ราบรื่นดีทุกอย่าง แถมประสบความสำเร็จเกินคาดกับการที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปราชการ ซึ่งก็คือการ”หาเสียงทางอ้อม”ที่บุรีรัมย์เมื่อ 11 กรกฏาคม 52 ที่ผ่านมา
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ อภิสิทธิ์และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์รวมถึงส.ส.อีสานของพรรคหลายคน อาจลังเลฝีมือการบริหารจัดการทางการเมืองของเนวิน ชิดชอบ เจ้าถิ่นบุรีรัมย์แห่งพรรคภูมิใจไทย และมีคำถามในใจว่า
“ของจริง-เอาจริง”หรือเปล่า ?
เนวินจะสร้างเรียลลิตี้โชว์ทางการเมืองเพื่อเรียกคะแนนให้กับอภิสิทธิ์และรัฐบาลแบบทุ่มทุนจัดให้เหมือนกับที่เคยทำให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอน”อาจสามารถโมเดล”
รวมถึงการที่เนวินเปิดคอร์สให้รัฐมนตรี-ส.ส.ของภูมิใจไทย ไปดำนา-เกี่ยวข้าว-นอนกระท่อม แล้วมีภาพปรากฏผ่านสื่ออย่างละเอียดยิบเหมือนเมื่อตอนสัมมนาพรรคภูมิใจไทยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาหรือไม่?
มาวันนี้ ต้องยอมรับว่าการไปบุรีรัมย์ชองอภิสิทธิ์ทำให้หลายฝ่ายได้ผลบวกทั้งตัวอภิสิทธิ์-รัฐบาล-เนวิน-ภูมิใจไทย บนปรากฏการณ์ที่มีภาพ
อภิสิทธิ์ ขึ้นรถอีแต๋น นั่งกับพื้นดินรับฟังปัญหาประชาชนชาวอีสาน พูดและปราศรัยภาษาอีสานกับประชาชน
พร้อมกับยืนให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ทั้งชาวบ้านธรรมดา เด็กวัยรุ่น นักเรียน ชาวนา ขอถ่ายรูป เข้ากอด หอมแก้ม คล้องผ้าขาวม้ารอบเอว จนทีมงานต้องหาที่เก็บให้แทบไม่ทัน
ซึ่งแต่ละซีนอภิสิทธิ์ใช้เวลาพบกับประชาชนชาวบุรีรัมย์ในอำเภอต่างๆ นานนับชั่วโมงในการเดินทางไปราชการแต่ละจุด มีประชาชนมาให้การต้อนรับร่วมหมื่น ภายใต้การจัดเตรียมความพร้อมเต็มที่
โดยฉพาะแผนมาตรการรักษาความปลอดภัย และแผนเผชิญเหตุทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการหากเจอม็อบเสื้อแดงก่อเหตุ
นายกฯอภิสิทธิ์นั่งรถยนต์กันกระสุนและใส่เสื้อเกราะอ่อนกันกระสุนตลอดช่วงลงพื้นที่บุรีรัมย์ รวมทั้งส่งทีมทหารจากศรภ.นอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือปะปนอยู่ในกลุ่มประชาชนทุกจุดและจุดละหลายสิบคน
การตั้งด่านตำรวจตรวจรถจำนวนหลายสิบจุดเพื่อตรวจสอบรถเกือบทุกคันที่ขับเข้าตัวจังหวัดบุรีรัมย์อันมีเป้าหมายคือตรวจตราว่ามี “กลุ่มเสื้อแดง”จะเดินทางเข้ามาในบุรีรัมย์มากน้อยแค่ไหน?
หรือการที่ให้กองบินตำรวจส่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจการ 2 ลำ คอยบินวนไปทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ตลอดช่วงที่คณะนายกรัฐมนตรีอยู่ในบุรีรัมย์เพื่อดูความเคลื่อนไหวภาพรวมทั้งหมดในจังหวัดว่าแต่ละจุดก่อนที่อภิสิทธิ์จะเดินทางไปถึง มีอะไรต้องเตรียมการเป็นพิเศษหรือไม่
เมื่อมาตรการรับมือเสื้อแดงและการจัดตั้งประชาชนให้ออกมาต้อนรับคณะของนายกรัฐมนตรีได้จัดเตรียมมาแบบหาช่องโหว่ให้เสื้อแดงจากจังหวัดอื่นเล็ดลอดเข้าไปในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ยาก ก็เลยทำให้การขยับของเสื้อแดงหมดพิษสงไปโดยทันที
จนสุดท้ายการเตรียมกำลังตำรวจเกือบ 4 พันนายที่ระดมมาจากหลายจังหวัดในภาคอีสานและกองกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดนอีกพันกว่าคน เพื่อรับมือกับเสื้อแดงก็ไม่ต้องออกแรงมาก
ยิ่งเมื่อมีตัวช่วยสำคัญที่ไม่ต้องให้ตำรวจออกหน้านั่นก็คือ”กลุ่มเสื้อน้ำเงิน”ที่เป็นเครือข่าย
“เรารักเนวิน เนวินรักเรา”ในบุรีรัมย์
ซึ่งกลุ่มดังกล่าวที่ส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ที่มีอยู่หลายร้อยคนและสวมใส่เสื้อข้อความดังกล่าวตลอดเส้นทางที่อภิสิทธิ์ลงพื้นที่
