xs
xsm
sm
md
lg

วิปรัฐฟิตจัด ถกรับมือเปิดสภาแต่หัววัน วางแผนจี้ ครม.ลงพื้นที่พบชาวบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการพรรคร่วมรัฐบาล
วิปรัฐบาลฟิตจัดนัดหารือนัดพิเศษ ถกรับเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ 1 ส.ค.นี้ พร้อมวางแผน 4 ยุทธศาสตร์หวังแก้ปัญหาประเทศ เน้นย้ำให้ ครม.ต้องลงพื้นที่เข้าหาชาวบ้าน แถมนัดถกกินข้าวนอกรอบ “ร้านคาร์เดอร์รัซโซ” ซอยหลังสวนค่ำนี้ต่อ “ชินวรณ์” เชื่อ ส.ส.ถือหุ้นอาจไม่เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ ชี้แค่ตัดสิทธิ์ความเป็น ส.ส.แต่ยังเป็น รมต.ได้ ยอมรับแพ้เลือกตั้งเพราะสู้ “พลังแม้วไม่ไหว” เมินขออภัยโทษ

วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงข่าวหลังการประชุมวิปรัฐบาลนัดพิเศษที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติวันที่ 1 ส.ค.โดยจะพิจารณาการจัดลำดับกฎหมายในการพิจาณาของที่ประชุม โดยเห็นว่า ต้องดำเนินการให้สภาพิจารณา คือ ร่าง พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ไม่ผ่านความเห็นของ ส.ว.ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญที่ผ่านมา, พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่กรรมาธิการงบประมาณดำเนินการอยู่ก่อนที่จะดำเนินการในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป

นายชินวรณ์ กล่าวว่า วิปรัฐบาลเห็นว่ากฎหมายเศรษฐกิจนี้มีความสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและนำเงินมาแก้ไขปัญหาของประชาชนให้เป็นรูปธรรม และเป็นการแสดงผลงานรัฐบาลในการขับเคลื่อนโยบายด้วย รวมทั้งยังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.3 ชุดที่จัดลำดับไว้เพื่อพิจารณาในสมัยประชุมนี้เช่นกัน โดยชุดแรกนั้นจะมี 9 ฉบับ โดยจะเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้กับรัฐสภา ชุดที่สองจะมี 5 ฉบับ โดยเป็นร่างกฎหมายที่ ครม.เสนอไว้โดยมีความจำเป็นต่อการบริหารราชการแผ่นดินรวมทั้งการแก้ไขกฏหมาย ชุดที่ 3 จะมี 8 ฉบับ โดยเป็นร่างกฎหมายที่ ครม.ชุดที่แล้วเสนอไว้แล้ว ทั้งนี้ ที่ประชุมยังฝากการบ้านให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้ไปถามรัฐมนตรีให้ช่วยขับเคลื่อนร่างกฎหมาย 148 ฉบับด้วยที่ส่วนใหญ่เกี่ยวกันโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และวันที่ 27 ก.ค.จะมีการประชุมวิปรัฐบาล

นายชินวรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ปะชุมยังเห็นว่าต้องร่วมมือกันในการขับเคลื่อน ให้รัฐบาลมีโอกาสในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง และสร้างโอกาสให้รัฐบาลในการกู้วิกฤตการเมือง เพื่อให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติโดยเร็ว โดยมียุทธศาสตร์ 1.รวมกันเราอยู่ คือ การร่วมกันทำงานอย่างเป็นเอกภาพ จากนี้นโยบายต่างๆ ของพรรคร่วม เสียงของพรรคร่วมจะเป็นเสียงเดียวกัน การดำเนินการของรัฐมนตรีในแต่ละพรรคจะยึดการดำเนินงานตาม นโยบายภาพรวมของรัฐบาลเป็นหลัก 2.ร่วมกู้เศรษฐกิจ เพราะเห็นว่าปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาตามนโยบายรัฐบาล เรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องราคาการพืชผลการเกษตร อาทิ ราคาข้าว ยางพารา รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแทรกแซงราคาข้าว ทำให้ภาพรวมของรัฐบาลยังมีปัญหาเรื่องการกู้วิกฤติเศรษฐกิจ
3.ใกล้ชิดประชาชน โดยเห็นว่า นายกฯและรัฐมนตรีจำเป็นต้องลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียนและให้ใกล้ชิดประชาชน หากมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งขัดขวางการลงพื้นที่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าใครยึดประโยชน์ของประเทศหรือประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก และ 4.โชว์ผลงานทุกพื้นที่ ซึ่งจำเป็นมากเพราะบางพื้นที่มี ส.ส.พรรคของฝ่ายค้านเท่านั้น ทำให้รัฐบาลไม่สามารถทะลวงลงไป เพื่อทำความเข้าใจ หรือให้รับรู้ว่ารัฐบาลมีผลงานอะไรบ้าง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องทำงานประชาสัมพันธ์เชิงรุกมากขึ้น

