นราธิวาส - โจรใต้ลอบวางระเบิดห้องวีไอพีในร้านคาราโอเกะกลางเมืองนราธิวาส โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดโชว์ผลงานกู้ จยย.บอมบ์จอดหน้าร้านได้อีก 1 คัน
เมื่อช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา ร.ต.ท.คงศักดิ์ แดงดี ร้อยเวรประจำสถานีตำรวจภูธร เมืองนราธิวาส รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 จุดบริเวณร้านฟีฟ่าคาราโอเกะ ตั้งอยู่บริเวณโรงแรมอิมพีเรียล เลขที่ 228/27 เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หลังรับแจ้งได้รายงาน พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส ทราบพร้อมทั้งประสาน พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองวิทยาการ จ.นราธิวาส ขอกำหลังเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงที่เกิดเหตุได้ทำการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เพื่อป้องกันการก่อเหตุระเบิดซ้ำ พร้อมเข้าตรวจสอบบริเวณหน้าร้านฟีฟ่าพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กยต-579 นราธิวาส จอดอยู่หน้าร้านโดยไม่มีใครแสดงเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้มีการประกอบระเบิดแสวงเครื่องไว้ในกล่องเหล็กหนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนระเบิดด้วยการตั้งปลุกจากนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล ซุกซ่อนใต้เบาะนั่ง
เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บกู้ จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบภายในร้าน ซึ่งระเบิดได้เกิดขึ้นภายในห้องวีไอพี ชั้น 2 ของตัวอาคาร โดยคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก จำนวน 2 ลูก น้ำหนักลูกละ 3 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยการตั้งเวลาปลุกจากนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล วางไว้ใต้เก้าอี้โซฟาข้างผนังห้อง แรงระเบิดทำให้เก้าอี้โซฟา กระจกหน้าต่าง ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยรอบห้องมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนางไพพรรณ ศิริพันธุ์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านฟีฟ่า ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุในช่วงค่ำมีวัยรุ่นจำนวน 5 คน โดยมี 1 คนที่สะพานกระเป๋าเข้าในห้องคาราโอเกะ วีไอพี ชั้น 2 และเมื่อกลุ่มได้ออกจากร้านไปประมาณ 10 นาทีก็เกิดระเบิดขึ้นเสียงดัง 2 ครั้งซ้อน ขณะนั้นโชคดีที่ไม่มีลูกค้าอยู่ชั้น 2 เพราะลูกค้าส่วนใหญ่นั่งดูบอลอยู่ชั้นล่างเกือบ 10 คน จึงได้วิ่งหนีออกจากร้านพร้อมแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
หลังเกิดเหตุ นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายธนน เวชกรกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งกำลัง อส.ในพื้นที่ให้คอยเฝ้าระวังตามสถานที่ราชการอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุซ้ำอีก ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่เตรียมตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน