ASTVผู้จัดการรายวัน - สุเทพ ส่งกองกำลังผสม ตำรวจ ทหาร เทศกิจ ตรวจทั่วกรุง อ้างเพื่อประชาชนเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด ไม่เกี่ยวม็อบเสื้อแดง ขณะที่หน่วยข่าวกรองเปิดแผน ตากสิน2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี ก่อสงครามประชาชน ยกระดับการต่อสู้แบบ ดิบ ถ่อย เถื่อน ขวาง ครม.ลงพื้นที่ จัดชุดไล่ล่านายกฯ-องคมนตรี-แกนนำพันธมิตรฯ ทำสงครามการเมืองทั้งในและนอกสภา สนับสนุนเงินกลุ่มป่วนใต้ สร้างความชัดแย้งตามแนวชายแดน ดีเดย์ม็อบใหญ่ 27 มิ.ย.ก่อนปิดล้อมทำเนียบฯ ปูดกลุ่มคนเสื้อแดงดันเปลี่ยนวันชาติ หวังลดบทบาทสถาบันเบื้องสูงเหลือเป็นแค่สัญลักษณ์ ด้านแกนนำเสื้อแดง เผย นช.แม้ว โฟนอินแน่ 27 มิ.ย. พร้อมเปิดตัวหนังสือพิมพ์เสื้อแดง ทักษิณ เขียนคอลัมน์ปฐมฤกษ์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (24 มิ.ย.)ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ประชาชนจะเห็นกองกำลังผสมออกไปเดิน เป็นสายตรวจ จำนวน 1,500 คน ซึ่งจะมีทั้งตำรวจ ทหาร และเทศกิจ ออกไปเดินถนน สายต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอกำลังจากเทศกิจและทหารมาช่วยเสริม เพื่อดูแลเรื่องปัญหาอาชญากรรมและปัญหายาเสพติดในกรุงเทพฯ และเพื่อดูแลให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น และเมื่อทำไประยะหนึ่งก็จะมีการประเมินผล ถ้าไม่พอก็จะเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีก
นายสุเทพ ปฏิเสธว่าการตั้งกองกำลังผสมออกเดินเป็นสายตรวจนี้ไม่เกี่ยวกับข่าวที่ว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายจากม็อบคนเสื้อแดง แต่เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวนเช่นนี้ ก็กังวลในเรื่องยาเสพติดและอาชญากรรมที่อาจมีมากขึ้น และยังมีประชาชนในกทม.โทรมาหาตนบ่อยว่ากังวลใจเรื่องนี้ จึงได้สั่งการให้ตำรวจเข้มข้น ในการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้จะมีการปล่อยแถวสายตรวจพิเศษ โดยจะเดินสายตรวจในทุกพื้นที่ แต่ในเบื้องต้นนี้จะดูในพื้นที่ที่เห็นความถี่ของปัญหาอาชญากรรมหรือพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวของยาเสพติดแพร่หลายมาก หรือพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนก็จะเสริมกำลังเข้าไป
โครงการนี้จะทำไปเรื่อยๆ แต่ชุดแรกนี้ตามแผนจะทำไปถึงเดือนกันยายน และจะประเมินดูกันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย. นี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีเลย 1,500 คนที่ส่งไปวันนี้เดินในสายต่าง ๆ ไม่ได้ชนกับเสื้อแดง เมื่อถามว่ากลัวทางตำรวจนครบาลจะน้อยใจหรือไม่เพราะเป็นงานของตำรวจ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หรอกเพราะวันนี้ทั้งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และแม่ทัพภาคที่ 1 วันนี้เขาไปปล่อยแถวด้วยกัน เขาทำงานด้วยกัน โดยทหารที่ไปครั้งนี้ก็ไปในฐานะผู้ช่วยตำรวจ
แผนตากสิน2ใช้ความรุนแรงล้มรัฐบาล
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า วานนี้ (24 มิ.ย.) หน่วยงาน ด้านข่าวกรองได้รายงาน สถานการณ์ต่อฝ่ายความมั่นคงของรัฐ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของฝ่ายตรงข้าม ตามแผน ตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ โดยมีเนื้อหา 5 หน้ากระดาษ โดยมีแผนยกระดับการต่อสู้ที่เข้มข้นและรุนแรงกว่าแผนตากสิน 1 เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งแผนดังกล่าวแพร่หลายอยู่ในระดับแกนนำ และแนวร่วมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
สำหรับแผนตากสิน 2 กำหนดไว้ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี โดยมีเป้าหมาย ล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 ผลักดันให้มีการใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ นพ.เหวง โตจิราการ ที่เสนอค้างอยู่ในสภา พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการ กลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง
