นายกฯ รับปากวุฒิฯ ร่วมร่าง กม.ค้าปลีกปลุกชีพโชวห่วย

กมธ.วุฒิฯ พบ “มาร์ค” อ้อนผลักดัน พ.ร.บ.ค้าปลีกแก้ปัญหาโชวห่วย ถูกห้างต่างชาติแย่งกิจการ ด้านนายกฯ ยอมรับยี้กฎหมายสมัย สนช. สรุปรัฐบาล-วุฒิฯ ผนึกร่วมร่างกฎหมายด้วยกัน

วันนี้ (3 ก.ค.) ที่ห้องรับรอง 1 อาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ประมาณ 10 คน ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเรื่องการผลักดันเสนอร่าง พ.ร.บ.กีดกันทางการค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือกับนายกฯ นายบุญชัย โชควัฒนา ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ หารือว่าได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่โดยกลุ่มทุนต่างชาติ อยากให้รัฐบาลออก พ.ร.บ.ค้าปลีกเพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางการค้าให้ ส่วนนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าวว่า เคยมีร่างกฎหมายนี้เสนอในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อยากให้รัฐบาลนำมาทบทวนพิจารณา เพราะหากปล่อยให้ไม่มีกฎหมายใดๆ มาแก้ไขปัญหาให้จะทำให้ผู้ค้าปลีกรายย่อย หรือโชวห่วยอยู่ไม่ได้ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะชะลอการเกิดของห้างค้าปลีกได้หรือไม่ ส่วนร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเสนอได้ในช่วงสมัยประชุมสภานิติบัญญัติหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกฯ ระบุว่าปัญหานี้ยืดเยื้อมากว่า 1 ปีแล้ว โดยเฉพาะกรณีมาตรการการให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 49 ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ซึ่งทำให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่นักลงทุน เหมือนกับเราไม่ต้อนรับเขา ซึ่งตนต้องไปยืนกรานกับต่างประเทศให้เข้าใจก่อน ส่วนมาตรการควบคุมเงินทุนต่างๆ ต้องพิจารณาว่าทำอย่างไรให้การค้าสมัยใหม่ ทั้งผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่และผู้ประกอบการรายเล็กอยู่ด้วยกันได้ ถ้าผู้ค้าปลีกรายใหญ่อยู่ในส่วนที่เหมาะสม ส่วนการชะลอห้างค้าปลีกรายใหญ่ เมื่อมีการอนุญาตไปแล้วคงลำบากที่จะชะลอ ทั้งนี้ มีการค้าสมัยใหม่ช่วยการค้าปลีกด้วยซ้ำ ถ้าอยู่ในส่วนที่เหมาะสม อย่างไรก็ดียอมว่าในหลายท้องถิ่นมีปัญหาการทุจริต ดังนั้นจะปล่อยเพียงให้ท้องถิ่นทำไม่ได้ ส่วนการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว รัฐบาลจะเร่งรัดให้จะพยายามเสนอให้ทันในสมัยประชุมหน้า ซึ่งตนมอบให้นาย เกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย ติดตามปัญหานี้อยู่

“การจะมีห้างใหญ่ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องอยู่ในจุดที่เหมาะสม แต่ห้างตัวเล็กที่เข้าไป โดยเฉพาะที่เข้าไปอยู่ในปั๊มน้ำมัน ผมหนักใจ เพราะเขาแค่ลดขนาดไม่ให้เท่าห้างใหญ่ที่มีอยู่ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งถ้าทำก็ทำได้ แต่ต้องมีสินค้าของคนไทยเข้าไปขายมากขึ้น ส่วนกฎหมายของ สนช. ผมไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ และยังมีกฎหมายของ สนช.อีก 2-3 ฉบับที่กำลังดูอยู่” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายของการหารือ นายเกียรติที่ร่วมหารือด้วยได้กล่าวว่า เรื่องร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการค้าปลีก ขอให้รัฐบาลกับวุฒิสภามาร่วมกันพิจารณาศึกษาก่อนดำเนินการต่อไป