“เทพเทือก” หนีสื่อยิก หลังถูกซัก เป็น 1 ใน 13 ส.ส.โดน กกต.ฟันถือหุ้นบริษัทสัมปทานรัฐ กระทั่ง “สะดุดสายไมค์หัวทิ่ม” ลั่นไม่หนักใจ-ไม่สะเทือนรัฐบาล แย้มมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แจงพร้อมแล้วจะแถลงให้ทราบ ขณะที่ “สัมพันธ์” -“จุติ” น้อมรับคำตัดสิน
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษ กระทั่งเวลา 17.10 น.ได้เสร็จสิ้นการประชุม นายสุเทพ ได้เดินยิ้มให้กลุ่มผู้สื่อข่าวที่รอสอบถามความเห็นกรณีที่เป็นหนึ่งใน 13 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต.มีมติวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.เนื่องจากการถือครองหุ้นสื่อและหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ โดย นายสุเทพ ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวเมื่อได้ยินคำถามว่า “เรื่องอะไรครับผมยังไม่รู้ และมีมติเป็นยังไงครับ”
เมื่อผู้สื่อข่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นหนึ่งใน 13 ส.ส.ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เห็นเลย เพราะวันนี้มีประชุมทั้งบ่ายและเพิ่งหลุดออกมาจากห้องประชุม ยังไม่ทราบ เดี๋ยวจะไปดูว่า 13 คนที่ว่ามีใครบ้างเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีชื่อท่านอยู่ในนั้นด้วย นายสุเทพ กล่าวตอบทันทีว่า “อ๋อ ของผมง่าย ผมมีอยู่ในใจอยู่แล้ว” เมื่อถามว่าจะเดินอย่างไรต่อไป รองนายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวผมจะชี้แจงให้ทราบทีหลัง” เมื่อถามว่าต้องรอศาลก่อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะชี้แจงให้ทราบทีหลัง” เมื่อถามว่าจะแถลงเมื่อไร นายสุเทพ กล่าวว่า “ก็เมื่อผมพร้อมที่จะชี้แจง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายสุเทพ พยายามจะเดินเลี่ยงการสัมภาษณ์ จนทำให้นายสุเทพสะดุดสายไมโครโฟนของทีวีช่องหนึ่งจนหัวทิ่ม ทำให้ผู้สื่อข่าวต่างพากันอุทานด้วยความตกใจ แต่นายสุเทพก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร และเมื่อนายสุเทพตั้งหลักขึ้นมาได้ ผู้สื่อข่าวก็ถามอีกว่า เรื่องนี้จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ เพราะ ส.ส.จะหายไป 13 คน นายสุเทพ กล่าวทันทีว่า ไม่เลยครับ ไม่เป็นไรครับ เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หนักใจครับ
จากนั้นนายสุเทพได้นั่งรถประจำตำแหน่งไปยังห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 ทันที
ด้าน นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ 1 ใน 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้มูลความผิดจากการถือหุ้นสื่อและสัมปทาน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา โทษใครไม่ได้ เพราะกฎหมายก็เป็นกฎหมาย ต้องตัวเองที่ไม่อ่านกฎหมายให้ดี จากนี้ตนต้องกลับไปเตรียมตัวเพื่อเลือกตั้งใหม่ โดยผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะชนะคู่แข่งกี่คะแนนก็ไม่สำคัญ เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งเราต้องไม่ประมาท
ขณะที่ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อกกต.วินิจฉัยว่าผิดก็ต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งก็ต้องไปเลือกตั้งกันใหม่ แต่กว่าจะถึงขึ้นตอนนั้นต้องอีกระยะหนึ่ง เพราะยังต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ทั้งนี้หุ้นที่ตนถืออยู่ถือมาตั้งแต่ปี 2537 แล้ว และไม่ได้เข้าไปมีอิทธิพลอะไรในบริษัท รวมทั้งคุณสมบัติของส.ส.ก็ไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้ อย่างไรก็ตาม ต่อไปเราจะได้ไม่ถือหุ้นอะไร เพราะขนาดพันธบัตรรัฐบาลตนยังไม่กล้าซื้อเลย กลัวจะถูกกล่าวหาว่าผูกขาดกับรัฐบาล
