“อภิสิทธิ์” เผยหลังหารือ “ธานี-อัศวิน” ทีมสอบสวนคดียิง “สนธิ” เร่งเดินหน้าล่าตัวมือยิง ชี้สังคมคาดหวัง ปัดตอบหาตัวคนรักษาการแทน “ป๊อด” ขณะที่สองหัวหน้าทีมสอบสวนลั่นไม่มีตอ ชี้มีหรือไม่มี ผบ.ตร.ก็ทำงานได้ วอนขอเวลาหาข้อมูลเพิ่ม
วันนี้ (1 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดียิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวนคดียิงถล่มนายสนธิเข้าพบและหารือ โดย พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นว่า “นายกฯ เรียกมา แต่ไม่รู้เรื่องอะไร” ก่อนจะเดินขึ้นประตูหลังตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที
ด้าน พล.ต.อ.ธานี ก็พยายามเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวเพียงว่า มาคุยกับนายกฯ เรื่องคดี เมื่อถามว่าในช่วงที่ผบ.ตร.ไม่อยู่การสอบสวนคดีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯจะคืบหน้าหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เดินหน้าไปได้ เมื่อถามว่า นายกฯ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานีปฏิบัติหน้าที่แทน ผบ.ตร.ในช่วงนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เปล่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้
ขณะที่ พล.ต.ท.อัศวิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีช่วงที่ ผบ.ตร.ไม่อยู่คดีนี้จะคืบหน้าหรือไม่ว่า กำลังรวบรวมหลักฐาน เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ลาราชการไปต่างประเทศ 10 วัน คดีนี้จะเสร็จหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ต้องรวบรวมหลักฐานว่าจะไปได้แค่ไหน แต่นายกฯบอกว่าทำได้หรือไม่ ตนบอกนายกฯไปว่ารอรวบรวมหลักฐาน เมื่อถามว่าแนวโน้มในการรวบรวมหลักฐานของคดีนี้จะชัดเจนหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า พยายามอยู่ เคยเรียนให้ทราบแล้วว่าพยายามทำอยู่และไม่ถึงทางตัน มันมีทางเดินไปได้ ขอเวลาหน่อย เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ไม่อยู่ในช่วงนี้จะทำงานได้ดีหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า อยู่หรือไม่อยู่ก็ทำงานอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะออกหมายจับเพิ่มเติมได้เมื่อใด พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า เรื่องวันเวลานั้นขอเรียนว่าคงบอกไม่ได้มันอยู่ที่พยานหลักฐาน ซึ่งต้องไปขออนุมัติหมายจับจากศาล และต้องรอศาลอนุมัติ และต้องดูว่าพยานหลักฐานพอที่ศาลจะอนุมัติหมายจับหรือไม่ เมื่อถามว่า ใครจะทำหน้าที่แทนผบ.ตร. พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่ทราบ ไปถามนายกฯ ดีกว่า เมื่อถามว่านายกฯตัดสินใจแบบนี้สบายใจในการทำงานหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ตนนั้นอย่างไรก็ได้ ใครจะอยู่หรือไป ทำได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่า นายกฯกังวลใจในเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่มี นายกฯถามเพียงว่า จะเดินหน้าได้ไหม ตนบอกว่าได้ เมื่อถามว่าจะเปลี่ยนแปลงในส่วนอื่นๆด้วยหรือไม่ หลังจากผบ.ตร.ประกาศว่าจะไม่ลาราชการ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไปถามนายกฯ
ต่อมาเวลา 13.10 น.ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศ ถนนวิภาวดี นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับ พล.ต.อ.ธานี และ พล.ต.ท.อัศวินว่า ไม่ได้คุยเรื่องการแต่งตั้งคนรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพียงเชิญมาพูดคุยว่ามีปัญหาในการทำคดีเพิ่มเติมหรือไม่ ก็ยืนยันว่าไม่มี คดีสามารถเดินต่อได้และค่อนข้างมั่นใจ ตนเพียงแต่บอกว่าขอให้ตั้งใจเดินหน้าทำงาน เพราะปัญหานี้สังคมวิพากษ์วิจารณ์หมุนอยู่รอบเรื่องนี้ สังคมมีความคาดหวังขอให้ทำงานให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำพูดของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ตรงกับที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าไม่เคยลาพักยาว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ไม่มีไม่ตรง อย่าไปทำให้มันเป็นปัญหา ผมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คุยกันแล้วเข้าใจกันดี รู้ว่าจะต้องทำอะไรกันอย่างไร ไปหยิบเอามุมตรงนั้นตรงนี้นิดๆ หน่อยๆ ว่าคำพูดไม่ตรงกัน ไม่มีหรอก เข้าใจกันดีทุกอย่าง เมื่อเย็นวาน (31 ก.ค.) ก็คุยกันอยู่ไม่มีอะไรเลย พล.ต.อ.ธานี และ พล.ต.ท.อัศวินที่มาพบผมก็ยังบอกว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์ตรง กันทุกอย่างไม่มีอะไร”
เมื่อถามว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่าวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้ยังจะกลับมาทำงานยังไม่ลา นายอภิสิทธิ์ย้อนถามกลับว่า “ผมบอกว่าสัปดาห์หน้า ผมบอกว่าวันจันทร์หรือครับ” เมื่อถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่าต้นสัปดาห์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมไม่ได้บอกต้นสัปดาห์ ผมบอกสัปดาห์หน้า อย่าไปพยายามให้มันมีปัญหาสิครับ พูดกันรู้เรื่องแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลย ทุกอย่างเรียบร้อยดี อาจจะมีบางคนไม่อยากให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง” เมื่อถามอีกว่า ช่วงเวลาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่อยู่คือ10 วันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้นับดูเลย ที่บอกไปเป็นประมาณเท่านั้นเอง เข้าใจว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไปประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและคงรายงานรายละเอียดมาให้ตนทราบไม่มีปัญหาอะไรเลย เมื่อถามต่อว่า คนที่จะสร้างปัญหากับคดีคือใคร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเรื่องคดีแล้ว คนทำงานบอกว่าเขาเดินได้ ดังนั้นทุกคนก็รอดูคนเหล่า นี้ทำงานต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะยังอยู่ในตำแหน่งถึงเกษียณหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้ไม่มีประเด็นอะไรที่จะไปพูดเรื่องนั้น ตนอยากให้สังคมตั้งหลักว่าเรื่องนี้ทั้งหมดมีคนวิตกกังวลว่าคดีลอบสังหารนาย สนธิ เดินไม่ได้ ทุกฝ่ายสามารถเดินได้แล้วก็ควรจะปล่อยให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป อย่าไปพยายามสร้างประเด็นขึ้นมาใหม่เพื่อให้มันเป็นปัญหาความขัดแย้งอะไร บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้ามีเรื่องอีกมากที่สังคมควรให้ความสำคัญเช่น การฟื้นเศรษฐกิจ อย่ามาเสียเวลากับเรื่องอย่างนี้เพราะว่ามันเป็นเรื่องของการเมืองไปแล้ว
ต่อข้อถามว่า ทำไมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเป็นห่วงเรื่องการระงับโผโยกย้ายตำรวจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเป็นเพียงแนวคิดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และตนได้คุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับปัญหาว่ามันไปสร้างความไม่มั่นใจอะไรอย่างไร กับคดีหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ตนเคยถามกับนายสุเทพแล้ว ก็บอกว่าไม่มีปัญหาในทางกฎหมายทุกอย่างจะดูแลให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้ทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเลย ตนทำงานคุยหมดทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารบก และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรวมทั้งนายสุเทพ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก่อนที่จะมาถึงวันที่ 31 ก.ค.คุยกันหมดแล้ว
เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมล่าชื่อ ส.ส.จำนวน 1 ใน 4 ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี กรณีที่ไประงับโผตำรวจว่าเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญ เมื่อถามต่อว่า แต่มีความพยายามพูดถึงความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็อย่าไปพยายาม เรื่องมันเรียบร้อยแล้วมันอาจจะมีคนเสียประโยชน์ บางเรื่องพยายามสร้างข่าวอยู่ก็ไม่เป็นไรเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถามย้ำว่าจริงหรือไม่ทางการเมืองไปแทรกแซงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน
ต่อข้อถามว่า นายสนธิขู่ว่าถ้านายกรัฐมนตรีไม่ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งในเรื่องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะลำบาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ทำให้เรื่องคดีมันเดินได้ เรื่องอื่นเป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน
