เกิดความปั่นป่วนไม่น้อยกับการตั้ง “คณะกรรมการแก้ไขวิกฤตการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันฑ์กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่หลายพรรคเริ่มตีรวน และมีปัญหาคลื่นใต้น้ำคัดค้านการแก้ไข รธน.กันเอง
รวมถึงอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญคือแรงต้านประชาชน ที่ไม่ต้องการให้ เสนาะ เทียนทอง ที่ส่งตัวเองมาเป็นกรรมการชุดนี้ ในโควตาพรรคประชาราช มามีบทบาทมากเกินไปในกรรมการชุดนี้ โดยเฉพาะกับตำแหน่งประธานคณะทำงาน
จนล่าสุด เริ่มมีข่าวว่ามีการส่ง Forward Mail ต่อต้านเสนาะที่ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาคำพูดและพฤติกรรมของเสนาะในอดีต โดยเฉพาะท่าทีของเสนาะ ที่เป็นนักการเมืองคนแรกๆ ที่ออกมาแฉพฤติกรรมด้านลบของทักษิณ ชินวัตร
พบว่าเนื้อหาใน Forward Mail ที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในกลุ่ม
เครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่สนใจข่าวสารแวดวงการเมือง คือเนื้อหาส่วนหนึ่งน่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ที่เสนาะเคยออกมาลากไส้ทักษิณผ่านหนังสือ “รู้ทันทักษิณ”ของเจิมศักดิ์ ปิ่นทองมาแล้ว
มีประเด็นทั้งเรื่องการรวบอำนาจการบริหารงานในรัฐบาล และพรรคไทยรักไทย นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลไทยรักไทยที่ไม่มีความจริงใจต่อประชาชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน เป็นต้น
ดังนั้นหากเสนาะ และพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งเพื่อไทย-ภูมิใจไทย จะดันเสนาะให้เป็นประธานคณะทำงานชุดนี้ให้ได้ ย่อมทำให้สังคมไม่ยอมรับกับการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้แน่นอน
หากเป็นเช่นนั้น ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เพราะหากคณะทำงานมัดมือชกส่งข้อเสนอไปให้รัฐบาล และรัฐสภาว่าทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบกรอบการแก้ไขรธน.เช่น
ให้นิรโทษกรรมความผิดนักการเมืองในคดียุบพรรค หรือยกเลิกมาตรา 309 ที่เป็นบทเฉพาะกาลของ รธน.ปี 50 ที่รับรองทุกการกระทำที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย.49 จนทำให้ นช.ทักษิณ หลุดพ้นจากความผิดคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
แบบนี้ ไม่ต้องคาดการณ์ล่วงหน้าก็รู้ได้ทันทีว่า ความขัดแย้งรอบใหม่ทางการเมืองและของคนในสังคม จะเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน
แค่จะเริ่มตั้งคณะทำงาน ก็พบแล้วว่ามี “วาระซ่อนเร้น”แฝงไว้มากมาย ยิ่งหากแค่เริ่มตั้งไข่แล้ว ไปเอาเสนาะที่ประกาศชัดเจนหลายครั้งทั้งในสภาฯและในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การแก้ปัญหาการเมืองตอนนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือ
"ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ-ยกเลิกรธน.ปี 50 เอารธน.ปี 40 มาบังคับใช้ทั้งหมด-ยกเลิกมาตรา 309 เพื่อนิรโทษกรรมทุกเรื่อง”
อันเป็นธงของเสนาะ ที่เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่การดับวิกฤตแต่จะยิ่งเพิ่มวิกฤตให้หนักขึ้น แบบนี้สู้อย่าตั้งคณะทำงานเสียยังจะดีกว่า เพราะดูแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
แม้ตอนนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าเสนาะ เริ่มปรับตัวให้สอดคล้องกับ
