รมว.กลาโหม ประกาศกร้าว ผบ.ตร.มีความผิดอะไรถึงจะสั่งปลด ไม่สนมติ ป.ป.ช.เพิ่มข้อหาวินัยร้ายแรงและอาญา ฉุนขาดเตรียมฟ้องสื่อจับโยงคดีลอบยิงสนธิ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ก.ค.ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะไม่มีการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ต้องไปถามนายกรัฐมนตรีและนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่อยากเรียนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ผิดอะไร ทั้งนี้ ตนไม่ได้เกี่ยวข้องพูดไม่ได้
เมื่อถามว่า คณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ผิดวินัยร้ายแรงกรณีการสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องว่าไปกันตามกฎหมาย คือต้องถามว่าเขาผิดอะไร ทั้งนี้ คนที่ถูกกล่าวหาต้องไปแก้ข้อกล่าวหา เมื่อถามว่า กรณีที่พาดพิงถึงท่านจะฟ้องร้องทางกฎหมายหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ดูอยู่ หากพาดพิงถึงผมก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย”
เมื่อถามว่า เป็นการกลั่นแกล้ง ผบ.ตร. เพื่อพาดพิงให้ถึงตัวท่านหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้และไม่ทราบ อย่านำไปโยง ตนพูดแล้วว่ามาทำงานการเมือง ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง ซึ่งตนไม่ได้ยึดติดอะไรทั้งสิ้น ตนทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน ทั้งนี้ ตนไม่เคยคิดเป็นนักการเมือง จึงไม่คิดว่าจะมายื่นอยู่ตรงนี้
เมื่อถามว่า กองทัพและรัฐบาลยังมีความสัมพันธ์อันดีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไรความสัมพันธ์ยังดี กองทัพเป็นกลไกรัฐบาล ไม่มีปัญหา สั่งอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น ทั้งนี้ กองทัพที่เป็นปึกแผ่นวันนี้ เขาดูแลกันเอง ตนมาดูแลภาพรวม แสดงให้เห็นว่า ผบ.เหล่าทัพ ดูแลกำลังพลให้อยู่ในระเบียบได้ดี
เมื่อถามว่า รัฐบาลเห็นว่ากองทัพเป็นปึกแผ่นมีอำนาจต่อรองจึงต้องทำสลายขั้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กองทัพเป็นปึกแผ่นดี เพื่อดูแลความสงบดูแลประเทศชาติให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ การที่กองทัพเป็นปึกแผ่นไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัวของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ดี และประชานก็อาจจะชอบว่ากองทัพมีความเข้มแข็ง
ด้าน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการที่กองทัพได้ประสานงานกับทางตำรวจเพื่อส่งตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาในคดีลอบสังหารนาย สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรว่า ขณะนี้ผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชายังหาตัว จ.ส.อ. ปัญญา ไม่เจอ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอตัวมายังกองทัพแล้ว ซึ่งก็ได้แจ้งหน่วยต้นสังกัดติดตามตัวอยู่ ขณะนี้ผู้บังคับบัญชา เพื่อน และญาติเขา ก็พยายามติดตามตัวอยู่ เพื่อช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ทั้งนี้ ในทางกฎหมายเมื่อเขาถูกออกหมายจับ เขาย่อมถูกจับได้อยู่แล้ว หากหลบหนีก็ต้องโดนจับ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ จ.ส.อ.ปัญญา ถูกปลดออกจากราชการแล้ว แม้เขาถูกปลดไปแล้ว หากกองทัพรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนจะแจ้งให้ตำรวจทราบ เมื่อถามว่า พล.ท. ภุชงค์ รัตนวรรณ ผบ.นสศ. ได้รายงานถึงความเป็นไปได้ หรือเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ไปยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “คิดว่าเขาคงทราบ”
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่กองทัพบกตกเป็นเป้าและมีกำลังพลของกองทัพบกถูกออกหมายจับเพิ่มเติม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าใครในประเทศนี้ถ้าทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ ไม่ว่าไปถึงใคร ชั้นยศใด ถ้ามีหมายก็จัดการให้ หากเราทราบตัวและเราควบคุมตัวไว้ได้ ก็ควบคุมตัวไว้ให้ ส่วนที่มองว่ามีการพุ่งเป้าไปที่กองทัพบกเป็นหลักนั้น ในความคิดตนต้องว่าไปตามหลักฐาน ทุกอย่างดำเนินการได้ไม่ว่าถึงใคร หน่วยราชการใด บ้านเมืองต้องเดินไปอย่างนั้น
เมื่อถามว่า จะเร่งหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฆ่าตัดตอนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ จ.ส.อ. ปัญญา ไม่ได้เป็นข้าราชการทหารแล้ว เพราะถูกปลดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะนี้กองทัพทำได้ คือ พยายามให้เพื่อนเขาที่รู้บอกว่าเขาอยู่ที่ใด เราจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
เมื่อถามว่า มีข้อมูลพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.ประวิตร และอาจรวมถึงท่านว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ท่านต้องระวังคำพูด ท่านค่อนข้างจะก้าวล่วงไปถึงสิทธิส่วนบุคคล ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านกล่าวว่าเขาพุ่งเป้า ท่านนะแหละพุ่งเป้า ผมขอเตือนท่านว่าท่านกำลังกล่าวหาคนอื่น ถ้าข้อความนี้หลุดไป ถ้าพิจารณาว่าท่านรับผิดชอบ ท่านก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้กล่าวหาทั้งสิ้น ตอนนี้ท่านกล่าวหาอยู่”