“จุติ” พร้อมยอมรับมติ เผยรู้ตัวล่วงหน้าลงพื้นที่หาเสียงรอแล้ว “ชินวรณ์” ลั่นไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล ยัน 13 ส.ส.ไม่ต้องแสดงสปิริตทิ้งเก้าอี้ ก่อนศาลวินิจฉัย เผย “โกเมศ-ภูเบศ” จ่อคิวเสียบ ส.ส.สัดส่วนแทน “ไตรรงค์-เฉลิมลักษณ์” แล้ว
วันนี้ (16 ก.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงมติ กกต.ที่ให้ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ว่า ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด เพราะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก่อน ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 13 คน ก็ต้องหาพยานหลักฐานไปสู้ในศาล ว่า มีเจตนาอย่างไรในการถือหุ้นดังกล่าวด้วย ซึ่งผลการตัดสินเป็นอย่างไร ทุกคนพร้อมยอมรับคำตัดสิน ทั้งนี้ มั่นใจว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่เรื่องนี้จะไม่กระทบต่อรัฐบาลแน่นอน เพราะหากศาลยืนคำวินิจฉัยเหมือนกับ กกต.ส.ส.เขต ก็สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ได้ เพราะทุกคนได้ถอนหุ้นไปหมดแล้ว ยกเว้น ส.ส.สัดส่วน ซึ่งมีอยู่ 2 คน คือ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และ น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ที่หากศาลตัดสินให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ก็ต้องเลื่อนบัญชีรายชื่อลำดับต่อไปขึ้นมาแทน คือ ผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วน นายโกเมศ ขวัญเมือง และ นายภูเบศ จันทนิมิ
“ส่วนเรื่องที่เรียกร้องให้ 13 ส.ส.แสดงสปิริตลาออกทันที โดยไม่ต้องต่อสู้ในชั้นศาลนั้น คงจะไม่ได้ เพราะกรณีนี้ไม่ใช่ความผิด และไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นเพียงข้อห้ามเกี่ยวกับคุณสมบัติ ส.ส.ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแสดงสปิริตอะไร เพราะทุกคนได้ถอนหุ้นไปหมดแล้ว และยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่กระทบต่อการโหวตกฎหมายในสภา เพราะแม้จะมีจำนวน ส.ส.ลดลง แต่กฎหมายกำหนดให้องค์ประชุมสภาใช้เสียงกึ่งหนึ่งของ ส.ส.เท่าที่มีอยู่ จึงไม่น่าจะมีปัญหาต่อองค์ประชุมและเสถียรภาพรัฐบาลแต่อย่างใด” ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
ด้าน นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของ กกต.ตนไม่ได้โทษใคร แต่ต้องโทษตัวเองที่ไม่ดูให้ดีก่อน และเมื่อเป็นอย่างนี้ตนก็ต้องไปเลือกตั้งใหม่ ซึ่งตนได้เตรียมลงพื้นที่มาแล้ว 3-4 เดือน ตั้งแต่มีการพิจารณาเรื่องนี้แล้ว ส่วนจะได้กลับเข้ามาหรือไม่ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ ก็ต้องขอโทษประชาชนที่ทำให้ต้องเสียเงินเลือกตั้งใหม่
นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อ กกต.วินิจฉัยว่าผิดก็ต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งก็ต้องไปเลือกตั้งกันใหม่ แต่กว่าจะถึงขั้นตอนนั้นต้องอีกระยะหนึ่ง เพราะยังต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ทั้งนี้ หุ้นที่ตนถืออยู่ถือมาตั้งแต่ปี 37 แล้ว และไม่ได้เข้าไปมีอิทธิพลอะไรในบริษัท รวมทั้งคุณสมบัติของ ส.ส.ก็ไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้ อย่างไรก็ตาม ต่อไปเราจะได้ไม่ถือหุ้นอะไร เพราะขนาดพันธบัตรรัฐบาลตนยังไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวจะถูกกล่าวหาว่าผูกขาดกับรัฐบาล