xs
xsm
sm
md
lg

ไล่จับ “เงาสมศักดิ์” ป่วนข้าวเอื้อพ่อค้า “เสี่ยจ๊ะ” เจ้าเก่า กุนซือฝายแม้วฉาว!

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

ธนพร ศรียากูล
ช็อกวงการข้าว เพื่ออะไร??

จะจริงหรือไม่ แต่กรณีที่ นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ออกมาให้ข่าวการตรวจสอบข้าวที่ปลูกในพื้นที่ ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก พบสารปนเปื้อนแคดเมียมสูงกว่ามาตรฐาน หากบริโภคอาจเกิดความเสี่ยต่อโรคอิไต-อิไต เกิดการปวดกระดูก กรวยไตอักเสบ

ส่งผลให้ตื่นตระหนกไปทั้งวงการเรียบร้อย ทั้งสร้างความปั่นป่วนในเรื่องราคาการค้าข้าว ผลกระทบภาพลักษณ์ข้าวไทยในตลาดส่งออก ที่ต้องถูกตลาดต่างชาติตรวจสอบยิบ

ที่น่าสงสัย ในเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างออกมาประสานเสียง กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่

ทั้งนายอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ระบุว่า ข้าวที่ปลูกในพื้นที่สารปนเปื้อนเพียงบางแห่ง อีกทั้งข้าวก็ไม่เพียงพอบริโภค ไม่มีเล็ดรอดเพื่อนำไปส่งออกแน่นอน

ที่สำคัญ ปัญหาสารปนเปื้อน ก็ถูกตรวจสอบพบมาก่อนหน้านี้ และทางหน่วยงานราชการ ก็ได้ตั้งงบ เพื่อรับซื้อข้าวที่พบสารปนเปื้อนไปทำลายทิ้ง รวมทั้งให้ยกเลิกทำนาในพื้นที่ไปแล้ว

ดังนั้น ที่ นายธนพร ออกมาให้ข่าว ทำราวกับว่า จะขุดขยะที่ซุกอยู่ใต้พรม เพื่อสะสางปัญหาที่หมักหมม แท้ที่จริงชวนสงสัย มีหมากกล ซ่อนเงื่อนปมอะไรอยู่?

เพราะอีกทางหนึ่ง มองกันว่า ที่ นายธนพร “ปล่อยข่าว” ย่อมส่งผลต่อราคาข้าว ที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเปิดขาย เหมือนเป็นการ “ทุบราคา” ในตลาดซื้อขายสินค้าการเกษตรล่วงหน้า และการประมูลข้าว ในโครงการระบายสต๊อกของรัฐบาล

ส่งลูก “เข้าทางตีน” พ่อค้า ที่ต้องการซื้อข้าวล็อตใหญ่หรือไม่??

ไม่เท่านั้น อีกทางหนึ่งมีกระแสข่าวถึงการปล่อยข่าวเพื่อล่อบริษัทยักษ์ใหญ่ ผาแดงอินดัสตรี ที่มีเหมืองถ่านหิน และแร่สังกะสีของบริษัท ในพื้นที่ ที่เคยถูกตรวจสอบเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ

สมัย นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เป็นเจ้ากระทรวง และมี นายธนพร ที่เป็นมือขวาคนสนิท ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นที่ปรึกษา

ทุบไม่ยุบ ตีแล้วไม่สยบ ก็ต้องตามไล่ทุบไล่ตีกันต่อ หรือเปล่า??

แต่ที่น่าจับตา รายการให้ข่าวของที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ครั้งนี้ หากมองลึกเข้าไปจะสะท้อนถึงแรงกระเพื่อมของ ปีกหนึ่งในพรรคภูมใจไทย กับภาพรวมของพรรคร่วมรัฐบาล

คลื่นใต้น้ำสีน้ำเงิน สาย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ยังปั่นป่วนรัฐบาลประชาธิปัตย์

เป็นอาการพยศเล็กๆ ของคนที่อ้างว่า “กลัวผีทักษิณ” อย่างไรก็ต้องอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับรัฐบาล แต่อีกทางหนึ่งก็ใช่จะปลาบปลื้มผู้นำหน้าหยกเท่าใดนัก

โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ที่มี พรทิวา นาคาศัย หลังบ้านของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย คนสนิท นายสมศักดิ์ นั่งเก้าอี้ มีปัญหากับพรรคแกนนำประชาธิปัตย์มาตลอด

โดยเฉพาะกับสารพัดโครงการแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตร ทั้ง ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ที่มีปัญหากับคนประชาธิปัตย์ อย่างนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ

โครงการเกี่ยวกับข้าว ที่เป็นปฐมบทของความขัดแย้ง ระหว่างพรรคภูมิใจไทย ในก๊กของ นายสมศักดิ์ กับ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่นายกฯอภิสิทธิ์ สั่งล้มการประมูลระบายข้าวในสต๊อก 2.6 ล้านตันของรัฐบาล ที่เสนอโดยกระทรวงพาณิชย์

ขณะที่ระยะแรก มีการแสดงอาการขัดขืนโดย นางพรทิวา ที่สั่งระบายข้าวต่อไป แม้จะมีคำสั่งชะลอโครงการจากนายอภิสิทธิ์

