ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมหารือ “สุเทพ” และ 5 ส.ส.จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกโรงหนุนตั้งองค์กรถาวรดูแลปัญหาไฟใต้ พร้อมจี้ ส.ส.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจชาวบ้านให้ถี่ขึ้น ขณะที่ “รองนายกฯ สุเทพ” ยันเร่งแก้ปัญหา พร้อมสร้างหลักประกันความปลอดภัยให้ประชาชน อ้างรอเงินกู้ผ่านสภาเดินหน้าเต็มที่ วอนทุกฝ่ายอย่าพูดเลยเถิดว่าแก้ง่าย พ้อต้องใช้เวลานับปี อัดกลับเพื่อไทยเสี้ยมเปลี่ยนตัว รมต.ดูแลพื้นที่ใต้ ด้านส.ส.สงขลาแนะผู้ปกครองดูแลบุตรหลายวัยรุ่นใกล้ชิดหลังมีข่าวลือปลุกระดมเยาวชนพื้นที่ใกล้เคียงมาแก้แค้น
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญส.ส. 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หารือถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นรายวันอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย และนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ร่วมหารือด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า นายชวนได้กำชับให้ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม เกิดความหวาดวิตกเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันทุกคนเห็นตรงกันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายอย่างที่เกิดจากเงื่อนไขในอดีตนั้น สามารถแก้ไขได้แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งที่ประชุมก็มีความมั่นใจนโยบายของรัฐบาล ในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และสร้างความยุติธรรมโดยดำเนินการอย่างเด็ดขาด กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบ ในว่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นใครอยู่ในขบวนการหรือไม่อย่างใด จะต้องเสนอผลความคืบหน้า ในการติดตามตามกระบวนการยุติธรรมให้ประชาชนได้รับทราบ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปว่าโครงสร้างของฝ่ายปกครองในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับให้สอดรับกับสภาพการปัญหา และโครงสร้างที่ได้มีการแถลงไว้ในนโยบาย ของรัฐบาลที่จะให้มีองค์กรถาวรเข้ามาดูแลปัญหาในสามจังหวัดชายแดนใต้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องผลักดัน ทั้งนี้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทยได้พูดคุยถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาล ประสานงานกับข้อมูลที่ได้รับจากประชาชนผ่านส.ส.ในพื้นที่ ซึ่งจะมีการทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุน ส.ส.จังหวัดชายแดนใต้ต่อไป
เมื่อถามว่า กฎหมาย สำนักงานบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(สบชต.)จะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในการประชุมสมัยหน้าได้หรือไม่ นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า เรื่องนี้ที่ประชุมให้ความสำคัญในการติดตามสอบถามว่ามีควมคืบหน้าถึงไหนแล้ว ซึ่งทราบว่ามีทั้งร่างของรัฐบาลและ ร่างของ ส.ส.มากกว่า 1 พรรค และเราหวังว่าในการประชุมสภาฯสมัยหน้าจะมีการพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม ในการพูดคุยนั้น เราเห็นว่าโครงสร้างฝ่ายปกครองทั้งหมดจะต้องมีบทบาทที่สำคัญในการแก้ไขปํญหา เพราะจะต้องอาศัยการทำความเข้าใจกับทุกคนด้วย
เมื่อถามว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าการปรับโครงสร้างช้า เพราะฝ่ายกองทัพไม่เห็นด้วยกับการโครงสร้างครั้งนี้ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ไม่มี ที่พูดชัดในขณะนี้คือ สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกันการต้องทำงานใกล้ชิดกันในพื้นที่ก็มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นในขณะนี้สิ่งที่พูดคือการแก้ไขปัญหา เรื่องความไม่สงบเฉพาะหน้าที่ ที่จำเป็นที่สุดคือต้องสื่อถึงหลักความยึดมั่น ยุติธรรม และดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้มีส่วนรับผิดชอบ กับเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งถือเป็นยุทธวิธี แต่ในกรอบใหญ่ก็เป็นไปตามที่สรุปมาข้างต้น
เมื่อถามว่า นอกจากรอกฎหมาย สบชต.ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอแล้ว คิดว่าจะต้องมีการปรับกฎหมายส่วนอื่นเพื่อให้สอดรับกับการปรับโครงสร้างของฝ่ายปกครองด้วยหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เรื่องโครงสร้างไม่สำคัญเท่ากับ เรื่องของประชาชนที่มีความหวาดวิตกว่าขณะนี้ มีขบวนการที่ประสงค์จะเห็นความขัดแย้งระหว่างชาวไทยกับชาวมุสลิม และประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการให้เกิดสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลาย เกิดปฏิกริยาโต้ตอบในวงกว้าง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเพื่อให้กระบวนการที่จะบิดเบือนใส่ร้ายทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นระลอกสอง ดังนั้นจุดเริ่มต้นคือรัฐบาล จะต้องแสดงให้ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรที่ทวีความรุนแรง ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือดำเนินการเด็ดขาดตรงไปตรงมา กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในทุกกรณี
“นายชวนได้บอกที่ประชุมว่า ในช่วงนี้คนที่เป็น ส.ส.ตะหนักถึงความหวั่นไหวของประชาชนทุกพื้นที่และต้องทำงานใกล้ชิดเพื่อสะท้อนข้อมูลความจริงให้รัฐบาลทราบ และในที่ประชุมวันนี้ทุกคนมีควมมั่นใจว่าแนวทางของรัฐบาลปัจจุบันสามารถคล่คลายสถานการณ์ได้แต่ต้องใช้เวลา และอาศัยความร่วมมือด้วย ซึ่งเรามั่นใจว่าแนวทางที่เดินอยู่ขณะนี้ดีเพียงพอ โดยเฉพาะการรับรู้ควมเข้าใจของประชาชนในพื้นที่ เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปทั้งหมด เราจึงมั่นใจกับแนวทางที่นายกฯวางไว้”
นายอันวา สาและ ส.ส.ปัตตานี กล่าวว่า ปัญหาทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานในพื้นที่ค่อนข้างยากกว่าเดิม โดยเฉพาะอาจจะเกิดความรู้สึกหวาดระแวง และอาจจะมีส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่มีคนที่คิดอยากจะให้เกิดความแตกแยกในพื้นที่ตรงนั้น โดยอาศัยเรื่องความแตกต่างทางศาสนา หรือพยายามที่จะพัฒนาให้เป็นปัญหาเรื่องของศาสนา ซึ่งปัญหาเหล่านี้รัฐบาลเอง ก็ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ตรงนั้น และตนก็คิดว่าสื่อมวลชนไม่ควรที่จะไปตั้งเป้า ว่าเหตุการณ์เกิดจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถ้าข้อมูลในการสันนิฐานของสื่อโดยปราศจากข้อมูลที่แท้จริงจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นและทำให้ความรู้สึกในการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่สะดวก โดยเป็นอุปสรรคยากขึ้น ต่อการทำงาน
“ความจริงแล้วพื้นที่แต่เดิมมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อน ระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิม เพราะเป็นชุมชนที่ทั้งสองฝ่ายอาศัยอยู่รวมกัน ครั้งหนึ่งในอดีตที่ผ่านมามีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น ชาวไทยพุทธอยากขายที่ดินแต่คนที่ยับยั้งไม่อยากให้ขายคือ ชาวไทยมุสลิม ที่บอกว่าอย่าไปขายเลยพวกเขาจะช่วยดูแลให้ แต่ในภาวะปัจจุบันเนื่องจากในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต้องย้อนไปว่าการแก้ไขปัญหาจากอดีต โดยเฉพาะรัฐบาลชุดก่อนๆทำให้เกิดการเสียชีวิตและเป็นคสามรู้สึกที่ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน จึงต้องใช่เวลาแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า ได้วิเคราะห์กันหรือไม่ ว่าปัญหาเกิดจากอะไรเพราะบอกว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแต่เหตุการณ์กลับไม่คลี่คลายและรุนแรงขึ้น นายอันวา กล่าวว่า เท่าที่ตนได้รับรู้ความรู้สึกของชาวบ้าน จึงทราบว่ากรณีที่มีคำพิพากษาของกรณีตากใบ ต้องยอมรับว่าชาวบ้านมีความคาดหวังกับพรคประชาธิปัตย์ และส่วนใหญ่ให้ความไว้วางใจ ซึ่ง ความคาดหวังนั้นแน่นอนเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้ามา ย่อมต้องการให้แก้ไขโดยเร็วที่สุดในระยะเวลาอันใกล้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะมีหลายองค์ประกอบที่ทำให้สถานการณ์ เป็นเช่นนั้น และโยงใยหลายปัจจัย จึงไม่อาจจะสรุปได้ว่า ประเด็นใดประเด็นหนึ่งจะทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายในระยะอันใกล้
นายอันวา กล่าวว่า จากการลงพิ้นที่ของนายชวน นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกฯ และนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย รวมถึง ส.ส.พรรค และโครงการของรัฐบาลที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสามารถตอบโจทย์ในความรู้สึกของประชาชนได้ แต่ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่นั้น ขณะนี้การก่อเหตุค่อนข้างรุนแรง จึงย่อมกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ดังนั้นนโยบายระยะสั้นและระยะยาวจึงมีความสำคัญแต่ชาวบ้านพื้นที่ต้องมีความหนักแน่นด้วยไม่เช่นนั้น ก็จะตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์รายวันได้ ยืนยันว่าต่อไปส.ส.ในพื้นที่จะรวมกลุ่มหารือวิเคราะห์สถานการณ์ทุกสัปดาห์
ด้านนายนาราชา สุวิทย์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในพื้นที่ของตนครอบคลุมถึงอ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และอ.นาทวี ซึ่งเป็นสี่อำเภออยู่ในพื้นที่สีชมพูรอยต่อพื้นที่สีแดงของสามจังหวัดชายแดนใต้ ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่มีความเป็นห่วง เกรงว่าสถานการณ์ความไม่สงบจะขยายลุกลามเข้าสู่ จ.สงขลา ภายหลังเหตุการณ์การยิงพี่น้องมุสลิมในมัสยิด ในจ.นราธิวาส เพราะขณะนี้เริ่มมีการปล่อยข่าวว่าเป็นฝีมือคนในหน่วยงานของรัฐ โดยหวังจะทีวความขัดแย้งระหว่างพี่น้องไทยพุทธ และ มุสลิมให้ขยายวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะเริ่มมีการเคลื่อนไหวชักจูงกลุ่มวัยรุ่น ในสี่อำเภอดังกล่าวให้เข้าร่วมกับ กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อการซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในสามจังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่อาจถูกชักจูงหรือปล่อยข่าวให้หลงเชื่อ ด้วยการปลุกระดมให้แก้แค้น จึงมีทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ต่างบอกข้อมูลกับตนว่ามีกระแสข่าวลือในพื้นที่สับสนไปหมด จึงอยากฝากบอกไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองว่าให้ช่วยดูแลลูกหลาน โดยฌฉพาะที่อยู่ในวัยรุ่น ว่ามีพฤติกรรมแปลกเปลี่ยนไปจากเดิม เก็บตัว หรือหายจากบ้านไปหลายวัน ให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อความสงบสุขให้กลับมายังชุมชนโดยรวม
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่เข้าร่วมประชุมด้วยระบุถึงผลการประชุมการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ว่า การนำข้อมูลที่เสนอในที่ประชุมวันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรีเองได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นประจำ และส.ส.ในพื้นที่ก็คลุกคลีกับปัญหาของประชาชน เพราะฉะนั้นเมื่อประมวลความคิดความเห็นถือเป็นการช่วยรัฐบาลอีกทางหนึ่ง
เมื่อถามว่า ปัญหาในขณะนี้ของประชาชนคือความคับแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ และอยู่ในความหวาดกลัว ทั้ง 3 ปัญหาจะแก้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ต้องแก้ทั้ง 3 ปัญหาอะไรที่เป็นความคับแค้นทางจิตใจของพี่น้องประชาชนเราก็ต้องแก้ และไม่สร้างภาระทางจิตใจให้กับพี่น้องประชาชนเพิ่มเติม
“อย่างกรณีที่มีคนร้ายบุกเข้าไปยิงประชาชนในมัสยิด นายกฯ สั่งผมมาเลยว่า ดำเนินคดีกับทุกคนทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นใคร สืบสวนได้ตัวจริงชัดเจนเราก็ต้องทำ นี่จะเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่เกิดความคับแค้นได้อีกทางหนึ่ง” นายสุเทพกล่าว
ส่วนเรื่องการขาดแคลนวัสดุปัจจัยทั้งหลาย รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งบประมาณที่รัฐบาลเห็นชอบกำลังรอ พ.ร.ก.กู้เงิน หากผ่านสภาก็สามารถดำเนินการได้ทันที ตนได้ลงไปเตรียมการปรึกษาหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 5 จังหวัดใต้ไว้แล้ว คิดว่าพร้อมที่จะเดินหน้าได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ จะแก้ทุกปัญหา
เมื่อถามว่า ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความผิดหวังดำเนินงานของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ท่านเป็น ส.ส.สัดส่วนไม่ใช่ ส.ส.เขตเลือกตั้ง แต่ในฐานะที่ท่านก็เป็นคนในพื้นที่ ตนก็ยินดีรับฟังความผิดหวังของท่าน อย่างไรก็ตาม หากมีข้อมูลอะไรเสนอมาตนก็พร้อมที่จะรับ
เมื่อถามว่า ความผิดหวังที่เกิดขึ้นรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ นายสุเทพกล่าวสวนมาทันทีว่า ถูกต้อง ตนและ ส.ส.ผิดหวังไม่เป็นไร แต่อย่าให้ประชาชนผิดหวัง และตนได้พยายามทำให้เต็มที่ เมื่อถามย้ำว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาคนใต้ค่อนข้างคาดหวังว่าจะแก้ไขปัญหาได้ผลมากกว่าเดิม นายสุเทพกล่าวว่า ถูกต้องที่มาทำงานอยู่ทุกวันเพราะความตั้งใจอย่างนี้ แต่บางทีมีคนพูดเลยเถิดไปว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถแก้ปัญหาได้ภายใน 3 เดือน คงไม่ใช่เพราะปัญหานี้ต้องใช้เวลา
ส่วนที่ว่าทางพรรคเพื่อไทยเสนอให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่ดูแลภาคใต้อย่างนายถาวร เสนเนียม นายสุเทพกล่าวว่า ขอบคุณที่เสนอ แต่ตนคิดว่าการเสนอไม่ค่อยบริสุทธิ์ เพราะเป็นการยุแยงตะแคงรั่ว หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าเสี้ยม
นอกจากนี้ นายสุเทพยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ล่าสุดว่า จากกระแสข่าวว่าการบริหารราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่เป็นเอกภาพนั้นไม่เป็นความจริง ตนพยายามทำให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้ ทั้งนี้ การแก้ปัญหาภาคใต้จะพูดอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องเห็นใจและให้กำลังใจคนทำงาน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ด้วยส่วนหลักประกันความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่นั้น ต้องทำให้มีการขึ้น ซึ่งนายกฯ ได้มอบนโยบายมาที่ตนแล้ว