“วิชา” เจ้าของสำนวนคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลา แจงเหตุคดีล่าช้าเพราะผู้ถูกกล่าวหาเล่นเกมยื้อ ใช้สารพัดวิธีร้องศาล-ขอเปลี่ยนตัวกรรมการสอบ ส่งผลการไต่สวนไม่คล่องตัว ปูดถูกขู่ปาบึ้มหมายเอาชีวิต ลั่นไม่กลัวหลังฝ่ายข่าวเตือนระวังตัว แย้มกลางเดือน ก.ค.สรุปได้
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะเจ้าของสำนวนการไต่สวนเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ต.ค. เปิดเผยต่อ นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการ ถึงความล่าช้าในการดำเนินการไต่สวนคดีดังกล่าวว่า ช่วงนี้อยู่ระหว่างการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหามายื่นคำขอแก้คดี โดยจะเป็นลายลักษณ์อักษรหรือทางวาจาก็ได้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ หากไม่มาถือว่ายุติ ไม่ติดใจอะไร จากนั้นในวันที่ 30 มิ.ย.คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่จะพิจารณาพยานต่างๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาว่าสมควรจะนัดมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มีการอ้างพยานเพิ่มเติมมาหลายปาก ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการได้เชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำแล้วตามขั้นตอนการไต่สวน และมีการรายงานคณะกรรมการชุดใหญ่เป็นระยะๆ
“สรุปแล้วเราไม่ได้ดึงคดี แต่ยอมรับว่ามีอุปสรรคปัญหาหลายอย่างที่ทำให้การไต่สวนล่าช้า เพราะผู้ถูกกล่าวหาบางคนไปร้องต่อศาลปกครองว่า ป.ป.ช.ไม่เปิดให้ดูข้อมูล จนศาลปกครองต้องเรียก ป.ป.ช.ไปชี้แจง ซึ่งปกติการดำเนินการไต่สวนของ ป.ป.ช.จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูล เพราะสำนวนการไต่สวนถือเป็นความลับ แต่ผู้ถูกกล่าวหาบางคนไม่ยอม บางคนฟ้องศาลอาญาก็มี เหมือนมีเจตนาต้องการดึงให้คดีนี้ล่าช้าออกไป บ้างก็ร้องคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ได้รับการโปรดเกล้า ตั้งโดย คมช. ไม่ขอรับรองสถานะ บ้างก็คัดค้านขอเปลี่ยนตัวกรรมการผู้ไต่สวน โดยอ้างว่ามีความไม่เป็นธรรม ต้องมีการเปลี่ยนตัวกรรมการกันใหม่ ทำการการสอบไม่คล่องตัว” นายวิชา กล่าว
นายวิชากล่าวอีกว่า ตอนแรกที่ได้รับการร้องเรียนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาไต่สวน กรรมการบางคนถูกคุกคาม เขากลัว จึงขอถอนตัวหลายคน สุดท้ายต้องโอนเรื่องให้คณะกรรมการชุดใหญ่ดูแล โดยมีตนและนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.เป็นเจ้าของสำนวน และการพิจารณาแต่ละครั้งต้องครบองค์ประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากกรรมการชุดใหญ่ดูแลเอง ผู้ถูกกล่าวหาก็ถอนฟ้องหมด
“ตั้งแต่มาทำคดีนี้ ผมเคยถูกข่มขู่จะใช้ระเบิด สมัยที่มีระเบิดตูมๆ บ่อยในช่วงที่บ้านเมืองไม่ปกติ แต่อย่าให้ผมพูดเลยว่าใครเป็นคนขู่ แต่ผมไม่กลัว ผมเสี่ยงมาทั้งชีวิตแล้ว เขาไม่ได้โทร.มาขู่ผมโดยตรง แต่ฝ่ายข่าวได้มาแจ้งเตือนให้ผมระมัดระวังตัวเวลาเดินทางไปไหนมาไหน เพราะมีรายงานจะถูกลอบทำร้าย ใครทำคดีนี้ต้องระมัดระวัง ฝ่ายข่าวเขาทราบว่ามีการเตรียมการกันอย่างไร เขาก็ดำเนินการป้องกันให้ แต่ผมไม่กลัว ก็ทำคดีเรื่อยมา และประมาณกลางเดือนกรกฎาคมนี้ คณะกรรมการชุดใหญ่จะพิจารณาสรุปข้อเท็จจริงเพื่อชี้มูลต่อไป หากจะให้สอบพยานเพิ่มก็เพียง 2 สัปดาห์หลังวันที่ 30 มิ.ย.นี้” นายวิชา กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ช.ช.มีลูกชายเป็นตำรวจนั้น นายวิชากล่าวยืนยันแทนประธานว่าไม่มี และยืนยันว่าเราทำงานอย่างโปร่งใส มีการรายงานผลการไต่สวนต่อกรรมการชุดใหญ่ทุกครั้ง เวลานี้อยู่ในชั้นของการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหามาแก้ข้อกล่าวหา เพราะผู้ถูกกล่าวหามีหลายคนทั้งนักการเมือง และข้าราชการตำรวจระดับสูง