xs
xsm
sm
md
lg

“กอร์ปศักดิ์” แนะ “แม้ว” ช่วยชาติ เลิกโฟนอินสร้างความแตกแยก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ไม่ให้ราคาโฟนอิน “แม้ว” สอนมวยหากต้องการช่วยชาติจริงให้หยุดสร้างความแตกแยก เหน็บห่วงตัวเองกลัวตายในทะเลทรายมากกว่าจึงใช้กลุ่มเสื้อแดงเป็นเกราะกำบัง มั่นใจไตรมาส 4 เศรษฐกิจเป็นบวกแน่

วันนี้ (26 มิ.ย.) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินบอกรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทำได้หลายวิธี สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอก็เป็นแนวทางหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เขาเสนอนั้นคือให้ดูในเรื่องของตลาดส่งออกซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ก็ทำอยู่แล้ว หรือบางคนก็มองว่าทำไมไม่ให้ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนเพราะจะได้ช่วยเรื่องการส่งออก

“ต้องเข้าใจว่าวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นมีหลายมุมมอง และทำได้หลายวิธี ซึ่งวิธีที่คุณทักษิณ เสนอนั้นก็เป็นวิธีหนึ่ง และผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี และกระทรวงพาณิชย์ทำได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือคุณทักษิณอย่านำเสนอแต่มาช่วยเลย ซึ่งวิธีการช่วยของคุณทักษิณทำได้ง่ายที่สุด ขณะนี้ก็คือ หยุดสร้างความแตกแยกในประเทศ เพราะหากไม่มีความขัดแย้งในประเทศ หรือประเทศสงบ ก็ถือเป็นการช่วยประเทศแล้ว ถือเป็นวิธีที่ดีและง่ายที่สุดที่คุณทักษิณจะช่วยให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และสามารถทำได้ทันที แต่สิ่งที่คุณทักษิณทำขณะนี้น่าจะเป็นการกังวลและห่วงตัวเองมากกว่า กลัวจะไปตายกลางทะเลทราย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสามารถกลับประเทศไทยได้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่คุณทักษิณกลัวคือกลับมาแล้วจะถูกจับ เนื่องจากมีคดีติดตัวอยู่ คุณทักษิณต้องการกลับมาโดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คุณทักษิณไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นมานานถึง 6 ปี เป็นอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง และปัจจุบันก็ทราบกันดีว่าเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นถ้าเขาเป็นคนธรรมดาก็คงไม่มีปัญหา” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลด้วยใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า การโฟนอินไม่สำคัญเท่ากับการสร้างความแตกแยกขึ้นในสังคม ขณะนี้ทุกคนต้องการความร่วมมือร่วมใจกัน แต่ต้องยอมรับว่าคุณทักษิณกังวลเรื่องของตัวเองมาก

เมื่อถามว่าถ้าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความแตกแยก แล้วทำไมจึงยังมีคนไปฟังมากมาย นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ก็คงต้องมีเพราะคุณทักษิณก็มีคนรักเยอะ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่คิดว่าสิ่งที่คุณทักษิณควรทำก็คือต้องหยุดเป็นห่วงตัวเอง แต่มาเป็นห่วงประชาชน ถ้าทำอย่างนี้ก็จะช่วยประเทศได้เยอะ ส่วนที่บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นก็แล้วแต่มุมมอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นรองนายกฯ ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ นอกจากจะให้น้ำหนักและเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดเป็นห่วงตัวเอง แต่รัฐบาลให้น้ำหนักกับการมาทบทวนตัวเองในส่วนของ ครม.เศรษฐกิจหรือไม่ เพราะโพลที่ออกมาก็ตรงกันว่ารัฐบาลสอบตก ควรจะมีการขันนอตหรือปรับปรุงการทำงานมากกว่าหรือไม่ นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นโพลว่าสอบได้หรือสอบตก แต่สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงมากที่สุดคือกลัวคนจะตกงานและว่างงานมากขึ้น หากไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง นักท่องเที่ยวก็จะไม่มา รายได้ก็จะตกไป หากไม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว ประชาชนก็จะตกงานมากขึ้น

เมื่อถามว่าตอนนี้อาจจะถูกมองว่ารัฐบาลจะโยนไปที่เสถียรภาพของการเมือง แต่ขณะที่ฝีมือหรือความคาดหวังที่ประชาชนมอบให้กับ ครม.เศรษฐกิจ หรือทีมเศรษฐกิจชุดนี้ที่อาสาเข้ามา รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ก็คงต้องดูอีกระยะหนึ่งเพราะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ทำวันนี้ หรือพรุ่งนี้แล้วเบ็ดเสร็จไปหมด เพราะแม้ในต่างประเทศเองขณะนี้ก็ยังมีปัญหากัน และไม่ได้หมายความว่าเราไม่พยายามทำ เราก็ทำกันอยู่อย่างเต็มที่ เพียงแต่ต้องรออีกระยะหนึ่งและคงให้ความเชื่อมั่นได้ว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวกแน่นอน ขณะนี้เงินงบประมาณที่จะเข้าไปในแผนไทยเข้มแข็ง ก็ดำเนินการกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการสร้างงานกับประชาชน แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่มีการวิจารณ์ทุกโครงการ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิจารณ์ว่าเงินกู้จะสร้างหนี้เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำยังไม่ชัดเจนเลย รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่จริง เพราะขณะนี้จะเริ่มประมูลกันแล้ว ดังนั้น การวิจารณ์ก็วิจารณ์ไป รัฐบาลก็รับฟัง แต่สิ่งที่รัฐบาลทำขณะนี้ คือ การนำเงินที่ได้มาจากการระดมทุนครั้งนี้มาสร้างงานให้ประชาชนทั่วประเทศ เมื่อถามว่ามีการมองกันว่าการออกพันธบัตรของรัฐบาลเป็นเพียงแค่การนำเงินฝากประชาชนมาซื้อ เป็นการแย่งเงินกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคาร นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ไม่จริง แต่เพราะขณะนี้ธนาคารยังไม่ปล่อยกู้ สิ่งที่รัฐบาลทำคือเป็นเหมือนตัวกลาง เพราะถึงอย่างไรประชาชนที่นำเงิน ไปฝากธนาคารก็ได้ดอกเบี้ยน้อย แต่ถ้ามาฝากกับรัฐบาล ก็จะได้ดอกเบี้ยมากกว่า และเมื่อรัฐบาลทำตัวเป็นคนกลาง เมื่อรับเงินฝากเสร็จ ก็ไม่รีรอที่จำเป็นจะต้องไปดูเครดิตว่าใครเป็นใคร ก็คือเอาเงินไปใช้ นี่เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำตัวเหมือนเป็นผู้กู้เสียเอง กู้เสร็จแล้วก็ปล่อยเลย เป็นการปล่อยไปสร้างงาน ซึ่งก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร ประชาชนก็จะมีรายได้จากตรงนี้ เศรษฐกิจก็เดินได้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ไม่มีมีวิธีอื่นหรอก

เมื่อถามว่าทำไมที่ผ่านมารัฐบาลเอาใจธนาคารมากเกินไป รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่จริงเลย รัฐบาลมีหน้าที่อย่างเดียวคือทำอะไรที่ใช้เงินน้อยที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงโครงการไทยเข้มแข็งที่บอกว่าปี 53 มีการตั้งงบไว้หลายแสนล้านบาท แต่ปรากฎว่าโครงการต่างๆ ยังไม่มีความพร้อมเลย นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า มีความพร้อม เพียงแต่อาจจะมีบางโครงการที่ไม่มีความพร้อม ซึ่งเม็ดเงินที่เตรียมไว้ทั้งหมด 2.3 แสนกว่าล้าน ซึ่งอาจจะมีบางส่วนที่ไม่พร้อม เราก็จะตัดออกไป แต่เงินจริงๆ มีเพียง 2 แสนล้าน แต่เราตั้งเผื่อเอาไว้เพราะเราเชื่อว่าบางโครงการไม่มีความพร้อมจริง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เราไม่มีทางรู้ข้อมูลภายในว่าพร้อมจริงหรือไม่จริง ดังนั้นเราต้องตั้งเผื่อไว้ เป็นเรื่องปกติของการทำงาน ไม่ได้เป็นการเปิดช่องอะไรเลย เราต้องทำให้มากที่สุดในโครงการที่พร้อมที่สุด งานที่ไม่พร้อมก็ผลัดออกไปใช้ใน พ.ร.บ.แทน
กำลังโหลดความคิดเห็น