xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.4 แถลงมาตรการรักษาความปลอดภัย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 ควงผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลงมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังกองทัพเพิ่มเจ้าหน้าที่ทหารลงในพื้นที่


วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบ.จชต.) และว่าที่ ร.ต.สมโภชน์ สุวรรณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฝ่ายพัฒนาชุมชน) ได้ร่วมกันแถลงข่าว ความคืบหน้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการติดตามคดีการก่อความไม่สงบที่สำคัญๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ มาตรการการแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่

พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากเหตุการณ์การก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต่างมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น โดยได้มีคำสั่งด่วนสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามคดีที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และเร่งยุติเหตุร้ายที่เกิดขึ้นรายวันในพื้นที่

ขณะนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ที่มีขีดความสามารถพิเศษลงมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียบร้อยแล้ว เพื่อยุติสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่วนมาตรการที่จะยุติเหตุร้ายรายวันที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานในพื้นที่ว่า มีการปฏิบัติงานกันอย่างไร มีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน

พร้อมทั้งได้กำชับแก่เจ้าหน้าที่ ในเรื่องของจุดอ่อน หรือ จุดบอด ในพื้นที่ ซึ่งจะต้องทำการเร่งแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ให้รวดเร็ว เพื่อป้องกันการก่อเหตุของฝ่ายตรงข้าม และมีการเพิ่มกำลังในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น การปฏิบัติการในเชิงรุกที่จะต้องเข้าพิสูจน์ทราบเป้าหมายต่างๆ ทั้งพื้นที่ป่าเขา ชุมชน-หมู่บ้าน และพื้นที่ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อเหตุการณ์

รวมทั้งพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์อยู่บ่อยครั้ง มีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่ายเข้าไปติดตามทำการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อนำความสงบสุขมาสู่พี่น้องประชาชน โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้เครื่องมือพิเศษเข้าไปทำการตรวจสอบ

ในภาพรวมการปฏิบัติงานประจำวันนั้น ได้มีการระดมกำลังอากาศยานทั้งหมดเข้ามาใช้ทำงานยุทธการในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ข้าราชการครู รถไฟ โรงเรียน วัด มัสยิด และสถานที่ราชการต่างๆ รวมทั้งใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรวจสอบพื้นที่สำคัญๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ. บันนังสตา อ.กรงปินัง อ.รามัน จ.ยะลา ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง อ.สุไหงปาดี อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และในพื้นที่ อ.สายบุรี อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ และ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งในขณะนี้กำลังทหารบางส่วนได้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวหมดแล้ว คาดว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่ลงพื้นที่นั้นจะสามารถดูแลความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน และติดตามกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้

ส่วนความคืบหน้าของคดี ที่มีกลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามยิงชาวบ้านจนเสียชีวิต จำนวน 11 คน บาดเจ็บอีก 18 คน ขณะประกอบพิธีละหมาดภายในมัสยิดอัลฟรุกอน บ้านไอปาร์แย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า คดีที่มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ภายในมัสยิดอัลฟรุกอน บ้านไอปาร์แย เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญแก้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เป็นอย่างมาก ขณะนี้ได้มีการติดตามเร่งรัดการ สืบสวนสอบสวน เชื่อมโยงในประเด็นที่ ได้ตั้งไว้ 3 ประเด็นด้วยกัน
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการสืบสวน สอบสวนด้วยความรอบคอบมากที่สุด ให้มีความสมบูรณ์ และจะต้องตอบต่อสังคมให้ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นมีความสำคัญมาก ต้องใช้เวลาและความละเอียดมากที่สุด และให้ประชาชนทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายปกครองไม่ได้นิ่งนอนใจ

จากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบรอยกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนอาก้า ปลอก เอ็ม 16 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก หลักฐานที่พบสามารถชี้ได้ว่ามีผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยหลักฐานทางอาวุธปืนทั้งหมดในขณะนี้ชุดนิติวิทยาศาสตร์ได้นำไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว

ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังกล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ปี 2547 ถึงเดือนพฤษภาคม 2552 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว 9,687 เหตุ เป็นเหตุยิง 5,071 ระเบิด 1,574 และวางเพลิง 1,396 ก่อให้เกิดความสูญเสีย แก่ประชาชนที่บริสุทธิ์ถึง 3,078 คน และบาดเจ็บกว่า 4,292 คนโดยเฉพาะเป้าหมายที่อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นครู บาดเจ็บ 96 เสียชีวิต 92 และ พระสงฆ์ บาดเจ็บ 15 มรณภาพ 5 จะเห็นได้ว่ากลุ่มก่อความไม่สงบได้กระทำต่อเป้าหมายโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร โดยกระทำการอย่างโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม มุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว และก่อให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ตั้งแต่ปี 47 - พ.ค. 52 มีคดีความมั่นคง 6,559 คดี รู้ตัว 1,478 ออกหมายจับได้ 6,902 หมาย เป็น ป.วิอาญา 3,216 และหมาย พ.ร.ก. 3,686 จับกุมผู้กระทำผิดได้รวม 3,809 หมาย นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยอาศัยตามอำนาจ พ.ร.ก.กว่า 1,719 คน และสามารถจับกุมคนร้ายตามหมายจับกุม และเกิดการปะทะคนร้ายเสียชีวิต 86 คน และยังสามารถตรวจยึดอาวุธของคนร้ายได้เป็นจำนวนมาก

ส่วนความคืบหน้าคดียิงพระสงฆ์จนมรณภาพ 1 รูป ที่บ้านคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมืองยะลา และคดีคนร้ายขว้างระเบิดใส่รถยนต์โดยสารนิคมกือลอง-นครยะลา ที่บ้านมาลายูบางกอก อ.เมืองยะลา ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 13 คน คดีคนร้ายซุกระเบิดในรถจักรยานยนต์ (จยย.บอมบ์) ภายใน สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย และคดีคนร้ายประกบยิง น.ส.เลขา อิสระ ครูโรงเรียนบ้านพอเม็ง ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา อยู่ในระหว่างการดำเนินการสืบสวน-สอบสวน ซึ่งมีความคืบหน้ามากพอสมควร






กำลังโหลดความคิดเห็น