“ประวิตร” นำ ผบ.เหล่าทัพ เยือนเขมร ระบุ ปรับลดกำลังเพื่อคลายความตึงเครียด เชื่อทุกฝ่ายไม่มีเจตนาปะทะ ผู้นำเขมร เผย อยากเห็นทุกฝ่ายจับมือกัน หากช่วยอะไรได้ก็จะช่วย
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น.ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6 ) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำคณะ ผบ.เหล่าทัพ เยือนประเทศเวียดนาม ถึงปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ให้ไทยปรับลดกำลังออกจากพื้นที่ ว่า อย่าไปพูดว่าเป็นการปรับลดกำลัง เราคงจะไม่มีการปรับ เพียงแต่เราลดความตึงเครียด โดยให้ผู้บังคับหน่วยบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร มีการพูดคุยกัน เพื่อปรับความเข้าใจทำให้ความตึงเครียดน้อยลง
“จะขยับหรืออยู่กันอย่างไร เรามีกรอบปฏิบัติอยู่แล้วในการพูดจากัน เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงทั้งสองประเทศพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่ถ้าพื้นที่บริเวณดังกล่าวสถานการณ์ตึงเครียด และมีกำลังแน่นเกินไปก็ต้องขยับว่า จะมีการดำเนินการอย่างไร โดยให้แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของประเทศกัมพูชา พูดคุยกัน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกัน เนื่องจากเป็นพื้นที่แย่งสิทธิ์ด้วยกัน และยังไม่มีความชัดเจนจึงต้องพูดคุยกัน ไม่มีปัญหา ส่วนจะการปรับกำลังหรือไม่จะต้องมีการพูดคุยกันเป็นขั้นๆ ระหว่างแม่ทัพของทั้งสองประเทศ เนื่องจากมีหลายขั้นตอนและหลายจุด ผมคงไม่พูดในรายละเอียด แต่ผมรับรองว่าเจตนาของไทยและทางกัมพูชาไม่มีการรบกัน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ จะร่วมเดินทางไปกัมพูชากับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้เดินทางร่วมกับคณะของนายสุเทพ แต่ได้มีการพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน จบไปแล้ว และทุกอย่างจบไปหมดแล้ว ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า สถานการณ์ในพื้นที่ไม่มีความตึงเครียด ทหารในพื้นที่มีการพูดจากัน ส่วนความตึงเครียดเป็นเพียงแค่ข่าว เรื่องนี้ขอให้ใจเย็นๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการเดินทางเยือนประเทศเวียดนามครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้นำปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้ง ผบ.เหล่าทัพ เดินทางไปเยือนประเทศเวียดนามด้วย โดยในการเดินทางครั้งนี้ ได้มีการหารือนอกรอบระหว่างคณะของ พล.อ.ประวิตร กับ คณะผู้นำ และ รมว.กลาโหม ประเทศเวียดนาม ถึงประเด็นเหตุกระทบกระทั่งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผู้นำเวียดนามเห็นว่า ความสัมพันธ์ของประเทศในภูมิภาคนี้มีความสำคัญ เพราะความร่วมมือด้านต่างๆ ของประเทศในกลุ่มนี้จะสร้างความเข้มแข็ง และ ผลประโยชน์ที่ยั่งยืนร่วมกัน เวียดนามจึงอยากเห็นไทยและกัมพูชาทำความเข้าใจกัน และ ลดความหวาดระแวง ซึ่งทางผู้นำเวียดนาม ระบุว่า หากช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ก็จะช่วย