ทั้งนี้ในแผนตากสิน 2 มีการยกระดับใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการเปิด 7 แนวรบล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับศึกทุกด้านจนอยู่ในสภาพบริหารได้ แต่ปกครองไม่ได้
สร้างความขัดแย้ง-ทำลายความน่าเชื่อถือศาล
ตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เริ่มดำเนินตามยุทธวิธีเหล่านี้ ตั้งแต่การสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ โดยทำสงครามกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อทำลาย ความน่าเชื่อถือ นำไปสู่ข้อกล่าวหาสองมาตรฐาน ซึ่งตามแผนของคนกลุ่มนี้ต้องการ ให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตุลาการใหม่ โดยจัดองค์การให้สถาบันตุลาการ ศาลยุติธรรมกลับมาสังกัดกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อให้อยู่ภายใต้การครอบงำ ของฝ่ายการเมือง ขณะเดียวกันก็จะผลักดันให้เปลี่ยนแปลงวันชาติจากวันที่ 5 ธ.ค. มาเป็นวันที่ 24 มิ.ย. เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย หวังจะลดบทบาท สถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความหมายเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น
แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนดังกล่าวในเรื่องการใช้สื่อสารมวลชนเป็นเครื่องมือว่า นอกจากจะใช้สื่อเทียมทั้งโทรทัศน์ดาวเทียม และการออกหนังสือพิมพ์เฉพาะกาลอย่าง เรดนิวส์ แล้วยังจะใช้สื่อสารมวลชนต่างประเทศกดดันประเทศไทย ผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ โดยมีเป้าหมายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมไปถึงการสร้างข่าวลือเพื่อขยายผลทางจิตวิทยา เช่น สุขภาพของพระมหากษัตริย์ ความเสื่อมเสียของพระบรมวงศานุวงศ์ ข่าวด้านลบของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นและเรื่องชู้สาว สร้างข่าวความขัดแย้งและความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
รวมทั้งจะมีการแทรกแซงหน่วยงานข่าวของรัฐ โดยใช้เครือข่ายบุคลากร สายข่าวในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฝังตัวอยู่ทั้งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ไปจนถึงศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ด้วยการสร้างข่าวลือ ปล่อยข่าวลวง เพื่อสร้างความสับสนให้กับรัฐบาลจนกำหนดแผนงานและยุทธวิธีที่ผิดพลาดด้วย
ตั้งศูนย์บัญชาการตากสิน2ที่ดูไบ
ที่เลวร้ายที่สุดคือยุทธวิธีที่ 5 ในการสร้างสงครามทางการเมือง ที่จะใช้ทั้งเวทีในสภาและนอกสภา ซึ่งมีการระบุว่าสามารถยึดกุมความคิดของกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง และส.ว.สรรหาบางคนได้แล้ว ให้คนเหล่านี้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยโจมตีรัฐบาลในสภาฯ จนทำให้ประชาชนสิ้นหวังนำไปสู่การยุบสภา นอกจากนี้ยังใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ และเงินทุน สนับสนุนการก่อความรุนแรงในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างแรงกดดันรอบด้านในรัฐบาล โดยเริ่มมีการเข้าไปดำเนินการเรื่องดังกล่าวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ซึ่งตามแผนตากสิน 2 อ้างว่ามีการใช้ศูนย์บัญชาการเสริมอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และจะใช้ความสัมพันธ์กับ สมเด็จฮุนเซ็น สร้างความขัดแย้งบริเวณชายแดน ขยายข้อพิพาทปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการปะทะกันทางทหาร รวมทั้งใช้สถานการณ์ปราบปรามชนกลุ่มน้อยของพม่า กดดันสร้างความวุ่นวายบริเวณ ชายแดนด้านตะวันตกของไทย และยังมีการกำหนดแผนมอบหมายให้นายเหยียนปิง หรือนายชาญชัย รวยรุงเรือง เคลื่อนไหวกดดันประเทศไทยบริเวณชายแดนภาคเหนือ ของไทยตามแนวเขตพรมแดนประเทศจีนด้วย
