย เช่น อ.บันนังสตา อ.รามัน จ.ยะลา อ.เจาะไอร้อง อ.บาเจาะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ส่วน จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ อ.หนองจิก อ.สายบุรี อ.กะพ้อ และ อ.ทุ่งยางแดง
พล.ต.ท.พีระ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีสำคัญกรณียิงมัสยิดบ้านไอปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 10 รายนั้น จากการสอบพยานจำนวน 34 ปากรวมทั้งวัตถุพยานที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะปลอกกระสุนพบว่ามีการใช้ปืน 3 ชนิดคือ อาก้า เอ็ม 16 และลูกซอง จากการตรวจสอบปลอกกระสุนอาก้าพบว่าเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ดังนั้น จึงตั้งชุดสอบสวนพิเศษเฉพาะกิจลงพื้นที่เร่งคลี่คลายคดี เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงเร็วที่สุด ส่วนความคืบหน้าคดีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคดียิงพระสงฆ์ ขว้างระเบิดใส่รถโดยสารที่ จ.ยะลา ซุกระเบิดรถจักรยานยนต์หน้า สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รวมทั้งยิงครูในพื้นที่ อ.รามัน อยู่ในการสืบสวนสอบสวนและคืบหน้ามาก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับนาย ถาวร เสนเนียม รมช. มหาดไทย และส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป้าหมายสำคัญคือจะลงไปประชุมกับผู้ปฏิบัติในในพื้นที่และติดตามสอบสวน สืบสวนคดี ที่ผู้ก่อความไม่สงบก่อขึ้นหลายคดีในช่วงเดือนมิ.ย. นี้ โดยจะได้ปรึกษาหารือแนวทางในการคุ้มครองมัสยิดวัด ครู และประชาชนทั้งหลายให้มีความปลอดภัยในพื้นที่
ส่วนการไปพร้อมกับ ส.ส.ในพื้นที่เป็นไปตามข้อเรียกร้องของนายชวน หลีกภัย ประะานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เสนอหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า จริงๆแล้ว ส.ส. ภาคใต้ได้ลงพื้นที่ไปพร้อมกับนายถาวร เสนเนียม เป็นประจำทุกครั้งที่ลงในพื้นที่ อยู่แล้ว ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของส.ส.ในพื้นที่นั้นรัฐบาลรับฟังอยู่ตลอดเวลา โครงงานแผนการที่จัดงบประมาณในปีนี้ ล้วนมาจากการเสนอความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่โดยผ่านส.ส. และผ่านหน่วยงานต่างๆ
ส่วนที่นายชวนเสนอให้ทุกกระทรวงทำงานอย่างมีเอกภาพมากขึ้นนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานก็เป็นเอกภาพดี ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมการติดตามเร่งรัดการทำงานของรัฐบาล โดยมี นายถาวร เป็นรองประธาน ประสานกับทุกกระทรวง จะเห็นว่าบางครั้งที่ตนลงพื้นที่จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ ลงไปด้วยหลายกระทรวง จึงยังไม่เห็นว่ามีการขาดเอกภาพอย่างไร ตนรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะของทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเสนอให้เข้มข้นในเรื่องการตรวจค้นและทำให้ประชาชน เข้าใจการทำงานของรัฐบาลเพื่อให้หันมาร่วมมือด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า คงเป็นเรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งตนจะนำเรื่องที่นายชวน เสนอแนะไปพูดกับฝ่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
สำหรับกฎหมาย ศอ.ชต.ที่ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้าจะเร่งรัดอย่างไรนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า กฎหมายต้องใช้เวลาในการทำ มีขั้นตอนในการร่าง และพิจารณาในขณะที่กฎหมายยังไม่ใช้บังคับก็มีการปรับวิธีการทำงานรองรับแนวทางที่ให้สอดคล้อง กฎหมายที่จะออกมาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ออกมาให้ความเห็น ชอบหรือไม่ เนื่องจากการมี ศบ.ชต. เป็นการลดอำนาจฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ไม่ได้คิดเรื่องอำนาจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารวันนี้มีหน้าที่ดูแลให้ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินต่อประชาชน และสร้างโอกาสให้เอื้อต่อฝ่ายพลเรือนที่เข้าไปทำงานในด้านการพัฒนา ตามนโยบายของรัฐบาล เมื่อเหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารต้องถอนตัวจากพื้นที่อยู่แล้ว เป็นเรื่องการบริหารราชการตามแนวกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้เตรียมการเอาไว้ เมื่อถามว่า วันนี้ทางทหารเห็นชอบกับการจัดทำร่าง ศบ.ชต.ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ และคณะเดินทางมาถึงสนามบินบ่อทอง อ.หนองจิก จ. ปัตตานี โดยมี ผู้ว่าราชการและเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆให้การต้อนรับรวมไปถึง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาต้อนรับด้วย จากนั้นคณะได้เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งระหว่างทาง มีเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ในการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีสำคัญในพื้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งนายสุเทพ ได้กล่าวมอบนโยบายและข้อห่วงใจจากรัฐบาล
เช้าวันเดียวกันหน่วยเฉพาะกิจ จ.ปัตตานี ได้ออกตระเวนตามเส้นทาง ที่ทางอากาศ กำหนดบ้านเป้าหมาย และแหล่งที่คาดว่า กลุ่มแนวร่วมจะเข้าไปหลบซ่อน ทั้งเป้าหมายเก่า และเป้าหมายใหม่ พร้อมสนับสนุนชี้จุดให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน เข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มก่อความสงบในพื้นที่ โดยเข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมายพร้อมกัน 12 อำเภอ เพื่อกดดันกลุ่มแนวร่วม โดยจะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ท.จำลอง ศุภลักษณ์ สว.หน.สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ประสานเจ้าหน้าที่กองวิทยาการและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบอีกครั้งช่วงสายวานนี้ (18 มิ.ย.) บริเวณถนนเลียบอ่างเก็บน้ำ หลังหมู่บ้านปะลุกาแปเราะ ม.7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ เพื่อเก็บหลักฐานจากเหตุลอบวางเพลิงรถแบ็คโฮ 2 คัน เมื่อคืน 17 มิ.ย. ซึ่งเป็นรถของผู้รับเหมาขุดอ่างเก็บน้ำ สำนักงานชลประทานจังหวัดนราธิวาส โดยพบว่ารถทั้งสองคันถูกเผาเสียหายไม่สามารถใช้งานได้
นอกจากนี้ ยังพบผ้าชุบน้ำมันเชื้อเพลิงวางอยู่ภายในห้องคนขับ และมีถังแกลลอนน้ำมัน 1 ถัง ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นของผู้ก่อเหตุใช้ลอบวางเพลิง เบื้องต้นทราบว่ามีชาย 5 คน สวมหมวกไหมพรมอำพรางใบหน้า ถืออาวุธปืนสงครามออกจากสวนลองกองและขู่บังคับคนงานที่มาเฝ้าเวรทั้ง 3 คน เข้าไปในสวนก่อนจับมัดไว้กับต้นลองกอง จากนั้นชายทั้ง 5 ช่วยกันวางเพลิงรถแบ็คโฮและหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส รับแจ้งว่าชุดเครื่องแบบของ อาสาสมัครรักษาดินแดนประจำที่ว่าการ อ.เมืองนราธิวาส จำนวน 30 ชุด หายไปคืน 17 มิ.ย.จากบ้านพักของนายสุรชัย ชวาลารัตน์ นายอำเภอเมือง ซึ่งเป็นชุดที่เตรียมไว้แจกให้กับอาสาสมัครรักษาดินแดน จึงสั่งการด่วนไปยังผู้บังคับการชุดเฉพาะทั้ง 9 ชุด ที่รับผิดชอบพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ จ.นราธิวาส ให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดสนธิกำลังตำรวจและฝ่ายปกครอง เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่สัญจรไปมาบนถนนสายหลักและสายรอง เพราะเกรงว่าชุดดังกล่าวอาจตกไปอยู่กับผู้ไม่หวังดี
วันเดียวกัน เวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 15 สนธิกำลังตำรวจ สภ.บันนังสตา และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ ม.8 บ้านตือระ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่เกิดปะทะกับกลุ่มไม่ทราบฝ่าย หลังสิ้นเสียงปืนพบว่า อีกฝ่ายถูกวิสามัญฯ 4 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย เบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย คือ นายมะซอบบี ยะโก๊ะ นายมูฮะหมัด ซุกกรีกูโน และนายยูนุ ลาซะห์ นอกจากนี้ ยังยึดปืนได้อีก 4 กระบอก และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกหลายรายการ