นายกฯ ถก “ประวิตร-วิเชียร” รับมือเสื้อแดงเคลื่อนไหวถวายฎีกา 17 ส.ค. ห่วงมือที่ 3 เตือนแกนนำพูดจายั่วยุต้องระวัง คดีเก่ายังค้าง มั่นใจฝ่ายความมั่นคงดูแลได้ ยอมรับไม่ประมาทกระแสข่าว “ปฏิวัติเงียบ” เชื่อคนไทยส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ เศรษฐกิจฟื้น ชี้จะเป็นเกราะคุ้มกันผ่านสถานการณ์ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมรับมือกรณีที่หน่วยสันติบาลประเมินว่าจำนวนคนที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการยื่นฎีกามีจำนวนถึง 2 หมื่นคนว่า เพิ่งได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร.แล้ว คิดว่าน่าจะบริหารจัดการกันได้ และมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สมมติว่าจะเข้ามา 2 หมื่นคน แต่ความสำคัญอยู่ที่การจัดให้ทุกอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ซึ่งในชั้นนี้คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเริ่มมีการพยายามยั่วยุเพื่อให้เกิดการปะทะกับพันธมิตรฯ อย่างกรณีที่ จ.พะเยา ที่บุกสถานที่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในต่างจังหวัดตนได้ย้ำหลายครั้งแล้วว่า การใช้สิทธิของแต่ละฝ่ายได้เปิดโอกาสให้กันและกัน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดการประทะกัน และพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) ก็เหมือนกัน ในกรณีที่มีกลุ่มอื่นเข้ามาก็ได้กำชับไปแล้วว่าจะต้องมีวิธีการที่จะไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน เมื่อถามว่า ความเป็นไปได้ที่อาจจะมีมือที่ 3 มาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นี่คือเหตุผลที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ฉะนั้นได้กำชับไปอีกรอบ และได้รับการยืนยันจากคนทำงานทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหารว่ามีความพร้อมที่จะดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า บรรยากาศแบบนี้เหมือนกับย้อนเวลากลับไปในสิ่งที่หลอกหลอนคนไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าคามคิดเห็นที่แตกต่างยังค้างอยู่และเราต้องใข้เวลา ใช้บทเรียนต่างๆ ซึ่งตนได้ย้ำตลอดเวลาว่าที่ผ่านมาไดสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนคนไทยเวลาที่เกิดความไม่สงบขึ้น ฉะนั้น คงอย่าให้เกิดขึ้นอีก หากเกิดขึ้นคนที่เดือดร้อนคือคนทั้งประเทศและกลุ่มนั้นๆ เองจะถูกสังคมมองว่าเป็นตัวปัญหาในบ้านเมือง ถ้าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ อยู่ในความสงบก็ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่าทุกครั้งทิ่สุดจะมีความเคลื่อนไหวอย่างนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมักจะออกมาบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเวลานั้นเวลานี้ ล่าสุดนายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่า 3 เดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือน 2475 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าพูดจาอะไรในลักษณะยั่วยุ ความจริงอยากจะบอกว่าหลายคนก็มีเรื่องในอดีต ซึ่งเป็นคดีที่ค้างอยู่ ตำรวจ ศาล เขาก็ต้องพิจารณาตรงนี้อยู่แล้ว อยากให้นักการเมืองระมัดระวัง บางทีตนเข้าใจอาจต้องการที่จะทำให้เกิดความหึกเหิมหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ได้เป็นผลดี เมื่อถามว่าแสดงความความพยามตรงนี้ยังไม่หมดไป นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้เรียนมาตลอดว่าจะมีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่ต้องเห็น้านเมืองวุ่นวาย อันนี้เราคงไปเปลี่ยนใจเขาไม่ได้ แต่หน้าที่เราคือ อย่าให้เข้ามามีอิทธิพลเพียงพอจนทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นและถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ต้องจัดการเด็ดขาด
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้เขาดำเนินการสำเร็จ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้ก็บริหารจัดการอยู่และพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) จะต้องดูให้เกิดความสงบเรียบร้อยและเรื่องอื่นๆ เราต้องใช้วิธีในการให้ข้อมูลและชี้แจงไป จริงๆ ตั้งแต่เดือนเมษายนมา เหตุการณ์ต่างๆ ค่อนข้างอยู่ในระดับที่เรียบร้อยนอยากให้เป็นอย่างนี้ต่อไป
