xs
xsm
sm
md
lg

เปิดแผน"ตากสิน 2" "นช.แม้ว"หวังก่อสงครามไล่ล่า “มาร์ค-องคมนตรี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี
ไม่ยอมหยุด “นช.แม้ว” เตรียมเคลื่อนไหวอีก เปิดแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์วาง 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี ก่อสงครามประประชาชน พร้อมจัดชุดไล่ล่า “นายกฯ-องคมนตรี-แกนนำพันธมิตรฯ” วางแผนชุมนุมใหญ่ 27 มิ.ย.ปิดล้อมทำเนียบอีกรอบ แฉเหตุเสื้อแดงเสนอเปลี่ยนวันชาติ แผนลดบทบาทสถาบันเหลือแค่เป็นสัญลักษณ์ เตรียมยกระดับมาตรการ “ดิบ ถ่อย เถื่อน” ขวาง ครม.ลงพื้นที่ สร้างสงครามการเมืองทั้งในและนอกสภา

วันนี้ (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยข่าวกรองได้รายงานต่อฝ่ายความมั่นคงของรัฐ เกี่ยวกับ “แผนตากสิน 2” ทุบหม้อข้าว-ตีเมืองจันท์ โดยมีเนื้อหา 5 หน้า ยกระดับการต่อสู้ที่เข้มข้นและรุนแรงกว่าแผนตากสิน 1 เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งแผนดังกล่าวแพร่หลายอยู่ในระดับแกนนำ และแนวร่วมตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

สำหรับแผนตากสิน 2 กำหนดไว้ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี โดยมีเป้าหมายล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 ผลักดันให้มีการใช้ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนายแพทย์เหวง โตจิราการ แก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้ ในแผนตากสิน 2 มีการยกระดับใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการเปิด 7 แนวรบล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับศึกทุกด้านจนอยู่ในสภาพบริหารได้แต่ปกครองไม่ได้

“ตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เริ่มดำเนินตามยุทธวิธีเหล่านี้ ตั้งแต่การสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ โดยทำสงครามกับกระบวนการยุติธรรมเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ นำไปสู่ข้อกล่าวหาสองมาตรฐาน ซึ่งตามแผนของคนกลุ่มนี้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตุลาการใหม่ โดยจัดองค์การให้สถาบันตุลาการศาลยุติธรรมกลับมาสังกัดกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อให้อยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายการเมือง ขณะเดียวกันก็จะผลักดันให้เปลี่ยนแปลงวันชาติจากวันที่ 5 ธันวาคม มาเป็นวันที่ 24 มิ.ย.เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยที่จะลดบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความหมายเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนดังกล่าวในเรื่องการใช้สื่อสารมวลชนเป็นเครื่องมือว่า นอกจากจะใช้สื่อเทียมทั้งโทรทัศน์ดาวเทียม และการออกหนังสือพิมพ์เฉพาะกาลอย่าง เรดนิวส์ แล้วยังจะใช้สื่อสารมวลชนต่างประเทศกดดันประเทศไทย ผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์โดยมีเป้าหมายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมไปถึงการสร้างข่าวลือเพื่อขยายผลทางจิตวิทยา เช่น พระสุขภาพของพระมหากษัตริย์ ความเสื่อมเสียของพระบรมวงศานุวงศ์ ข่าวด้านลบของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และเรื่องชู้สาว สร้างข่าวความขัดแย้งและความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งจะมีการแทรกแซงหน่วยงานข่าวของรัฐ โดยใช้เครือข่ายบุคลากรสายข่าวในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฝังตัวอยู่ทั้งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ไปจนถึงศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ ศรภ. ด้วยการสร้างข่าวลือ ปล่อยข่าวลวง เพื่อสร้างความสับสนให้แก่รัฐบาลจนกำหนดแผนงานและยุทธวิธีที่ผิดพลาดด้วย