ฝึกอาวุธก่อนส่งเข้าร่วมม็อบเสื้อแดง
สำหรับยุทธวิธีสุดท้ายในการพิชิตศึกตามแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ ได้มีการสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้กรณีเหตุการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยการแปรความคับแค้นเป็นพลังในการจัดตั้งมวลชนตามหัวเมืองต่าง ๆ จัดกิจกรรม ชุมนุมโดยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และจัดตั้งกลุ่มรักษาความปลอดภัย ฝึกฝนอาวุธร่วมกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตพื้นที่อีสาน 4 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ และจ.นครพนม ซึ่งจะมีการประสานงานกับสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟฟ้า กรมอุทยานฯ (สายของนายดำรง พิเดช อดีตอธิบดีและนายยงยุทธ ติยะไพรัช) เพื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมใหม่ในลักษณะที่ไม่ยืดเยื้อถ้าไม่จำเป็น แต่จะมีการขยายการชุมนุมจากท้องสนามหลวงไปจนถึงการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงศักยภาพของคนเสื้อแดงอีกครั้ง
ตั้งทีมไล่ล่านายกฯ-บุคคลระดับสูง
การเคลื่อนไหวนับจากวันที่ 27 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะเป็นการปลุกระดมให้มวลชนพร้อมกับการเผชิญอำนาจรัฐ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบผ่านกองกำลังจัดตั้งและฝึกฝนมาแล้ว เช่น อดีตสหายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า การ์ดอาสาและกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ภายใต้การควบคุมของนายอารี ไกรนรา ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการจัดตั้งหน่วยจรยุทธ หรือ ทีมไล่ล่าบุคคลสำคัญและเป็นปฏิปักษ์ต่อคนเสื้อแดงตั้งแต่บุคคลระดับสูง องคมนตรี บุคคลในฝ่ายรัฐบาลมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมายแรก ตามมาด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 5 คนกับ นายสุริยะใส กตะศิลาและแนววร่วม เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายปราโมทย์ นาครทรรพ และนายปีย์ มาลากุล ก็เป็นเป้าหมายที่จะถูกลอบทำร้าย โดยกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ด้วย
นช.แม้วและคนตระกูลชินวัตรหนุนเงิน
ในหน้าสุดท้ายของแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ ยังมีการกำหนด คำขวัญของการต่อสู้ไว้ว่า ผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อนายใหญ่ โดยระบุกกลุ่มทุน ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณการต่อสู้ครั้งนี้ว่า ประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในตระกูลชินวัตร อาทิ นายพายัพ นางเยาวเรศ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนกลุ่มทุนอื่น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รัตตพงศ์ไพศาล บริษัท ธุรกิจในเครือชินคอร์ปและมูลนิธิไทยคม
สำหรับแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์นี้ ทางฝ่ายความมั่นคง ได้รายงานสรุปและส่งเนื้อหาทั้งหมดให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พิจารณาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางรับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดงแล้วหลายครั้ง โดยมีการกำชับว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหารจะเกียร์ว่างไม่ได้ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยเคร่งครัด ใช้บทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายนมาปรับปรุงการทำงาน จะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาต่างชาติ