เมื่อถามว่า หลังมีการยื่นฎีกาแล้ว ขั้นตอนของรัฐบาลในการดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โดยหลักทางสำนักราชเลขาธิการจะส่งเรื่องมาขอความเห็นจากรัฐบาล รัฐบาลก็จะส่งความเห็นไปให้ ซึ่งจะมีประเด็นทั้งข้อกฎหมายว่าฎีกาเมื่อมาดูในข้อกฎหมายในด้านต่างๆ แล้วเป็นอย่างไร อย่างที่เราเห็นเบื้องต้นขณะนี้ได้บอกไปแล้วกรณีนี้ไม่ใช่กรณีการขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนเป็นการฎีกา ความเดือดร้อนทั่วไปหรือเป็นเรื่องการเมือง รัฐบาลจะให้ความเห็นไป และที่บอกว่าจะมีการเสนอรายชื่ออะไรที่บอกว่ามีกี่คนก็แล้วแต่ อาจจ้องมีการตรวจสอบเองต้นด้วยว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อถามว่าความเห็นที่รัฐบาลจะส่งให้ทางสำนักราชเลขาธิการ จะเป็นเรื่องการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่ใช่ไหม นายกรัฐมนตรีกล่าว่า เป็นเรื่องของทางสำนักราชเลขาธิการที่จะใช้ข้อมูลของรัฐบาลไปประกอบ
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ช่วงนี้อาจจะเกิดเหตุอะไร เพราะมีการออกมาพูดเรื่องปฏิวัติเงียบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนใหญ่มาจากคนที่เคลื่อนไหวในลักษณะที่ต้องการให้คนมองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องให้ข่าวในทำนองนั้น แต่ตนยืนยันยังมองไม่เห็นว่าถ้าเกิดสิ่งเหล่านั้นแล้วบ้านเมืองจะเดินอย่างไร มีแต่จะเกิดความวุ่นวาย ความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่า อดีตนายทหารอย่าง พล.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะข่าวลือมักจะเป็นจริง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราไม่ประมาท แต่เรามั่นใจว่าระบบการทำงานและสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการเห็นคือความสงบเรียบร้อยและให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้านี้จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้
เมื่อถามว่า สนใจในข่าวที่ระบุว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บินด่วนไปสิงคโปร์พบกับ ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ค่อยได้ไปตามละเอียด ใครจะไปไหน แต่รัฐมนตรีหากไปปฏิบัติภารกิจอะไร ท่านก็ลาตนอยู่แล้ว เมื่อถามว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการจับมือกันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างที่มีข่าวออกมา คิดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลง หากเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีปัญหาอะไรเลย เราเป็นประเทศประชาธิปไตยเราต้องยอมรับได้อยู่แล้ว แต่ในชั้นนี้ตนยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองมองว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องให้ประเทศมีเสถียรภาพและงานต่างๆต้องการที่จะผลักดัน ขณะที่หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาอีก
เมื่อถามว่า รู้สึกเหนื่อยหรือไม่ที่ทุกครั้งพอเศรษฐกิจจะผงกหัวดีขึ้น แต่จะมีการเมืองเข้ามาซ้ำเติม นาอยภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์เบื่อ แต่ห่วงเวลามีอะไรที่ซ้ำเติมคนที่เหนื่อยคือคนทั้งประเทศ ตนเองไม่มีสิทธิ์เหนื่อยอยู่แล้ว จึงได้เรียกร้องว่าอย่าสร้างเงื่อนไขอะไร เวลานี้ที่ตนเดินทางไปต่าประเทศพบกับภาคธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่ยังเป็นเงื่อนไขเรื่องการเมือง ซึ่งยังเป็นเงื่อนไขเดียวที่เป้นความห่วงใยอยู่ เรื่องอื่นมันคลายไปมากแล้ว ฉะนั้น อยู่ที่คนไทยด้วยกันเองอยากจะเห็นเศรษฐกิจฟื้นเร็ว อยากเห็นประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งหลายก็ต้องช่วยกันทำให้ทุกอย่างนิ่ง อะไรที่ไม่ถูกต้องหรือคิดว่าไม่เป็นธรรม ตนบอกแล้วรับฟังตลอด เมื่อถามว่ายังมั่นใจว่าฝ่ายความมั่นคงจะควบคุมสถานการณ์ได้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องทำให้ได้ เป็นความรับผิดชอบ