ดังนั้น พอเจอกลุ่มเสื้อน้ำเงินที่จัดเตรียมกำลังและแผนการรับมือเสื้อแดงมาเป็นอย่างดีทำให้พวกกลุ่มเสื้อแดงที่มีแค่หยิบมือเดียวล่าถอยแตกกระเจิง
แถมปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ บุรีรัมย์ เป็นฐานที่มั่นหลักการเมืองของเสื้อน้ำเงินและภูมิใจไทย อันจะเห็นได้ว่าส.ส.เกือบทั้งจังหวัดเป็นคนของภูมิใจไทยทั้งในวันนี้และวันข้างหน้าแทบทั้งสิ้น ทำให้การจัดตั้งเสื้อแดงในจังหวัดบุรีรัมย์ของฝ่ายเพื่อไทยแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีฐานเสียงที่แข็งแรงพอเท่ากับเสื้อน้ำเงิน
เพียงแค่นี้ อภิสิทธิ์และคณะก็เรียลลิตี้โชว์ ณ บุรีรัมย์ตลอดทั้งวัน
โดยไร้เงาของ “เนวิน-ผู้อำนวยการสร้าง”มาปรากฏตัวให้เห็น เหตุเพราะเนวินรู้ดีว่าหากเขาปรากฏตัวจะทำให้มีผลเสียมากกว่าผลดีสำหรับการ”ปิดเมืองบุรีรัมย์”รับนายกฯ ครั้งนี้ เหตุเพราะ
หนึ่ง เนวินจะเข้ามาแย่งซีนและเบียดบังรัสมีของอภิสิทธิ์ในแง่ความสนใจจากสื่อมวลชนและการต้อนรับจากคนในพื้นที่ที่ไมได้เห็นหน้าค่าตาของเนวินนานแล้ว
สอง จะยิ่งทำให้น้ำหนักความเชื่อของสังคมที่มองว่าเนวินมีอิทธิพลเหนืออภิสิทธิ์และกำกับทุกอย่างในรัฐบาลเป็นจริงมากยิ่งขึ้น อันจะทำให้สุดท้ายแผนเรียกเรตติ้งให้กับภูมิใจไทยและสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลในภาคอีสานไม่สัมฤทธิ์ผล
เนวินจึงเลือกที่จะไปเก็บตัวเงียบในบ้านพักของตัวเองในบุรีรัมย์ แล้วฟังการรายงานข่าวสารทางโทรศัพท์มือถือจากทุกแหล่งที่จะโทรศัพท์ไปหาเนวินอย่างถี่ยิบตลอดทั้งวัน ในช่วงที่อภิสิทธิ์อยู่ในบุรีรัมย์
อันเป็นโทรศัพท์ทั้งแกนนำคนเสื้อน้ำเงินที่จะรายงานสถานการณ์เสื้อแดง และจากโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่เปิดคฤหาสน์หลังใหญ่เลี้ยงข้าวกลางวันอภิสิทธิ์ และโสภณยังจัดรถอีแต๋นให้อภิสิทธิ์บึ่งฝ่าฝุ่นสีแดงหลายร้อยเมตรจากคฤหาสน์ตัวเองไปนั่งกับพื้นฟังปัญหาเกษตรกรชาวไร่อ้อย
ทุกฉากสำคัญที่อภิสิทธิ์แอกชั่นที่บุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็นจุดไหนจะเห็นโสภณคอยประกบอยู่เคียงข้างอภิสิทธิ์ตลอดเวลา จึงน่าจะรายงานทุกอย่างให้เนวินเห็นภาพมาร์คเหยีบเมืองบุรีรัมย์ได้ดีที่สุด
แต่เบื้องหลังความสำเร็จ ก็มีการจัดเตรียมแผนการทั้งหมดมาเป็นอย่างดี ภายใต้สองประสานคือเนวินและสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่มีการสั่งการให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ลงพื้นที่บุรีรัมย์ล่วงหน้าหลายวันก่อนจะถึงวันจริงเพื่อให้ลงไปบัญชาการตำรวจสี่พันกว่าคนที่บุรีรัมย์และย้ำว่างานนี้ต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดอีกแล้วเหมือนกับหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ล่าสุดอภิสิทธิ์มีคิวลงพื้นที่อีสานในวันที่ 23 ก.ค.นี้ที่อุบลราชธานี พื้นที่หลักภาคอีสานของปชป. ซึ่งคาดได้ว่าส.ส.ปชป.คงลอกไอเดียเนวินมาปรับใช้ที่อุบลราชธานีหลายซีนแน่นอน แต่วันนี้ประเด็นสำคัญอยู่ที่ อภิสิทธิ์ต้องไม่หลงไปกระแสตอบรับอย่างฟีเวอร์ในบุรีรัมย์ จนย่ามใจจะเดินทางไปอีกหลายที่ในภาคอีสาน ด้วยกำลังติดพันกับการเร่งสร้างฐานเสียงในภาคอีสานให้รัฐบาล
เพราะอย่าลืมว่า ที่บุรีรัมย์ไม่มีอะไรที่เนวินคุมไม่ได้ สั่งไม่ได้ แต่กับจังหวัดอื่นในภาคอีสานแล้ว เนวินย่อมไม่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบที่บุรีรัมย์แน่นอน
ดังนั้นหากอภิสิทธิ์ย่ามใจและประมาท แทนที่จะได้เห็นภาพมาร์คฟีเวอร์ที่บุรีรัมย์ในจังหวัดอื่นในภาคอีสานอีกครั้ง
ก็อาจกลับกลายเป็นว่า จะได้เห็นภาพอภิสิทธิ์เกือบเอาตัวไม่รอดอีกครั้งก็เป็นได้