xs
xsm
sm
md
lg

คิดดี พูดดี สื่อสารเก่ง มีดีแค่นี้ ยังไม่พอสำหรับนายกฯเมืองไทย พ.ศ.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
โดย โชกุน


สมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชวน 2 เมื่อสักสิบปีที่แล้ว เขาเป็นที่ชื่นชมของข้าราชการผู้ใหญ่ของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลที่ได้ทำงานร่วมกันว่า เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีหลักการ ทำงานเป็น และได้รับการทำนายทายทักว่า จะมีอนาคตยาวไกล ก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย

แม้เวลาจะต่างกันเพียง 10 ปี แต่การบริหารบ้านเมืองใน พ.ศ.นั้น กับปัจจุบัน ผิดกันลิบลับ สิบปีก่อน ประเทศไทยแม้จะเผชิญกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด แต่ก็เป็นศึกเพียงด้านเดียวของรัฐบาลที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ยังไม่รุนแรง และไม่ซับซ้อน สงครามข่าวสารยังไม่เข้มข้นเท่าปัจจุบัน

ที่สำคัญ ในระดับกลไกการบริหาร จัดการแก้ไขปัญหา คือ ข้าราชการ ยังพอจะพึ่งพาได้ นายอภิสิทธิ์ในขณะนั้น กำกับดูแลงานเฉพาะด้าน เกี่ยวกับ การลงทุน และการแก้ไขกฎหมาย เป็นความรับผิดชอบที่ไม่ใหญ่โตนัก มีภารกิจชัดเจน และมีมือไม้ในการทำงานเป็น เทคโนแครตรุ่นสุดท้ายที่ฝากผีฝากไข้ให้ดูแลรักษาบ้านเมืองได้

มาถึงวันที่นายอภิสิทธิ์ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย แรกๆ ก็เป็นความหวังของประชาชนว่า จะพาชาติบ้านเมืองให้รอดจากวิกฤติการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจได้ แต่ยิ่งนานวัน ความคาดหวังก็แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้จะเพียง 6 เดือน ถือว่าไม่นานนักสำหรับ การแก้ไขปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี บางเรื่องก็มีเงื่อนไขที่ควบคุมไม่ได้ แต่คนเรานั้น เขาว่า เวลาที่มีความทุกข์ จะรู้สึกว่า เวลาที่ผ่านไปนั้นช่างเชื่องช้ายาวนานเสียเหลือเกิน สำหรับคนไทยที่ดูเหมือนว่า จะตกอยู่ในความทุกข์ กันทั้งสังคม ทั้งที่เป็นทุกข์จริงๆ และทุกข์ที่รู้สึกกันไปเอง เวลาเพียง 6 เดือนในตำแหน่งผู้นำประเทศของนายอภิสิทธิ์ น่าจะมีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้

นายอภิสิทธิ์ มีจุดเด่นในเรื่องของความซื่อสัตย์ สุจริต มีความคิดที่ดี มีเหตุผล อธิบายได้ และพูดเก่ง พูดเป็น สามารถสื่อสารให้คนฟังคล้อยตามได้ไม่ยาก

แต่คิดดี พูดดี สื่อสารเก่ง เพียงเท่านี้ อาจจะเพียงพอแล้ว สำหรับคุณสมบัติของนายอภิสิทธ์ ที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน หรือเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง แต่คนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำของประเทศ ต้องมีมากกว่านี้ คือ ต้องมีภาวะผู้นำที่กล้าหาญ กล้าตัดสินใจมากกว่านี้ อย่าปล่อยให้ทุกอย่าง เป็นเรื่องของผู้ที่มีหน้าที่อย่างที่นายอภิสิทธิ์ชอบพูดอยู่บ่อยๆ และต้องกล้าเล่นเกมการเมืองอย่างที่เป็นจริง ไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น หรือ การเมืองในอุดมคติ

ความจริงแล้ว นายอภิสิทธิ์ก็มีความกล้าหาญ เด็ดขาด และมองการเมืองอย่างที่เป็นจริง เป็นธาตุประจำตัวอยู่เหมือนกัน อย่างเช่น ตอนที่ตัดสินใจให้ทหารเข้าสลายกลุ่มเสื้อแดงเมื่อตอนสงกรานต์ หรือไม่ขัดข้องที่จะเล่นลิเกการเมืองที่มีนายเนวิน ชิดชอบเป็นคนเขียนบท ให้ไปเยือนถิ่นบุรีรัมย์ แต่ต้องทำให้มากกว่านี้ และทำในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ส่วนรวมโดยแท้จริง

เมืองไทยยามนี้ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ มีคนที่พร้อมจะทำลายล้างทุกอย่าง เพื่อทวงคืนอำนาจและทรัพย์สมบัติ ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เป็นที่พึ่งไม่ได้ ทั้งในเรื่องของความสามารถ และจิตสำนึก ทั้ง นักการเมืองที่ห้อมล้อมตัวนายอภิสิทธิ์อยู่ที่ พิสูจน์แล้วว่า นอกจากจะทำงานไม่เป็นแล้ว ยังผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ด้วย ส่วนกลไกข้าราชการนั้น ไม่ต้องพูดถึง ทั้งทหาร พลเรือน และตำรวจ ล้วนแต่เข้าเกียร์ว่างกันทั้งนั้น รอวันที่อำนาจจะเปลี่ยนขั้วอีกครั้งหนึ่ง

ดูเหมือนว่า นายอภิสิทธิ์ก็จะซื้อเวลา รอเหมือนกัน รอให้เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้น เพื่อฉุดเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวตาม รอให้กาลเวลาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในชาติ รอให้ไข้หวัดใหญ่ 2009 ซาๆไปเอง แต่คนไทยคงรอไม่ไหว เพราะถือว่า ให้เวลานายอภิสิทธิมาพอสมควรแล้ว ช่วงเวลาจากนี้ไป จึงเป็นการนับถอยหลัง อยู่ที่ว่า จะนับกันไปอีกนานแค่ไหนเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น