พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพอากาศได้หารือกันเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารเสร็จแล้วประมาณ 50 % โดยเชื่อว่า การปรับย้ายในส่วนของกองทัพอากาศ ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงและ คงไม่มีรายการคุณขอมา เพราะขอมาก็คงไม่ได้ เพราะทุกคนที่เข้ามารับหน้าที่ ทำงานเพื่อชาติ ไม่ได้ทำเพื่อใคร ซึ่งขณะนี้ได้ขอข้อมูลจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับ และ กำลังจะพิจารณาร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย และกระทรวงกลาโหมอยู่ สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผบ.ทอ. คนใหม่นั้น ทุกคนมีความเหมาะสม ถ้าหากว่ามีจังหวะที่เหมาะสม ทุกคนก็สามารถขึ้นมาเป็นได้ทั้งนั้น
"คงไม่มีใครมาแทรกแซงโผโยกย้ายทหาร เพราะในกองทัพ ก็มีการพิจารณาในส่วนที่เหมาะสมขึ้นไป โดยทั่วไปการเมือง หรือผู้ที่ดูแลกระทรวงกลาโหม ก็คงจะต้องหามุมมอง หรือให้นโยบายต่างๆ ซึ่งเรื่องของการแทรกแซงในตัวบุคคลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าในแต่ละกระทรวงแต่ละกลุ่ม แต่ละกองทัพ มีความเป็นตัวของตัวเองในแต่ละหน่วย อย่างเช่น ของกองทัพอากาศที่ใครจะต้องเติบโตขนาดไหน มีความรู้ความสามารถอย่างไร จะเอาใครที่มีความใกล้ชิดกับนักการเมืองขึ้นมาทำหน้าที่ ตรงจุดนั้นคงทำไม่ได้ เพราะความศรัทธาเลื่อมใส และความสามารถไม่สามารถทำให้กองทัพเดินต่อไปได้ ฉะนั้นกองทัพจะมีหน้าที่ในการดูแลความเจริญเติบโต การเตรียมคนเขาทำมาเป็นระยะๆ มาโดยตลอด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าต้องพิจารณาดูถึงความเหมาะสมในการนำทหาร ที่ไปติดตามการเมืองกลับมาดำรงตำแหน่งสำคัญๆใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า การติดตามนักการเมืองก็มีอยู่บ้าง แต่กองทัพอากาศไม่ได้ส่งไป ดังนั้นคนที่จะได้รับการแต่งตั้ง ทางกองทัพจะต้องพิจารณาจุดนี้ด้วย และจะต้องบริหารกองทัพต่อไป จะต้องเป็นคนที่คนในกองทัพเลื่อมใส และศรัทธา เชื่อฟังสามารถบังคับบัญชาได้
เมื่อถามว่า ตำแหน่งของ ผบ.เหล่าทัพ จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้เกิดความรอบคอบหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า แน่นอน จะต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว จะไม่ใช่เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่จะทำเพื่อกองทัพอากาศ ซึ่งปีนี้ดูแล้วไม่ยาก ถึงแม้ว่าปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการเหล่าทัพหลายคนก็ตาม เพราะในกองทัพ ก็รู้กันอยู่แล้ว
"ผบ.เหล่าทัพทั้งหมดคงไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นเดียวกัน แต่ที่ผ่านมา เป็นความประจวบเหมาะ แต่ไม่จำเป็น คนที่ขึ้นมาจะต้องมีส่วนประกอบทุกด้าน ทั้งความรู้ ความสามารถ ความเป็นผู้นำ และมีประสบการณ์ในการทำงานที่ครอบคลุมหลากหลาย ถึงจะสามารถบริหารหน่วยงานได้ดี"
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า ตท.10 บางคนจะมานั่งในตำแหน่ง 5 เสือ ทอ. พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ความเป็นจริงก็สามารถขึ้นมาได้ หากใครที่มีความเหมาะสม ในปัจจุบันมี ตท. 10 ที่อยู่ในตำแหน่งหลักหลายคน ทั้งกองบัญชาการสนับสนุนทางอากาศ ปลัดบัญชีกองทัพอากาศ แต่ทุกคนก็จะต้องช่วยกันทำ ไม่ใช่ว่าใครอยู่ ตท.7 หรือ ตท.10 ไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ดี หากทุกคนมีขีดความสามารถ และจังหวะที่เหมาะสม ก็เป็นได้ทั้งนั้น