กระแสลมที่เปลี่ยนทิศ
ด้วยการเตรียมปะแป้ง แต่งหน้าใหม่ ให้ Refresh มากขึ้น และเปลี่ยนสีเสื้อจากสีเหลือง เมื่อครั้งเอาใจช่วยพันธมิตรล้มทักษิณ ก่อนจะมาเป็น”สีแดง”เมื่อประชาราชและเมียรัก อุไรวรรณ เทียนทองเป็นรมว.แรงงานในรัฐบาลพลังประชาชน
ทว่า ตอนนี้เสนาะกำลังจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อสีน้ำเงินของเนวิน ชิดชอบอีก หลังจากอ่านทิศทางลมแล้ว พรรคภูมิใจไทยน่าจะเติบโตได้ มีอนาคตดีกว่าพรรคเพื่อไทยของทักษิณเป็นไหนๆ
ยิ่งเมื่อเนวินถึงกับขับรถจากบุรีรัมย์พร้อมแกนนำพรรคภูมิใจไทย ไปร่วมงานวันเกิดเสนาะ ที่สระแก้วเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้เสนาะ พอใจอย่างมากกับการซื้อใจของเนวินและพรรคภูมิใจไทย
จนเป็นที่มาของการหนุนอย่างสุดตัวจากภูมิใจไทยให้เสนาะเป็นประธานคณะทำงานศึกษาแก้ไข รธน.ให้ได้
อันเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ของเนวินเพื่อให้เสนาะคุมเกมแก้ไขรธน.ให้สำเร็จ โดยไม่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์หวาดระแวงว่า หากแก้ไขรธน.สำเร็จ
พรรคที่ได้เปรียบคนอื่นมากที่สุดก็คือ ภูมิใจไทย
การได้รับความสำคัญจากทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทยที่สองพรรคนี้พร้อมหนุนเสนาะให้มีบทบาทในคณะทำงานชุดนี้ ทำให้เสนาะย่อมเคลิบเคลิ้มไปพอสมควร กับบั้นปลายของชีวิตที่ถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญว่า เสนาะจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้หรือไม่
เพราะหากทำสำเร็จอนาคตของนักการเมืองในตระกูล “เทียนทอง”ย่อมไม่ตีบตันยามเมื่อเสนาะ ล้างมือในอีกไม่นานจากนี้ เนื่องจากมีตัวเลือกทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทย รออยู่ สุดแล้วแต่เสนาะจะเลือกใคร
ระหว่างทักษิณ ที่ไม่มีอนาคต กับเนวิน ดาวรุ่งทางการเมือง
เนวินที่ภายนอกให้ภูมิใจไทยยื่นข้อเสนอแก้ไข รธน. 6 ข้อโดยไม่แตะการนิรโทษกรรมการเมืองเพื่อลดกระแสต่อต้าน แต่ลึกๆ เนวินและแกนนำภูมิใจไทยที่เป็น 220 อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองในคดียุบพรรค ก็กำลังรอลุ้นจะกลับมาเล่นการเมืองให้เร็วที่สุด แต่ต้องได้รับการเปิดฝาโลงจากเสนาะ ที่รับบทหน้าฉากให้เนวิน
เพียงแต่เสนาะ จะทำอย่างไรให้การผลักดันการแก้ไขรธน.ของเขา ที่ขยิบตามาจากทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทย
ไม่ถูกจับได้เสียก่อน และสังคมไล่ตามไม่ทันอดีตหัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็นคนนี้
คนที่ในอดีต เขาคือหัวหอกใหญ่ในในรัฐบาลไทยรักไทย ที่ประกาศหนักแน่นถึงขั้นอภิปรายกลางสภาฯ เรียกร้องให้ทักษิณ ชินวัตร แก้ไขรธน.ปี 40 ก่อนใครเพื่อน
กับมาตราเรื่อง”การสังกัดพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง 90 วัน”
ที่เสนาะอภิปรายในสภาหลายครั้งว่าทำให้ส.ส.มีสภาพไม่แตกต่างไปจาก
”นักโทษติดคุก”และทำให้ส.ส.ขาดศักดิ์ศรีเพราะต้องทำตัวเป็นพนักงานบริษัท หากทำตัวไม่ดีจะไม่ได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าพรรคให้ลงเลือกตั้ง
เมื่อได้เห็นอาการกระวีกระวาด ของเสนาะ ในการเคลื่อนไหวแก้ไขรธนให้ได้ บ่งบอกได้ว่า ไปรับปากใครเอาไว้แล้วต้องทำให้สำเร็จ น่าจะรับงานจากทักษิณ และเนวิน
ดูแล้ว สำหรับคนชื่อเสนาะ เทียนทองยิ่งแก่ยิ่งเลอะ!