ASTV ผู้จัดการ รวบรวมคำพูดของบุคคลต่างๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่า มีอำนาจพิเศษที่อยู่เหนืออำนาจรัฐ ซึ่งสะท้อนจากคำพูดของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ และนายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งจะเห็นว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นมีความเกี่ยวเนื่องกัน
โดยทั้งหมดเป็นคำพูดของตัวละครสำคัญในคดีสำคัญทั้งสองคดีมาแบบคำต่อคำ เพื่อให้ผู้อ่านได้สรุปด้วยตัวเองว่า ใครคือ “ตอ” หรือ “หนอนบ่อนไส้” ที่ข่มขู่ทีมสอบสวนของ พล.ต.อ.ธานี ในคดีลอบสังหาร “สนธิ” และใคร...คือ คนที่ข่มขู่ทีมสอบสวนของอนุกรรมการ ป.ป.ช.ในคดีตำรวจฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลา
ข้อมูลที่ ASTV ผู้จัดการ นำเสนอนี้ยังถือเป็นข้อมูลดิบที่จะใช้ประกอบการตัดสินใจในการรับฟังคำชี้แจงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศชัดเจนว่าจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างภายในวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคมนี้ หลังจากวันนี้ (30 ส.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ชิงประกาศอย่างชัดเจนก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะแถลงว่าจะไม่มีการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อย่างแน่นอน
******
นายวิชา มหาคุณ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. และประธานอนุกรรมการไต่สวนคดี 7 ตุลา
ให้สัมภาษณ์ในรายการ “รู้ทันประเทศไทย” กับนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ภายหลังตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ
“คดีนี้เกี่ยวข้องทั้งนักการเมือง ตำรวจ ที่ย่อมมีลูกเล่นหรือทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำหน้าที่ แต่ไม่กังวลเพราะเราเจอมาตั้งแต่ต้น ซึ่งแรกเริ่มผมเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ทำคดีแล้วถูกร้อง ถูกดำเนินคดี จนหลายคนถอดใจกันหมด ในที่สุดคณะกรรมการใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ต้องเข้ามารับช่วงแทน นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คดีล่าช้า อย่างไรก็ดี เราไม่ได้หวั่นไหวยังคงทำหน้าที่ต่อ และยืนยันว่าการทำคดีนี้ไม่มีหนอนบ่อนไส้ ผมไว้ใจผู้ร่วมทำคดีทุกคน ส่วนคณะ ป.ป.ช.ก็ไม่ได้สงสัยใคร และจะไม่มีวันตั้งข้อสงสัยใครเพราะเราต้องทำงานร่วมกัน”
พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล
“การทำงานไม่ค่อยราบรื่น แต่ก็พยายามทำ ถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะได้ผลเร็วกว่านี้ แต่ปัญหาที่พบก็ทำให้การทำงานช้า ทำให้คนที่ทำงานกลัว แต่ยังไม่มีใครมาข่มขู่ผม ได้แต่สงสารคนทำงานที่จะไม่มีขวัญกำลังใจ ถ้าไม่มีปัญหาจะไปได้ไกลกว่านี้”
“อุปสรรคการทำคดีนี้ คือ พนักงานสืบสวนสอบสวนที่ทำคดีถูกข่มขู่ในหลายรูปแบบไม่ให้ทำคดีนี้ แต่ผมไม่ได้ถามว่าถูกข่มขู่อย่างไรบ้าง ทำให้เรื่องนี้เป็นเหตุให้การทำคดีนายสนธิล่าช้าไป แต่ก็ยืนยันว่าจะทำคดีให้เสร็จก่อนเกษียณอายุราชการ”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์หลัง พล.ต.อ.ธานี เข้าพบ
“การออกหมายก็ต้องดำเนินการเพื่อหาทางจับกุม แต่ถ้าเจ้าตัวไหวตัวทัน มันก็เป็นปัญหา”