ทั้งนี้ แต่ละกองทัพก็จะพิจารณาว่า ใครจะไป ใครจะกลับ ใครจะไปอยู่ที่สำนักงานปลัดกลาโหม หรือ กองบัญชาการกองทัพไทย ถ้าหากว่าเหมาะสมเราก็ต้องเสนอขึ้นไปให้กลับเข้ามา ซึ่งต้องมีการหมุนเวียน คนที่อยู่ที่กองบัญชาการกองทัพไทยนานเกิน 3 ปี ก็ไม่เหมาะสม ถ้าเราไม่สามารถเสนอให้ตำแหน่งที่สูง เราก็จะดึงกลับมาทำงานที่กองทัพ โดยทุกคนจะมีเส้นทางรับราชการอยู่ และไม่ใช่ว่าเป็นรองแล้วจะต้องขึ้น บางครั้งจะมีการขยับทางซ้าย-ขวา และขึ้นไปเรื่อย กองบัญชาการกองทัพไทย มีหลายจุดที่ เป็นทหารเรือ ทหารอากาศ ซึ่งกองทัพอากาศ ก็จะต้องคิดเมื่อไปถึงจุดหนึ่ง เมื่อขึ้นสูงขึ้นไป หรือจะย้ายกลับมาทำงานในกองทัพอากาศต่อ ไม่ใช่ว่าไปแล้วจะตัดหางปล่อยวัด มันไม่ใช่
เมื่อถาม พ.ร.บ. การจัดระเบียบของกระทรวงกลาโหม จะทำให้การทำงานของ ผบ.เหล่าทัพง่ายขึ้นหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า จะเป็นมาตรฐานขึ้น การโยกย้ายในส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็น กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม การครองยศจะมีกฎเกณฑ์อยู่ จะทำออกมาเหมือนกันหมด ซึ่งแต่ละคนจะไม่น้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อถามว่า เมื่อถึงที่สุดจะยืนยันตัวบุคคลที่เสนอไปดำรงตำแหน่งหลักหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เมื่อเสนอใครขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ก็จะต้องมั่นใจ
สำหรับกระแสข่าวการโยก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไปดำรงตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบเหมือนกัน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และเรื่องนี้จะต้องถามคนที่มีอำนาจ และมีส่วนที่จะกำหนดตรงจุดนั้น ซึ่งก็จะต้องมีการพูดคุยกันต่อว่าเป็นอย่างไร ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ
ผบ.ทอ. กล่าวด้วยว่า การปรับโครงสร้างกองทัพอากาศที่ดำเนินการอยู่นั้น คงเสร็จไม่ทันในเดือน ต.ค.นี้ อาจจะต้องใช้โครงสร้างอันเดิมไปก่อน และคิดว่าประมาณเดือน มี.ค. หรือ เม.ย. คงจะเสร็จ ทั้งนี้กระบวนการในการดำเนินการที่จะเสนอให้เป็นพระราชกำหนด ซึ่งในส่วนของกระทรวงกลาโหมเสร็จแล้ว เหลือแต่ระดับล่างเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติกองทัพอากาศ พร้อมอยู่แล้ว มีการเตรียมการทั้งสถานที่ และตัวบุคคล เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการเมือง จะเข้ามาแทรกแซงการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหาร
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 51 ว่า ทุกคนกำลังทำกันอยู่ เพราะใกล้เวลา แต่เชื่อว่ายังไม่มีเหล่าทัพใดเสร็จ ซึ่งเคยได้คุยกับผบ.เหล่าทัพในกรอบว้างๆ ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตนก็ให้ทุกคนกลับไปทำในส่วนของตนเอง ส่วนจะมีข้ามฟากกันบ้าง ระหว่างเหล่าทัพ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้ ต้องมีการคุยกันระหว่างสองหน่วยที่มีการย้ายข้ามฟาก ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าที่ประชุม และคุยกันเองได้ ไม่มีนัย