“ยุทธศาสตร์ทั้ง 4 มีจำเป็นที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทุกพรรคจะต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม” นายชินวรณ์ กล่าวเเละว่า ยุทธศาสตร์นี้ไม่มาจากกรณีที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย บางคนระบุว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องกอดคอกัน หากแยกกันก็จะตาย แต่พรรคร่วมรัฐบาลต้องสมานฉันท์และทำงานเป็นทีมร่วมกัน

นายชินวรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีประเด็นข้อจำกัดในการดำเนินงานของรัฐบาลที่ได้หยิบยกมาพูดถึงคือกรณีผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่จ.สกลนคร และ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า ในการหาเสียงดังกล่าว ฝ่ายค้านได้ใช้ยุทธศาสตร์ หาเสียงโดยพูดเรื่องความไม่เป็นธรรมของรัฐบาลและการหาเสียงจากความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีนายกฯ แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นกรณีที่รัฐบาลจะต้องนำไปศึกษาต่อไป เชื่อว่า หากรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ อย่างมีพลัง ให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรม จะทำให้คะแนนเสียงของรัฐบาลดีขึ้น ส่วนกรณีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามขอกลับเข้าประเทศไทย และการล่ารายชื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้น เห็นว่า เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ควรให้ความสำคัญแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำวันนี้จะมีการเลี้ยงสังสรรค์ ของวิปรัฐบาล เพื่อหารือประเด็นเหล่านี้ ที่ร้านคาร์เดอร์รัซโซ ซอยหลังสวน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการเช็กยอดรายชื่อ ส.ส.ที่เหลือ หากมี ส.ส.ส่วนหนึ่งถูกกกต.วินิจฉัยกรณีถือหุ้นในบริษัทสัมปทานรัฐ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่า แม้จะมีรายชื่อ ส.ส.ที่ถูกยื่นตรวจสอบหลายคนที่อาจไม่เข้าข่าย เพราะบางคนซื้อแค่โทรศัพท์ แต่ได้หุ้นแถมเข้ามา บางคนจำหน่ายหุ้นไปแล้วก่อนรับตำแหน่ง ส.ส. เชื่อว่า จะมี ส.ส.บางส่วนรอดพ้นการวินิจฉัยของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อตรวจสอบส.ส.ที่อยู่ในข่ายว่าถือหุ้นในสัมปทานรัฐก็ไม่มีผลกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะการพิจารณากฎหมายสำคัญ รัฐธรรมนูญให้ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่มีอยู่ในการลงมติ และการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอนาคตทุกฝ่ายต้องเคารพ และเป็นบรรทัดฐานในอนาคต แต่กรณีนี้เป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น เมื่อตัดสินแล้ว ส.ส.และ ส.ว.ที่โดนตัดสิทธิ์สามารถใช้สิทธิลงเลือกตั้งซ่อมได้ ส่วนรัฐมนตรีก็ยังดำรงตำแหน่งต่อไปได้แม้จะหลุดจาก ส.ส.โดยเห็นได้จากกรณี นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.พาณิชย์
กำลังโหลดความคิดเห็น