“ในภาพรวม พล.ต.อ.ธานี ระบุว่ายังมีอุปสรรคอยู่หลายจุด วันนี้ก็มาพูดคุยและสอบถามไปหลายเรื่อง จะมีการดำเนินการ” เมื่อถามว่า แสดงว่าคดีมีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องพอสมควร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ก็มีผู้เกี่ยวข้อง ก็อย่างที่ทราบกันอยู่ว่าอยู่ในราชการด้วย”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์
“ผมไม่รู้สึกหนักใจ เพราะไว้วางใจฝีมือ พล.ต.อ.ธานี สมูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้มาตั้งแต่แรก โดย พล.ต.อ.ธานี ได้มีการรายงานความคืบหน้าโดยตลอด และให้คำยืนยันว่าหากพบปัญหาหรือการสืบสวนสอบสวนสะดุดขอให้บอกมา ซึ่งคนที่ทำผิดไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรับผลกรรม เพราะเมืองไทยมีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฏหมายมานานแล้ว”
“พล.ต.อ.ธานี ยังยืนยันว่าสามารถทำงานต่อไปได้ แต่ต้องรัดกุมกว่านี้ เพราะคนร้ายไหวตัวจึงทำให้การจับกุมค่อนข้างลำบาก ส่วนการเชื่อมโยงพอจะทราบแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังแต่จะเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่เหมาะสม เพราะกลายเป็นเครื่องชี้นำ และต้องรอพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่าคดีนี้ไม่เป็นมวยล้มอย่างแน่นอน เพราะหลักการทำคดีของ พล.ต.อ.ธานี ไม่เป็นลักษณะเหวี่ยงแห หมายจับไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว และมั่นใจว่าพยานหลักฐานก่อนออกหมายจับ และจะดิ้นไม่หลุดในชั้นอัยการและศาล”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
“ไม่ควรปลด ผบ.ตร.เพราะไม่มีความผิดอะไร แต่ทั้งนี้นายกฯ จะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจเองว่าจะปลด ผบ.ตร.หรือไม่ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี”
“ผมได้บอกนายกฯ และพูดกับสื่อแล้วว่าผมยังไม่พบความผิดของ พล.ต.อ.พัชรวาท ผมยังไม่มีหลักฐาน เอกสารหรือพยานที่จะยืนยันได้ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นอุปสรรคในคดีนี้ นี่คือข้อเท็จจริงในส่วนของผม แต่การตัดสินใจมันอาจมีเหตุผลอื่นๆ อีกหรืออย่างไรก็แล้วแต่นายกฯ เพราะนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งที่ผ่านมาคนก็ไปกดดันนายกฯ ผมก็เห็นใจนายกฯ เพราะท่านก็เครียดไปหลายวันแล้ว อะไรที่ผมทำให้ได้ผมก็จะทำ ผมคิดว่าเราไม่ควรไปกดดันนายกฯ มากมายขนาดนั้น”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท
“ต้องว่าไปกันตามกฎหมาย คือต้องถามว่าเขาผิดอะไร”
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ผู้บัญชาการทหารบก
“ไม่ว่าใครในประเทศนี้ ถ้าทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ ไม่ว่าไปถึงใคร ชั้นยศใด ถ้ามีหมายก็จัดการให้ หากเราทราบตัวและเราควบคุมตัวไว้ได้ ก็ควบคุมตัวไว้ให้ ส่วนที่มองว่ามีการพุ่งเป้าไปที่กองทัพบกเป็นหลักนั้น ในความคิดตนต้องว่าไปตามหลักฐาน ทุกอย่างดำเนินการได้ไม่ว่าถึงใคร หน่วยราชการใด บ้านเมืองต้องเดินไปอย่างนั้น”
เมื่อถามว่า มีข้อมูลพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.ประวิตร และอาจรวมถึงท่านว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
“ท่านต้องระวังคำพูด ท่านค่อนข้างจะก้าวล่วงไปถึงสิทธิส่วนบุคคล ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านกล่าวว่าเขาพุ่งเป้า ท่านนะแหละพุ่งเป้า ผมขอเตือนท่านว่าท่านกำลังกล่าวหาคนอื่น ถ้าข้อความนี้หลุดไป ถ้าพิจารณาว่าท่านรับผิดชอบ ท่านก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้กล่าวหาทั้งสิ้น ตอนนี้ท่านกล่าวหาอยู่”