xs
xsm
sm
md
lg

ดับไฟใต้ ถึงเวลานายกฯ ต้องบูรณาการโดยตรง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากพิจารณาสถานการณ์ชายแดนใต้จนถึงวันนี้ ถือได้ว่ามาถึงจุด “หัวเลี้ยวหัวต่อ” สำคัญอีกรอบ นั่นคือจะก้าวข้าม “ปลัก” ความเลวร้ายในอดีตไปสู่ความรุ่งโรจน์ในยุคใหม่ ที่ชาวบ้านหันมาร่วมมือกับภาครัฐเพื่อพัฒนาไปสู่ความสงบยั่งยืนในวันหน้า

หรืออีกด้านหนึ่งจะ “ดำดิ่ง” ลงไปสู่หายนะ ที่มองไม่เห็นอนาคตเลยแม้แต่น้อย เป็นทางสองแพร่งที่กำลังเผชิญ และเลือกเดิน!!

เหตุการณ์ที่คนร้ายกราดยิงเข้าไปมัสยิดบ้านไอปาแย ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อสามสี่วันก่อนถูกมองว่าเป็นการ “จงใจ” เพื่อสร้างสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก เข้าขั้น “มิคสัญญี”ให้ได้

จงใจให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างไทยพุทธ-มุสลิม ระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่

หากมองในแง่ดีก็อาจเป็นเพราะกลุ่มโจร “ใกล้จนมุม” จึงต้องเลือกใช้วิธีแบบนี้ก็ได้

ที่ผ่านมา หากพิจารณากันในความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ สถิติการ “ลอบฆ่า” หรือก่อเหตุรายวันลดน้อยลง ประเภทปิดเมืองลอบวางระเบิดแทบไม่มีให้เห็น หรือการชุมนุมประท้วงเจ้าหน้าที่ การปิดถนน ก็ไม่ปรากฏนานมาแล้ว

หลังจากที่รัฐบาลได้นำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” มาใช้ในพื้นที่อย่างเข้มข้น และเกาะติดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ให้ช่วยเข้ามาพัฒนาระบบการศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนสอนศาสนา มีการปรับระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกัน เพื่อให้นักเรียนที่จบออกมาแล้วสามารถเรียนต่อ หรือหางานทำได้

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ ก็ได้นำทูตประเทศมุสลิมลงพื้นที่พบปะกับประชาชน สร้างสัมพันธ์ในมิติใหม่ อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน มีการปรับปรุงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งการสาธารณสุข ด้านอาชีพ รายได้ พัฒนาถนนหนทาง ฯลฯ มีการทุ่มเทงบประมาณลงไปอย่างมหาศาล โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ได้เตรียมงบประมาณเอาไว้สำหรับพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 6.8 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะรัฐมนตรีภาคใต้เป็นการเฉพาะ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปจับมือแก้ปัญหา เช่น ศึกษาธิการ สาธารณสุข เกษตรและสหกรณ์ มหาดไทย และกลาโหม มอบอำนาจให้ รองนายกฯด้านความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปดูแล

พร้อมทั้งยังได้แต่งตั้งให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถาวร เสนเนียม ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานรวบรวมปัญหาในพื้นที่ไปให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา หรือรายงานให้คณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ได้รับทราบ

ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าหากให้กล่าวอย่างตรงไปตรงมารัฐมนตรีภาคใต้ก็ไม่ได้สร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้สร้างเงื่อนไขเพิ่ม

แต่จู่ๆ ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุร้ายอย่างรุนแรงขึ้นอย่าง “ผิดสังเกต” และคราวนี้หันมามุ่งเน้นชีวิตครู หันกลับมาลอบวางระเบิดในเมือง เน้นเป้าหมายเฉพาะจุดสำคัญทางเศรษฐกิจ

ล่าสุดก็กราดยิงเข้าใส่มัสยิด ซึ่งเป็นศาสนสถาน เป็นศูนย์รวมจิตใจจงใจโหมกระพือให้เกิดความรุนแรงต่อเนื่องตามมา

อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่ง ในมุมที่เกิดความระแวงก็ย่อมเป็นไปได้เช่นเดียวกันว่า มีเจ้าหน้าที่บางกลุ่มที่จะได้รับผลประทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบาย หรือไฟใต้สงบ เพราะจะหันทุ่มเทงบประมาณไปทางด้านการ “พัฒนา” เป็นหลัก

เพราะจากท่าทีล่าสุดของนายกรัฐมนตรีก็เริ่มปรากฏชัดแล้วว่า เตรียมปรับเปลี่ยนนโยบายทางด้านความมั่นคงเสียใหม่ แล้วหันมาทุ่มเททางด้าน “การเมืองนำการทหาร” ที่สำคัญยังได้แสดงออกอย่างชัดเจนมาก่อนหน้านี้แล้ว่าจะทบทวนการต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดนใต้ในทุก 3 เดือน

หมายความว่าจะไม่ต่ออายุให้อีกแล้ว โดยอาจใช้กฎหมายอื่นที่เหมาะสมต่อไป

หากพิจารณาในมุมนี้ก็ย่อมมีผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ระดับ “บิ๊กบางกลุ่ม” ที่ได้ประโยชน์จากงบประมาณ ประเภทที่เคยได้รับการอุดหนุนก็จะเบาบางลงไป

ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นาทีนี้นายกรัฐมนตรีต้องลงมาบูรณาการแก้ปัญหาโดยตรง เพราะที่ผ่านมาถือว่า “ยุทธศาสตร์” เดินมาถูกต้องแล้ว ที่เหลือเพียงแค่ปลีกย่อยที่ต้องเน้นย้ำให้เดินตามอย่างเคร่งครัดเท่านั้น


ที่สำคัญ อย่ามือให้รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก จับมือกันลุยถั่วแก้ปัญหามากนัก เพราะหากสังเกตให้ดีแทบทุกปัญหาหากให้สองคนนี้ดูแลเป็นได้เรื่องทุกที!!
กำลังโหลดความคิดเห็น