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า การเมืองจะไม่แทรกแซงโผทหาร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ก็ดี ไม่มีอะไร น่าจะสบายใจ แต่เรื่องนี้ต้องถามกันตอนจบ ถ้าถามตอนนี้จะทำให้ไม่สบายใจ ทั้งนี้ในการพิจารณาเรามีคณะกรรมการจึงไม่มีอะไรน่าหนักใจ อาจจะมีปัญหา ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้ง เพราะมีตำแหน่งน้อยกว่าคนที่อยากจะเป็น ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของทหารกันเอง เชื่อว่าจะไม่มีการขอมาจากนักการเมือง ถ้ามีก็น้อยมาก
"คงไม่มีใครมาแทรกแซงโผโยกย้ายทหาร เพราะในกองทัพ ก็มีการพิจารณาในส่วนที่เหมาะสมขึ้นไป โดยทั่วไปการเมือง หรือผู้ที่ดูแลกระทรวงกลาโหม ก็คงจะต้องหามุมมอง หรือให้นโยบายต่างๆ ซึ่งเรื่องของการแทรกแซงในตัวบุคคลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าในแต่ละกระทรวงแต่ละกลุ่ม แต่ละกองทัพ มีความเป็นตัวของตัวเองในแต่ละหน่วย อย่างเช่น ของกองทัพอากาศที่ใครจะต้องเติบโตขนาดไหน มีความรู้ความสามารถอย่างไร จะเอาใครที่มีความใกล้ชิดกับนักการเมืองขึ้นมาทำหน้าที่ ตรงจุดนั้นคงทำไม่ได้ เพราะความศรัทธาเลื่อมใส และความสามารถไม่สามารถทำให้กองทัพเดินต่อไปได้ ฉะนั้นกองทัพจะมีหน้าที่ในการดูแลความเจริญเติบโต การเตรียมคนเขาทำมาเป็นระยะๆ มาโดยตลอด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าต้องพิจารณาดูถึงความเหมาะสมในการนำทหาร ที่ไปติดตามการเมืองกลับมาดำรงตำแหน่งสำคัญๆใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า การติดตามนักการเมืองก็มีอยู่บ้าง แต่กองทัพอากาศไม่ได้ส่งไป ดังนั้นคนที่จะได้รับการแต่งตั้ง ทางกองทัพจะต้องพิจารณาจุดนี้ด้วย และจะต้องบริหารกองทัพต่อไป จะต้องเป็นคนที่คนในกองทัพเลื่อมใส และศรัทธา เชื่อฟังสามารถบังคับบัญชาได้
เมื่อถามว่า ตำแหน่งของ ผบ.เหล่าทัพ จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้เกิดความรอบคอบหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า แน่นอน จะต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว จะไม่ใช่เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่จะทำเพื่อกองทัพอากาศ ซึ่งปีนี้ดูแล้วไม่ยาก ถึงแม้ว่าปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการเหล่าทัพหลายคนก็ตาม เพราะในกองทัพ ก็รู้กันอยู่แล้ว
"ผบ.เหล่าทัพทั้งหมดคงไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นเดียวกัน แต่ที่ผ่านมา เป็นความประจวบเหมาะ แต่ไม่จำเป็น คนที่ขึ้นมาจะต้องมีส่วนประกอบทุกด้าน ทั้งความรู้ ความสามารถ ความเป็นผู้นำ และมีประสบการณ์ในการทำงานที่ครอบคลุมหลากหลาย ถึงจะสามารถบริหารหน่วยงานได้ดี"
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า ตท.10 บางคนจะมานั่งในตำแหน่ง 5 เสือ ทอ. พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ความเป็นจริงก็สามารถขึ้นมาได้ หากใครที่มีความเหมาะสม ในปัจจุบันมี ตท. 10 ที่อยู่ในตำแหน่งหลักหลายคน ทั้งกองบัญชาการสนับสนุนทางอากาศ ปลัดบัญชีกองทัพอากาศ แต่ทุกคนก็จะต้องช่วยกันทำ ไม่ใช่ว่าใครอยู่ ตท.7 หรือ ตท.10 ไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ดี หากทุกคนมีขีดความสามารถ และจังหวะที่เหมาะสม ก็เป็นได้ทั้งนั้น