จนต้องลงดาบซ้ำ สั่งทุบโต๊ะให้ล้มการประมูล

และเรื่องข้าวก็กลายเป็นเรื่อง “คาใจ” มาตลอด โดยล่าสุดมีการสั่งล้มเลิกการรับจำนำสินค้าการเกษตร ที่รัฐต้องขาดทุนปีละแสนล้านบาท หันมาใช้การประกันราคาแทน

แม้การประกันราคาอาจต้องสูญเสียงบฯไปปีละหลายหมื่นล้านบาทเช่นกัน แต่เบื้องต้น การ “หักดิบ” ใช้การประกันราคาทั่วประเทศ ก็ช่วยให้การบิดเบือนราคาในตลาดน้อยลง

ที่สำคัญ เม็ดเงินจะตกถึงมือเกษตรกร ชาวนารายย่อย มากกว่าพ่อค้าโรงสีขนาดใหญ่ ที่อิ่มหมีพีมันกับโครงการรับจำนำมานาน

ส่วนการสมคบคิดระหว่างเกษตรกรตัวปลอม กับพ่อค้า หรือโรงสี เพื่อหาช่องกินงบส่วนต่างจากที่รัฐประกันราคา ที่กังวลนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องหาทางอุดช่อง ปิดรูโหว่กันต่อไป

แน่นอนว่า กลุ่มนายสมศักดิ์ สุดท้ายก็ต้องจำยอม เพราะเป็นเพียงพรรคร่วมรัฐบาล มิหนำซ้ำภายในพรรค เสียงก็ไม่ดังเท่ากลุ่มของ นายเนวิน ชิดชอบ จึงได้แต่เก็บความไม่สบอารมณ์ ไว้ในใจ

ฉะนั้น วันนี้ที่ “มือขวา” สมศักดิ์ ออกมาให้ข่าว ข้าวปนเปื้อนสารพิษ จึงมองได้ว่าเป็นการให้ข่าวแบบซ่อนนัยสำคัญในช่วงที่รัฐจะเริ่มทยอยประมูลขายข้าวในสต๊อก 2.6 ล้านตัน

อาจเป็นการ “ขอแบ่ง” ครั้งสุดท้าย ของผู้ที่ไม่ยอม “หิวโหย” นานนัก??

ที่น่าสนใจ สำหรับคนชื่อ ธนพร หรือ “เสี่ยจ๊ะ” ต้องบอกว่า ยามใดชื่อนี้ปรากฏ นั่นก็คือเงาร่างของนายสมศักดิ์ เพราะถือเป็น “มือขวา” ที่เจ้าพ่อสุโขทัยเรียกใช้มาตลอด

ตั้งแต่เกมการหลอก “กินเย็น” ฟาดฟันกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในพรรคมัชฌิมาฯ จน “ตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่” ชีช้ำ เข็ดหลาบกับการถูกรูดปรื๊ดๆ แล้วถีบหัวส่ง

นอกจากนี้ ในสมัยที่ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน นั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นายธนพร ก็ถูกนายสมศักดิ์เรียกตัว เข้าไปช่วยงาน “บอกบท” ให้เมียรักที่รับเป็น “หุ่นกระบอก”

ที่น่าสนใจ ในโครงการฝายชะลอน้ำเพื่อฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมหรือฝายแม้ว หรือโครงการ “ฝายแม้ว” มูลค่า 700กว่าล้านบาท ที่นายธนพร ในฐานะที่ปรึกษาย่อมร่วมรับรู้

ฝายแม้ว โครงการที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาฯ ตรวจสอบเกาะติด จนพบความไม่ปกติ ในการตั้งงบฯก่อสร้างฝายแห่งละ 5,000 บาท

ทั้งปมราคาที่แพงผิดปกติ สำหรับฝายที่ใช้วัสดุตามธรรมชาติ การใช้ “บิลเปล่า” เบิกซื้อวัสดุ กรณีหัวคิวที่หักกันเป็นทอดๆ จนงบฯสร้างฝายบางแห่ง ถึงมือชาวบ้านในเรื่องค่าแรงเพียงแห่งละ 500 บาท

ที่น่าตกใจ ว่ากันว่าโครงการนี้ “ครึ่งหนึ่ง” ต้องหักประเคน “บิ๊กโม่ง”

วันนี้โครงการนี้ ถูกส่งเรื่องถึง ป.ป.ช.ที่มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวน ขณะที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน่าจะมีการทุจริต รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีมติให้นำโครงการฝายแม้ว เข้าอยู่ในสารบบ“คดีพิเศษ”

เป็นเรื่องใหญ่ ที่ นางอนงค์วรรณ แม้จะถูกเว้นวรรคการเมือง ตามสามี ก็คงไม่ได้ว่างงานแล้ว ในฐานะอดีตเจ้ากระทรวง ต้องเร่งระดมคนมาช่วยเตรียมเอกสารไว้ชี้แจง

นอกจาก “ธนพร” ในฐานะมือขวา ยังมี สุนทร จารุมนต์ หรือ “เสี่ยฮง” เจ้าของร้าน “โฮคิตเช่น” ที่แนบแน่นกับนายสมศักดิ์ ย่อมถูกเรียกตัวมาปรึกษาหารือ

ไม่เว้นแม้กระทั่งสารถีโชเฟอร์ คนใกล้ตัวที่รู้เกือบ “ทุกเรื่อง”ของผู้เป็นนาย

ระดมคนให้พร้อมกับ “เรื่องร้อน” ที่รอการแก้ต่างในวันนี้??


กำลังโหลดความคิดเห็น