“ประวิตร” ควง ผบ.เหล่าทัพเยือนเวียดนาม ปัดตอบเด้งเลขาฯ สมช. โดยให้ “มาร์ค-สุเทพ” ตอบ ชี้เสื้อแดงล่ารายชื่อขออภัยโทษให้ “นช.แม้ว” เป็นเรื่อง กม. ขอมุ่งดูแลประชุมอาเซียนไม่ให้ม็อบมาป่วน ยัน “เขาวิหาร” ไม่เน้นรบกับเขมร พร้อมเอ่ยปากห่วงกำลังพลติดหวัดมรณะ กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลเต็มที่
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนาม โดย พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทาง ว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ได้มีภารกิจอะไรหลัก แต่เป็นเพราะ รมว.กลาโหมประเทศเวียดนามเคยมาเยือนประเทศไทย จึงทำหนังสือเรียนเชิญทางไทยไปเยือนเวียดนามบ้าง ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสเหมาะสมที่จะไปประสานงานเรื่องของกองทัพ โดยเฉพาะด้านความร่วมมือทางการทหาร การศึกษา และการฝึกหัดที่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ทุกระดับ
สำหรับกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีคำสั่งย้าย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ ดังนั้น ต้องไปถามนายอภิสิทธิ์ ส่วนกรณีการย้ายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่านายกรัฐมนตรีจะจัดหาใครขึ้นมาแทนตำแหน่งนี้ แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร โดยขณะนี้ทางกองทัพไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้ดูแลและตัดสินใจเรื่องนี้เอง ด้านกระแสข่าวที่มีการเตรียมให้ พล.ท.พิรุณ แผ้วพลสง รองเสนาธิการทหารบก หรือ พล.ท.ชวลิต จารุจินดา อดีตผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ) ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเลขาสมช.นั้น ยังไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องนี้
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมล่า 1 ล้านรายชื่อ เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องกรอบกฎหมาย ดังนั้น ต้องไปพิจารณากฏหมาย ส่วนจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านกฏหมายไปปรึกษาหารือกัน เพราะเป็นเรื่องของกรอบกฎหมาย สำหรับการล่ารายชื่อในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ เพราะต้องมีกฎหมายดูแลอยู่
ด้านกรณีที่ประชุม ครม.อนุมัติการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อดูแลการรักษาความปลอดภัยในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคู่เจรจา ระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การดูแลรักษาความปลอดภัย ตนได้มีการประชุมไปหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับทราบดีว่า ควรจะปฏิบัติอย่างไร แม้แต่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำท้องถิ่นก็รับปากจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นหน้าตาของประเทศ ดังนั้น ต้องช่วยกันดูแล จะให้เกิดเรื่องอีกไม่ได้ จึงขอฝากประชาชนทั้งประเทศควรให้การสนับสนุน เพราะหมายถึงหน้าตาของประเทศชาติในภาพรวม สำหรับการใช้กำลังทหารเข้าไปช่วยเรื่องดังกล่าวคงไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เพราะมีกำลังสำคัญอย่างประชาชนในพื้นที่ดูแลอยู่แล้ว แต่คงไปช่วยดูแลในเรื่องรายละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่กรณียูเนสโกเลื่อนการพิจารณาการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชาเป็นมรดกโลกออกไปเป็นปีหน้านั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รายละเอียดต่างๆ ควรให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตอบได้ดีกว่า ส่วนเรื่องทหารที่อยู่ในพื้นที่นั้นไม่มีอะไร เพราะพยายามจะลดความตึงเครียด โดยได้มีการพบปะกันระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา ซึ่งมีการพูดคุยกันในเรื่องของกำลังทหาร รวมทั้งนโยบายของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะไม่ทำการรบกันและพยายามลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ออกมาให้ความเห็นว่าเหตุการณ์ยังมีความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนในพื้นที่ว่า เรื่องความไม่เป็นธรรมตนขอคัดค้าน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ตั้งแต่ประชาชนไม่ยอมรับอำนาจรัฐ จนถึงปัจจุบันที่เพิ่งยอมให้อำนาจรัฐเข้าไปดูแล แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ประชาชนให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการหาความยุติธรรม ซึ่งทางการก็ทำมาตลอด โดยขณะนี้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้พยายามทำทุกอย่างให้เกิดความยุติธรรม และบัญชาการให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้ว่าควรดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ปัญหาในชายแดนภาคใต้ยุติลงโดยเร็ว ทั้งนี้ ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ได้เข้าไปดูแลส่งเสริมอาชีพประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ดีกินดี รวมทั้งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่ทุกวัน
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ลุกลามไปถึงกำลังพลในกองทัพจนทำให้มีพลทหารเรือเสียชีวิต เรื่องนี้ทางผู้บัญชาการทหารเรือรู้สึกกังวลใจจนต้องเข้าไปดูแลเรื่องนี้เอง ซึ่งทางกองทัพก็ได้ควบคุมและขอแสดงความเสียใจกับทหารที่เสียชีวิต ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย กำลังดูแลอยู่ ซึ่งทาง ผบ.ทร.ได้รายงานให้ตนทราบสถานการณ์เป็นระยะๆ และจะคอยดูแลใกล้ชิดต่อไป แต่ตนอยากฝากให้ ผบ.ทร.ช่วยดูแลเรื่องสุขภาพของกำลังพล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไข้หวัดแพร่ระบาด ซึ่งทุกเหล่าทัพคงไม่อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาติดเชื้อไข้หวัดดังกล่าว ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ทำการให้คำแนะนำตลอดเวลา แม้ไข้หวัดนี้จะสามารถหายเองได้