โฆษกพรรคเพื่อไทย ปากยาวต่อยอดอ้างสนธิสัญญาต่างชาติ เรียกร้องนายกฯ ปลด “กษิต” ยกเฆมขายขี้หน้าแทนคนไทยทั้งชาติ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียน แนะให้ประกาศการแพร่ระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เป็นวาระแห่งชาติ
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ยังคงสนับสนุนนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปว่า ระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยจริยธรรมข้าราชการการเมือง สมัยนายชวน หลีกภัย ลงนามเมื่อปี 2543 และฉบับที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลงนามเมื่อปี 2551 ที่ระบุถึงการปฏิบัติตัวของนายกฯ และรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิเหนือประชาชน และยิ่งหากรัฐมนตรีคนใดต้องคดียังอยู่ในตำแหน่ง หากอยู่ต่อไปจะไม่สง่างาม วันที่ 13 ก.ค.ตนจะส่งตัวแทนไปมอบให้นายอภิสิทธิ์ ซึ่งอยากให้มาตรฐานของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ ในสนธิสัญญามอนทรีอัล ที่ไทยเคยลงนามกับองค์การบินพลเรือนนานาชาติเมื่อวันที่ 24 ก.พ.34 ระบุหากบุคคลใดไปปิดหรือกั้นสนามบินถือว่าเป็นการก่อการร้าย หากไม่เร่งดำเนินคดีอาจถูกต่างชาติฟ้องร้องเอาได้ และยิ่งวันนี้นายกษิตในฐานะประธานการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน ในวันที่ 17-23ก.ค. ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเอาปี๊บคลุมหัว โดยประธานการประชุมอยู่ในฐานะถูกกล่าวหาคดีก่อการร้าย ต้องประชุมวาระก่อการร้าย ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน อยากถามว่าเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งชาติรับได้หรือไม่ที่นายกฯ ยังอุ้มนายกษิต ไม่รู้ว่าเอาศักดิ์ศรีประเทศและของคนไทยทั้งชาติแลกกับคนคนเดียวหรือ จะตอบต่างชาติอย่างไร จะเรียกว่าเป็น 2 หรือ 3 มาตรฐานของนายอภิสิทธิ์ได้หรือไม่
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การประชุมอาเซียน จ.ภูเก็ต วันที่ 17-23 ก.ค.นี้ และรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงควบคุมสถานการณ์ แต่รัฐบาลยังพยายามโยงว่าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามและคนที่คิดต่างจะไปก่อกวนการประชุม พร้อมทั้งยังอ้างว่าตน นายนิพนธ์ นพฤทธิ์ พี่ชาย นายกฤษณ์ ศรีฟ้า อดีตผู้สมัคร ส.ส.พังงา พรรคพลังประชาชน พร้อมกับกำนันคนดัง จะไปป่วนการประชุม นั้นตนก็เป็นคนรักบ้านเมือง การประชุมถือเป็นหน้าตาประเทศ ตนจะไม่เดินทางไปป่วนแน่นอน และหากพรรคมีมติให้ไปยื่นหนังสือ ก็จะไปไม่เกิน5คนตามกฎหมายกำหนด
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงการลงพื้นที่บุรีรัมย์ของนายอภิสิทธิ์ว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมตรีครั้งนี้ ก่อนลงพื้นที่ต้องใส่เสื้อเกราะและยังใช้กำลังตำรวจทหาร 5000 นาย มีเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจทางอากาศ นี่คือนายกฯ ประเทศไทย วันนี้นายกฯ แสดงให้เห็นว่าการไปอีสาน ไปจังหวัดบุรีรัมย์ได้ไม่มีปัญหา แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นการประจานตัวเอง เพราะใช้กำลังมากกว่านายกฯที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย ใช้งบประมาณจำนวนมาก ไปเปิดงานวันเดียวเป็นครม.แดดเดียว แต่ต้องใช้กำลังอารักขา 5000นาย ถือเป็นความล้มเหลว 6 เดือนไปไหนยังต้องใส่เสื้อเกราะ รวมทั้งมีการบล็อกกลุ่มเสื้อแดงและเสื้อหลากสีไม่ให้มาชูป้ายประท้วง พรรคเพื่อไทยอยากเรียกร้องการลงพื้นที่ครั้งต่อไปไม่ว่าจะเป็น จ.อุบลราชธานี ลำพูน หรือเชียงใหม่ ถ้าใช้กำลังขนาดนี้ ตำรวจ ทหาร ต้องไปดูแลประชาชนมากกว่าสร้างภาพการดูแลของนายกฯ ถือเป็นความล้มเหลวอย่างมโหฬารของรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เคยระบุว่า ไข้หวัด 2009 ไม่ร้ายแรง เหมือนไข้หวัดธรรมดา และจะไม่มีคนตาย แต่วันนี้รัฐบาลยังคุมไม่ได้ ที่เคยปิดร้านเกม โรงเรียน ต่อไปหากต้องปิดศูนย์การค้า หรือสถานที่สำคัญอื่นอาจสร้างความเสียหายให้ประเทศได้ การติดเชื้อเป็นแบบก้าวกระโดด นายอภิสิทธิ์มองปัญหาและดำเนินนโยบายผิดพลาด คิดช้าไป พรรคขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์เป็นประธานบูรณการไข้หวัด 2009 ให้เป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลยังแพงเกินไป โดยรัฐบาลควรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วย ตั้งงบประมาณ บุคคลากรที่รับผิดชอบต่างๆ ทั้งหมด ไม่ใช่เอาชีวิตประชาชนที่ตายแต่ละวันมาซื้อเวลา
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ค.เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการแต่งตั้งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเสนอชื่อนายสมชาย ใบม่วง ขึ้นเป็นอธิบดีนั้น ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าคุณสมบัติของนายสมชาย ไม่เป็นไปตามพรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่มีข้อกำหนดว่าผู้ที่จะดำรงตำแหน่งอธิบดีได้นั้นจะต้องเคยดำรงตำแหน่งระดับรองอธิบดี ซึ่งนายสมชายเคยดำงตำแหน่งเพียง ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุฯ เท่านั้น การเสนอชื่อนายสมชายเป็นอธิบดีดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่อระเบียบราชการ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีกด้วย จึงจะยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.เพื่อสอบสวนเอาผิดกับปลัดกระทรวงเทคโนสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที รัฐมนตรีไอซีที นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