พันธมิตรฯ บุกยื่นหนังสือ ป.ป.ช.เลิกเตะถ่วงคดี 7 ตุลาทมิฬ ด้านกล้านรงค์ระบุจำเป็นต้องให้โอกาสผู้ถูกชี้มูลแจง แต่กลับขยายเวลามาโดยตลอด ดีเดย์เลิกเล่นแง่ 29 มิ.ย. ยันความสัมพันธ์ “ปานเทพ-ประวิตร” ไม่กระทบการวินิจฉัยหรือชี้นำใครได้ ยัน ปธ.แค่หนึ่งเสียงเท่ากัน
วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงชัย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)พร้อมด้วยกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 20 คน เดินทางมาที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือติดตามและเร่งรัดคดีการเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชนเมื่อวันที่ 7ตุลาคมพ.ศ.2551 โดยมี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ และนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช.
นายพิภพ กล่าวว่า การสอบสวนเรื่องดังกล่าวเกี่ยวพันธ์กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรับจำนวนมากต้องได้รับโทษทางกฎหมายและคณะกรรมการป.ป.ช.ได้รับเรื่องไต่สวนคดีดังกล่าวเป็นระยะเวลา 8 เดือนแต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติประการใด และเจ้าหน้าที่หลายคนยังคงมีตำแหน่งระดับสูงและยังไม่ได้รับโทษใดๆ ประกอบกับมีข้อมูลว่าประธานกรรมการป.ป.ช.เคยเข้าเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.)รุ่นเดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมต.กระทรวงกลาโหม มีฐานะเป็นพี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ทางพันธมิตรฯมีความสงสัยเคลือบแคลงว่า สาเหตุของความล่าช้าทางคดีเพราะประธานป.ป.ช.มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร และเพื่อเป็นการวางแผนที่จะต้องการให้พล.ต.อ.พัชรวาท ได้มีโอกาสปรับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการตำรวจก่อนหรือไม่ หรือต้องการที่จะช่วยเหลือพล.ต.อ.พัชรวาท ให้รอดพ้นจากคดี หรือไม่ ทั้งนี้ทางพันธมิตรฯต้องการให้ทางป.ป.ช.เร่งรัดคดีดังกล่าวเพื่อคลี่คลายวิกฤติของชาติโดยเร็วที่สุด
ด้าน นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าประธานกรรมการป.ป.ช.ไม่ได้มีลูกเป็นตำรวจ ในส่วนที่มีข้อสงสัยว่ามีการดึงเรื่องไว้ ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนซึ่งมีนายวิชา เป็นประธานอนุกรรมการแต่หลังจากนั้นต้องยอมรับว่าได้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในเรื่องนี้มาก โดยนายวิชาและนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช.เป็นเจ้าของสำนวลและจะมีการไต่สวนทั้งคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ เมื่อเราเห็นว่ามีมูลจึงจะแจ้งไปยังผู้ถือกล่าวหาและเปิดให้เดินทางเข้าแก้ข้อกล่าวหาได้ แต่ผู้ถูกล่าวหาจะขอขยายเวลาซึ่งเราก็ต้องให้เพราะเป็นการรวบรวมเอกสาร ไม่ได้เป็นการประวิงคดี ยังคงอยู่ในขั้นตอนการไต่สวน เราให้โอกาสถึงวันที่ 29 มิถุนายน ถือเป็นวันสิ้นสุดการพิจารณา หากผู้ถูกกล่าวหายังไม่เข้ามาก็ถือว่าไม่มีอะไรต้องแก้แล้ว แต่หากมีการเพิ่มพยานเดิมแต่เป็นประเด็นใหม่เราก็ต้องยืดเวลาออกไปเพื่อความเป็นธรรม หรือหากไม่มีความจะเป็นเราก็สามารถตัดออกได้ ขอยืนยันว่ากรรมการทุกคนเป็นอิสระมีสิทธิของตัวเอง
ภายหลังการเข้ายื่นหนังสือต่อกรรมการป.ป.ช.ผู้สื่อข่าวถามว่าทางกรรมการป.ป.ช.ได้มีการรับปากว่าจะเร่งรัดคดีหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย เมื่อทุกอย่างไปถึงวันที่ 29 มิถุนายน ทุกอย่างก็จะเดินหน้าโดยเร็ว และตนก็ได้พบกับนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. ซึ่งท่านก็ได้ชี้แจงเรื่องลูกชายและเรื่องพล.อ.ประวิตร ว่าสนิทสนมกัน และยืนยันว่าไม่มีอะไรมีกดดันได้อย่างแน่นอน