“มาร์ค” อึดทนร้อนเฉียด 40 องศาพบ ปชช. อ้อนซื่อๆ เว้าอีสานทักทาย ลงทุนนั่งขลุกดินถกปัญหาชาวบ้าน บอกประทับใจชาวบุรีรัมย์ต้อนรับ ยึดเอา “ผ้าขาวม้าผูกใจ” จะกลับมาอีก ขากลับทางไปสนามบิน เจอดี “เสื้อแดงถือไม้-ธง” ไล่ ด้านเสื้อน้ำเงินเฉียดร้อยยืนหน้าเข้มคุมทางเข้าสนามบินสตึก
วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะได้ขึ้นรถอีแต๋นเพื่อเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการปลูกยางพาราและการปลูกอ้อยในพื้นที่นาดอน ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ ซึ่งห่างจากบ้านพักนายโสภณประมาณ 800 เมตร และได้ร่วมปลูกยางพารากับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งนายกฯ ได้ลงไปนั่งกับพื้นปรับทุกข์กับพี่น้องประชาชนที่เข้าพบและทักทายเป็นภาษาถิ่นอีสานในระหว่างปลูกอ้อยและยางพาราที่นาดอน ต.เมืองแฝก เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางไปเปิดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ สถานีอนามัยหนองครก และเดินพบปะชาวบ้านเป็นเวลานานถึงครึ่งชั่วโมง โดยอุณหภูมิตรวจวัดได้ 38 องศาเซลเซียส ซึ่งรายละเอียดในการกล่าวปราศรัยคล้ายคลึงกับที่พูดที่โรงเรียนธารทองพิทยาคม โดยพูดถึงแผนโครงการไทยเข้มแข็ง นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่ได้ทำไปแล้วในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เช่น การเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ บำนาญผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน และเบี้ยเลี้ยง อสม.เดือนละ 600บาท ต่อเดือนเป็นต้น โดยกล่าวใจความหลักถึงการปรับปรุงสถานีอนามัยชุมชนเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำลำตะโคง ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้ายในการพบปะชาวบ้าน โดยประโยคแรกที่นายอภิสิทธิ์กล่าวเป็นภาษาถิ่นสำเนียงอีสาน ว่า “สำบายดีบ่พี่น้อง” ทำให้ประชาชนที่มาร่วมงานบริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะโคง ถึงกับปรบมือต้อนรับด้วยความดีใจ สาวๆ และเด็กนักเรียนต่างกรี๊ดสนั่น หญิงชราบางรายถึงกับนำผ้าขาวม้ามาผูกบริเวณเอวนายกฯ สูงไปจนถึงอก
โดยนายกฯ กล่าวใจความสำคัญว่า ตลอดทั้งวันรู้สึกประทับใจและขอบคุณน้ำใจประชาชนทุกคน ซึ่งตนเองและครม.จะพยายามอย่างเต็มความสามารถ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบประชาชนหลายกลุ่มในวันนี้ และตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบประชาชนหลายกลุ่มในวันเดียวกัน ที่พี่น้องประชาชนพอใจกับนโยบายรัฐบาล โดย 3 ปี จากนี้ไปตนต้องการเห็นประเทศมีความเข้มแข็งมากขึ้น
“การผูกผ้าขาวม้าก็เหมือนกับการมัดใจ ถ้าอย่างนั้นก็คอยดูว่าจะกลับมาที่นี่กี่รอบ เพราะผมถูกพี่น้องประชาชนผูกผ้าขาวม้ารอบเอวขนาดนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำ
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างทางกลับไปยังสนามบินสตึก ผ่านเขตชุมชนบ้านสตึก ซึ่งปรากฏว่ามีชายหนุ่มเสื้อแดงจำนวน 3 คน ใจกล้าบุกเอาธงและไม้ประดับธงสีแดงตะโกนไล่นายกฯ และคณะทำให้เฮลิคอปเตอร์ กองบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีเจ้าหน้าที่อรินทราชจำนวน 6 นาย ต้องบินต่ำลงมาประกบขบวนรถ ซึ่งเหตุการณ์ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับรถนายกฯและขบวนรถแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขณะที่จะเลี้ยวสู่ถนนใหญ่แยกสตึก ได้มีประชาชนกลุ่มใหญ่ที่สวมทั้งเสื้อสีแดง และเสื้อหลากหลายสีคละเคล้ากันต่างก็โห่ร้อง บ้างก็โบกมือไล่นายกฯ บ้างก็โบกมือส่งนายกฯ จนไปถึงสนามบินสตึก บริเวณทางเข้าสนามบินมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 50-80 คน ยืนสวมเสื้อสีน้ำเงินหน้าตาขึงขังมีเศษผ้าสีส้ม ผูกรอบข้อมือ บ้างก็ผูกบริเวณแขนและนำมาเป็นผ้าพันคอเพื่อเป็นสัญลักษณ์
ต่อมานายกฯ ได้เดินลงไปทักทายกับกลุ่ม อสม.และนักเรียนครูอาจารย์ รวมไปถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านที่มาร่วมกันส่งนายกฯ กลับกรุงเทพฯ ในเวลา 17.30 น. โดยก่อนขึ้นเครื่องทางเข้าประตูเครื่องบินนายกฯ ได้โบกมือลากับประชาชนที่มารอส่ง