“ที่เลวร้ายที่สุด คือ ยุทธวิธีที่ 5 ในการสร้างสงครามทางการเมือง ที่จะใช้ทั้งเวทีในสภาและนอกสภา ซึ่งมีการระบุว่าสามารถยึดกุมความคิดของกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหาบางคนได้แล้ว ให้คนเหล่านี้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยโจมตีรัฐบาลในสภาจนทำให้ประชาชนสิ้นหวังนำไปสู่การยุบสภา นอกจากนี้ยังใช้เครือข่ายความสัมพันธ์และเงินทุน สนับสนุนการก่อความรุนแรงในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างแรงกดดันรอบด้านให้รัฐบาล โดยเริ่มมีการเข้าไปดำเนินการในเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ซึ่งตามแผนตากสิน 2 อ้างว่ามีการใช้ศูนย์บัญชาการเสริมอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจะใช้ความสัมพันธ์กับสมเด็จฯ ฮุนเซน สร้างความขัดแย้งบริเวณชายแดน ขยายข้อพิพาทปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการปะทะกันทางทหาร รวมทั้งใช้สถานการณ์ปราบปรามชนกลุ่มน้อยของพม่า กดดันสร้างความวุ่นวายบริเวณชายแดนด้านตะวันตกของไทย และยังมีการกำหนดแผนมอบหมายให้นายเหยียนปิง หรือนายชาญชัย รวยรุ่งเรือง เคลื่อนไหวกดดันประเทศไทยบริเวณชายแดนภาคเหนือของไทย ตามแนวเขตพรมแดนประเทศจีนด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับยุทธวิธีสุดท้ายในการพิชิตศึกตามแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว-ตีเมืองจันท์ ได้มีการสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้กรณีเหตุการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยการแปรความคับแค้นเป็นพลังในการจัดตั้งมวลชนตามหัวเมืองต่างๆ จัดกิจกรรมชุมนุมโดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และจัดตั้งกลุ่มรักษาความปลอดภัย ฝึกฝนอาวุธร่วมกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตพื้นที่อีสาน 4 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ และจ.นครพนม ซึ่งจะมีการประสานงานกับสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟฟ้า กรมอุทยานฯ สายของนายดำรง พิเดช อดีตอธิบดี และนายยงยุทธ (ติยะไพรัช) เพื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมใหม่ในลักษณะที่ไม่ยืดเยื้อถ้าไม่จำเป็น แต่จะมีการขยายการชุมนุมจากท้องสนามหลวงไปจนถึงการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงศักยภาพของคนเสื้อแดงอีกครั้ง

“การเคลื่อนไหวนับจากวันที่ 27 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง จะเป็นการปลุกระดมให้มวลชนพร้อมกับการเผชิญอำนาจรัฐ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบผ่านกองกำลังจัดตั้งและฝึกฝนมาแล้ว เช่น อดีตสหายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า การ์ดอาสา และกลุ่มนักศึกษารามคำแหงภายใต้การควบคุมของนายอารี ไกรนรา ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการจัดตั้งหน่วยจรยุทธ์ หรือทีมไล่ล่าบุคคลสำคัญและเป็นปฏิปักษ์ต่อคนเสื้อแดง ตั้งแต่บุคคลระดับสูง องคมนตรี บุคคลในฝ่ายรัฐบาลมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมายแรก ตามมาด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นต้น นอกจากนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน กับนายสุริยะใส กตะศิลา และแนววร่วม เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายปราโมทย์ นาครทรรพ และนายปีย์ มาลากุล ก็เป็นเป้าหมายที่จะถูกลอบทำร้ายโดยกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

ในหน้าสุดท้ายของแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว-ตีเมืองจันท์ ยังมีการกำหนดคำขวัญของการต่อสู้ไว้ว่า “ผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อนายใหญ่” โดยระบุกกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนงบประมาณการต่อสู้ครั้งนี้ว่า ประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในตระกูลชินวัตร อาทิ นายพายัพ นางเยาวเรศ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนกลุ่มทุนอื่น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล บริษัทธุรกิจในเครือชินคอร์ปและมูลนิธิไทยคม

สำหรับแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์นี้ ทางฝ่ายความมั่นคงได้รายงานสรุปและส่งเนื้อหาทั้งหมดให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงพิจารณาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางรับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดงแล้วหลายครั้ง โดยมีการกำชับว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหารจะเกียร์ว่างไม่ได้ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยเคร่งครัด ใช้บทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนมาปรับปรุงการทำงาน จะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาต่างชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น