“พัชรวาท” หนาวๆ ร้อนๆ “สุเทพ” นัด “ธานี” ส่งข้อมูล “สนธิ” เที่ยงนี้ ก่อนชงนายกฯ เชือดตัวอุปสรรคหรือไม่ ยันไม่บริหารตามกระแสข่าว แต่ยึดหลักกฎหมาย อ้างเรื่องบ้านเมืองใช้อารมณ์ไม่ได้จะวุ่นวาย ปัดดองเรื่องทุจริตงบประชาสัมพันธ์ สมัย “ชายประโปรง” เชื่อเป็นการกล่าวหากันมากกว่า
วันนี้ (24 ก.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวว่าพยายามดองเรื่องการทุจริตงบประชาสัมพันธ์ 18 ล้านบาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีข้อสรุปมาตั้งแต่สมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ สรุปว่ามีการทุจริตจริงว่า เป็นการกล่าวหากันมากกว่า สื่อใช้คำว่ารายงานข่าวอย่างนี้จะมาใช้เป็นข้อกล่าวหาได้อย่างไร ซึ่งข่าวที่ออกมาก็ค่อนข้างสับสน แต่อยากจะบอกว่าตนไม่สามารถบริหารราชการตามกระแสข่าวที่ไม่ชัดเจนได้ บางคนอาจจะสงสัยว่าตนทำอะไรอยู่ แต่ตนจำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา ระเบียบ กฎหมาย ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ที่บอกว่ามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.นั้น ตนก็ต้องดำเนินการตามระเบียบ กฎเกณฑ์ กติกา ก็ต้องตรวจสอบทุกอย่าง ซึ่งตนได้ทำไปแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งเมื่อผลออกมาอย่างก็จะดำเนินการตามที่เห็นว่าเป็นความถูกต้องต่อไป
“เมื่อวานมีสื่อพยายามจะมาถามผมเรื่องการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็นเรื่องที่สับสนวุ่นวายอยู่พสมควร จึงขอชี้แจงว่า นายกฯ ได้มีบัญชาเมื่อวานซืนตอนประมาณเที่ยง ให้ผมไปดูแลแก้ปัญหาเรื่องกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกรณีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นอุปสรรคในการทำงาน ผมก็รับบัญชานายกฯ มาแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งการดำเนินการของผมก็เปิดเผย ตรงไปตรงมา โดยได้สั่งการให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำคดีนี้ ได้รายงานลับ รายงานตรงมาที่ผมว่ามีปัญหาอะไร มีอุปสรรคอย่างไร ใครเป็นตัวปัญหา เพื่อผมจะได้คิดอ่านแก้ไขได้ และเมื่อผมได้รับรายงานแล้วซึ่งคงจะมาถึงผมก่อนเที่ยงวันนี้ ผมก็จะได้ประเมิน ประมวลและตัดสินใจว่าผมควรจะใช้วิธีการทางการบริหารอย่างไรในการแก้ปัญหานี้ ดังนั้นต้องช่วงบ่ายวันนี้ก่อนจึงจะทราบ แต่ยืนยันว่าทุกอย่างที่ผมทำอยู่ในกฎเกณฑ์กติกา ทำตามอารมณ์ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงไหน เพราะเห็นพูดกันจนสับสนไปหมด รองนายกฯ กล่าวว่า มีแต่คนอื่นพูด ตนก็เลยไม่รู้ว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.อ.ธานี ต่างก็เหลืออายุราชการอีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น ดังนั้นก็คงต้องค้นหากันต่อไป
เมื่อถามว่าจะจัดระบบให้เข้าที่เข้าทางได้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ก็เหลืออายุราชการกันอีกแค่ 60 กว่าวันเท่านั้น คงไม่ต้องจัดแล้ว สำหรับ 2 คนนี้ไม่ต้องจัดระบบแล้ว เดี๋ยวก็กลับบ้านด้วยกัน ส่วนจะมีผลต่อส่วนอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า สำหรับส่วนอื่นเราก็จะต้องดูและแก้ไขกันต่อไป เรามีหน้าที่แก้ไขปัญหาก็ต้องแก้ไป แต่ส่วนตัวไม่ทราบว่าเขามีปัญหาอะไร ผมมาทีหลังแล้ว ตอนที่ตนเข้ามาทำหน้าที่ คนหนึ่งก็เป็นผู้บัญชาการตำรวจอยู่แล้ว อีกคนหนึ่งก็เป็นรองผู้บัญชาการอยู่แล้ว ตนก็ไม่ได้ติดใจและใส่ใจว่าใครมีปัญหาอะไร และไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวอะไรทั้งสิ้น เราคงต้องดูเนื้อหาของงานเป็นหลัก เอาประโยชน์ของงานเป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นหากพบตัวที่เป็นอุปสรรค ตามหลักบริหารราชการแล้วควรต้องตัดสินใจอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้อดใจรอหน่อย ยังไม่เที่ยง รอให้ตนได้รับรายงานก่อน เมื่อถามว่าในฐานะกำกับดูแลก็คงพอรู้รายละเอียดเบื้องต้นบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า ตามปกติตนจะยังไม่ลงไปในรายละเอียดเพราะตนระมัดระวัง เพราะการลงไปในรายละเอียดนั้นทำให้ถูกครหาได้ว่าไปแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรม แต่ตนได้ให้แนวทางกับผู้ปฏิบัติงานไปแล้วว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหน้าที่รักษากฎหมาย ทุกคดีต้องทำให้เต็มที่และโปร่งใส ต้องสืบสวนสอบสวนเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนเมื่อทำไปแล้วมีปัญหา เขาก็ควรจะมาบอกตนหากปัญหานั้นเขาแก้ด้วยตัวเองไม่ได้ แต่บังเอิญว่าตนยังไม่เคยได้รับรายงานเรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อมีคนพูดกันมาก จึงได้สั่งการให้ทำรายงานให้ตนได้แล้ว ซึ่งได้ย้ำไปแล้วว่ารายงานต้องถึงมือตนก่อนเที่ยงวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในทางบริหารเพื่อให้งานเดินได้ หากจะให้ขอตัวมาปฏิบัติราชการทีอื่นชั่วคราว แต่ไม่ได้พ้นจากตำแหน่งเดิม จะได้หรือไม่ และถือว่ารุนแรงไปหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ทั้งหมดต้องเป็นไปตามระเบียบของกฎหมาย
“ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง เพราะมีระเบียบ มีข้อกฎหมายอยู่ว่าจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างไร ก็ขอให้รอดูรายงานให้เรียบร้อยและบังคับบัญชาอีกแขนงหนึ่ง” รองนายกฯ กล่าว เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้อุปสรรคนี้พิจารณาตัวเอง นายสุเทพกล่าวว่า “เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ ขอให้ใจเย็นๆ” รองนายกฯกล่าว
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ขอบคุณชาวภูเก็ตทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจาทั้ง 27 ประเทศ จนการประชุมนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และต้องขออภัยด้วยหากในระหว่างดำเนินการได้มีมาตรการต่าง ๆออกมา จะทำให้ชาวภูเก็ตและผู้สัญจรไปมาได้รับผลกระทบบ้างก็ต้องขออภัย แต่ทั้งหมดที่รัฐบาลทำก็เพื่อหวังผลให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ รักษาชื่อเสียง ภาพพจน์ประเทศไทยเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพและกำลังพลทั้งหมดที่ได้ร่วมแรงร่วมใจทำงานนี้ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทั้งกลางวัน กลางคืน ซึ่งเมื่องานสำเร็จแล้วก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทยทุกคน