xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กป๊อก” สั่งให้อดทนคุย “เขมร” ย้ำไม่ยิงก่อนแม้อีกฝ่ายเสริมอาวุธหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
“พระวิหาร” ตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อ “ฮุนเซน” ประกาศพร้อมรบไทย หากรุกล้ำอนาธิปไตยก่อน ดาหน้าขนอาวุธหนักทั้งจรวด-ปืนใหญ่-รถถังเสริมพื้นที่ ด้านไทยส่งแม่ทัพภาค 2 เป็นกาวใจเจรจา ขณะที่ “บิ๊กป๊อก” แม้ตัวอยู่เวียดนาม แต่สั่งการให้ใช้ความอดทน แก้ปัญหาอย่างสันติ ยันไม่เปิดฉากยิงเขมรก่อน

วันนี้ (2 ก.ค.) พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภายหลังจากที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศหากกำลังทหารไทยรุกล้ำอธิปไตยจะยิงด้วยจรวดทันที ทั้งนี้ ได้มีการเคลื่อนไหวโดยนำอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวาน (1 มิ.ย.) โดยเฉพาะจรวดได้เคลื่อนย้ายมาไว้ที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหารแล้ว รวมถึงรถถัง และปืนใหญ่ก็เข้ามาเสริมในพื้นที่

“เท่าที่ติดตามสถานการณ์ตอนนี้เริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ประกาศว่าจะยิงจรวดหากฝ่ายกำลังทหารไทยรุกล้ำอธิปไตย ทั้งนี้ ฝ่ายทหารไทยก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ตลอดเวลา โดย พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ก็พยายามเจรจากับทางฝั่งกัมพูชาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการปรับกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากกำลังอยู่เยอะโอกาสที่จะเกิดปัญหาก็มีอยู่เยอะเช่นกัน แต่หากกำลังมีน้อยโอกาสที่จะเกิดปัญหาก็น้อยลงไปด้วย” พล.ต.กนก กล่าว

พล.ต.กนก กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) ทางกองกำลังสุรนารีจะมีการซักซ้อมแผนอพยพประชาชนในพื้นที่ แต่เท่าที่สังเกตประชาชนไม่ได้แสดงความวิตกกังวลอะไร เพราะสถานการณ์แบบนี้เคยเกิดมาแล้วครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาททางกองกำลังสุรนารีจะมีการเตรียมแผนรองรับเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งตนทราบข่าวมาว่า ทางกัมพูชาก็เริ่มมีการบอยคอตสินค้าไทยบางส่วนแล้วด้วย

ด้าน พล.ต.ชวลิต ชุนประสาร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า ขณะนี้กองกำลังทหารไทย และกองกำลังทหารกัมพูชา ยังคงตรึงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ เพื่อดูแลอธิปไตยของแต่ละประเทศเอาไว้ ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ติดตามสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา

“ผมเชื่อว่าสถานการณ์ในพื้นที่จะไม่ลุกลาม และไม่เกิดปัญหา เนื่องจากกำลังทหารของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจกันดี และเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ กำลังทหารของทั้งสองประเทศได้มีการวางกำลังกันตามปกติ ไม่ได้มีการเพิ่มหรือลดลงแต่อย่างใด ทั้งนี้ การจะปรับลดกำลังลงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บังคับบัญชา” พล.ต.ชวลิต กล่าว

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ระหว่างการนำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่เดินทางไปเยือนประเทศเวียดนาม กล่าวถึงกรณีที่ แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการทหารภาคที่ 4 ของกัมพูชาเจรจาเรื่องการถอนกำลังในพื้นที่พิพาทบริเวณเขาพระวิหารล้มเหลว ว่า ก่อนเดินทางไปเยือนเวียดนาม พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งการให้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลสถานการณ์เรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาทหารในพื้นที่ได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ไม่มีความเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากเชื่อว่าทางแม่ทัพภาคที่2 คงจัดการได้ และคิดว่าเหตุการณ์ไม่น่าตึงเครียด เพราะมีการพูดคุยกันตลอด

ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า คณะของ พล.อ.ประวิตร ที่ไปเยือนเวียดนาม ประกอบด้วย พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผบ.ทอ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. โดยเดินทางปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค.นี้ โดยทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้โทรศัพท์รายงานสถานการณ์ให้ พล.อ.อนุพงษ์ รับทราบอยู่ตลอดเวลา ถึงท่าทีของ ผบ.ทหารภาคที่ 4 ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ย้ำจุดยืนที่จะขอพูดคุยกับผู้นำทางทหารในพื้นที่อย่างสันติ

นอกจากนี้ มีรายงานอีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งการและกำชับผ่านทางโทรศัพท์ว่า ให้แม่ทัพภาคที่ 2 พูดคุยกับทางกัมพูชาอย่างอดทน รวมทั้งกำชับให้ทหารในพื้นที่อดทนอย่างถึงที่สุด และตรึงพื้นที่ไว้ตามคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมกับย้ำว่าไทยมีเจตนารมณ์ว่าจะไม่เป็นฝ่ายเริ่ม หรือยิงก่อน ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาด้วยกลไกของคณะกรรมการที่จะเจรจาแก้ไขปัญหาในทุกระดับ และให้การเจรจาของผู้นำทหารในพื้นที่ดำเนินการต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น