ทั้งนี้ แต่ละกองทัพก็จะพิจารณาว่า ใครจะไป ใครจะกลับ ใครจะไปอยู่ที่สำนักงานปลัดกลาโหม หรือ กองบัญชาการกองทัพไทย ถ้าหากว่าเหมาะสมเราก็ต้องเสนอขึ้นไปให้กลับเข้ามา ซึ่งต้องมีการหมุนเวียน คนที่อยู่ที่กองบัญชาการกองทัพไทยนานเกิน 3 ปี ก็ไม่เหมาะสม ถ้าเราไม่สามารถเสนอให้ตำแหน่งที่สูง เราก็จะดึงกลับมาทำงานที่กองทัพ โดยทุกคนจะมีเส้นทางรับราชการอยู่ และไม่ใช่ว่าเป็นรองแล้วจะต้องขึ้น บางครั้งจะมีการขยับทางซ้าย-ขวา และขึ้นไปเรื่อย กองบัญชาการกองทัพไทย มีหลายจุดที่ เป็นทหารเรือ ทหารอากาศ ซึ่งกองทัพอากาศ ก็จะต้องคิดเมื่อไปถึงจุดหนึ่ง เมื่อขึ้นสูงขึ้นไป หรือจะย้ายกลับมาทำงานในกองทัพอากาศต่อ ไม่ใช่ว่าไปแล้วจะตัดหางปล่อยวัด มันไม่ใช่
เมื่อถาม พ.ร.บ. การจัดระเบียบของกระทรวงกลาโหม จะทำให้การทำงานของ ผบ.เหล่าทัพง่ายขึ้นหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า จะเป็นมาตรฐานขึ้น การโยกย้ายในส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็น กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม การครองยศจะมีกฎเกณฑ์อยู่ จะทำออกมาเหมือนกันหมด ซึ่งแต่ละคนจะไม่น้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อถามว่า เมื่อถึงที่สุดจะยืนยันตัวบุคคลที่เสนอไปดำรงตำแหน่งหลักหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เมื่อเสนอใครขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ก็จะต้องมั่นใจ
สำหรับกระแสข่าวการโยก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไปดำรงตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบเหมือนกัน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และเรื่องนี้จะต้องถามคนที่มีอำนาจ และมีส่วนที่จะกำหนดตรงจุดนั้น ซึ่งก็จะต้องมีการพูดคุยกันต่อว่าเป็นอย่างไร ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ
ผบ.ทอ. กล่าวด้วยว่า การปรับโครงสร้างกองทัพอากาศที่ดำเนินการอยู่นั้น คงเสร็จไม่ทันในเดือน ต.ค.นี้ อาจจะต้องใช้โครงสร้างอันเดิมไปก่อน และคิดว่าประมาณเดือน มี.ค. หรือ เม.ย. คงจะเสร็จ ทั้งนี้กระบวนการในการดำเนินการที่จะเสนอให้เป็นพระราชกำหนด ซึ่งในส่วนของกระทรวงกลาโหมเสร็จแล้ว เหลือแต่ระดับล่างเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติกองทัพอากาศ พร้อมอยู่แล้ว มีการเตรียมการทั้งสถานที่ และตัวบุคคล เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการเมือง จะเข้ามาแทรกแซงการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหาร
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 51 ว่า ทุกคนกำลังทำกันอยู่ เพราะใกล้เวลา แต่เชื่อว่ายังไม่มีเหล่าทัพใดเสร็จ ซึ่งเคยได้คุยกับผบ.เหล่าทัพในกรอบว้างๆ ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตนก็ให้ทุกคนกลับไปทำในส่วนของตนเอง ส่วนจะมีข้ามฟากกันบ้าง ระหว่างเหล่าทัพ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้ ต้องมีการคุยกันระหว่างสองหน่วยที่มีการย้ายข้ามฟาก ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าที่ประชุม และคุยกันเองได้ ไม่มีนัย
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า การเมืองจะไม่แทรกแซงโผทหาร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ก็ดี ไม่มีอะไร น่าจะสบายใจ แต่เรื่องนี้ต้องถามกันตอนจบ ถ้าถามตอนนี้จะทำให้ไม่สบายใจ ทั้งนี้ในการพิจารณาเรามีคณะกรรมการจึงไม่มีอะไรน่าหนักใจ อาจจะมีปัญหา ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้ง เพราะมีตำแหน่งน้อยกว่าคนที่อยากจะเป็น ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของทหารกันเอง เชื่อว่าจะไม่มีการขอมาจากนักการเมือง ถ้ามีก็น้อยมาก