ม็อบเสื้อแดง27มิ.ย.ไม่เคลื่อนขบวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ ร่วมกันแถลงข่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ที่ท้องสนามหลวง โดยอ้างว่าป็นเวลาที่เหมาะสม และที่ใช้วันที่ 27 มิ.ย. เพราะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญ รวมถึงรัฐบาลได้บริหารงานมาเป็นเวลา 6 เดือน จึงถึงเวลาที่จะพิจารณาผลงานของรัฐบาล
โดยงานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.ของวันที่ 27 มิ.ย. จนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 28 มิ.ย. และจะมีการประกาศจุดยืน โดยใช้ชื่อว่า เจตนาคณะราชย์ โค่นรัฐบาลอำมาตย์ ทวงคืนประชาธิปไตย มีเป้าหมายต้องการให้รัฐบาลประกาศยุบสภาฯ และมั่นใจว่าจะมีประชาชนมาร่วมนับแสน
สำหรับกิจกรรมบนเวทีนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะมีการปราศรัยของแกนนำ สลับกับการเล่นดนตรี รวมทั้งจะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการชี้แจงอย่างละเอียดในทุกประเด็น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า จะไม่มีการเคลื่อนขบวนหรือดาวกระจายไปในสถานที่อื่น จะยึดหลักสันติวิธี ปราศจากอาวุธ
นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวหนังสือพิม์ราย 3 วัน ชื่อ มหาประชาชนฉบับความจริงวันนี้ โดยเนื้อหาหลักจะมีนักเขียนประจำที่เป็นแกนนำ สลับสับเปลี่ยนกันเขียนเรื่องราวต่าง ๆ และมีคอลัมน์ประจำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในลักษณะส่งภาพโปสการ์ดไปษณียบัตร สถานที่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปต่างๆ มาลงในคอลัมน์ โดยฉบับปฐมฤกษ์ จะเป็นภาพจากดูไบ เป็นอูฐ และท้องทะเล เขียนข้อความแสดงความยินดีในโอกาสเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับน และขอบคุณประชาชนที่ไม่ลืม โดยเฉพาะชาวสกลนครที่ยังคงให้ความไว้วางใจ และเลือกผู้สมัครของพรรคเข้ามาทำหน้าที่
นช.ทักษิณโฟนอินปลุกระดมไม่เลิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหว โฟนอินปลุกระดมคนเสิ้อแดง และช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งซ่อมให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่หยุด โดยล่าสุด เมื่อค่ำวันที่ 23 มิ.ย. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งเวที ความจริงวันนี้ บริเวณปากซอยเขาตาโหล พัทยาใต้ จ.ชลบุรี โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย
พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าประชาธิปไตยไทยในปัจจุบันมีปัญหา เพราะมีนักการเมืองพันธุ์ธุรกิจเข้ามาหาผลประโยชน์ ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นเกิดในช่วงสมัยที่ พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลเพราะมีการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นที่มาของ โครงการต่างๆ ทั้งโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน เพราะประชาธิปไตย และรัฐบาลของตนในขณะนั้นได้สำนึกในบุญคุณของประชาชน จึงดำเนินโครงการดังกล่าวขึ้นมาซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในประชาธิปไตยเช่นกัน
บอกแสนเหงาวอนคนเสื้อแดงพากลับบ้าน
ถึงเวลาทวงคืนประชาธิปไตยที่ให้ความสุขกับประชาชน ตอนนี้เหงาแสนเหงา อยากกลับบ้าน นี่ก็ 3 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับ เดือนหน้าก็อายุ 60 แล้ว ยังมีแรงทำงานให้ ประชาชนอยู่ แต่ถ้าอายุ 65 ปี คงจะทำงานไม่ไหว อยากให้พี่น้องเสื้อแดงพากลับบ้าน พากลับไปช่วยล้างหนี้ให้ประเทศ ผมยังมีแรงทำงาน อย่าให้ผมตายกลางทะเลทรายเลย
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนร้องไห้ว่า ไม่รู้ไปทำเวร ทำกรรมอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ไว้ เพราะสมัยที่ประเทศเป็นหนี้ IMF ซึ่งก็มาจาก การบริหารประเทศของประชาธิปัตย์ เมื่อผมมาเป็นรัฐบาลก็ช่วยปลดหนี้ล้างหนี้ให้ และตอนนี้ก็ยังจะไปกู้เงินมาอีกซึ่งมากกว่าเดิมหลายแสนล้านบาท ทำตัวเหมือนสมัยเด็กๆ เพราะเมื่อไม่มีเงินก็ยืมพ่อกับยืมเพื่อน เมื่อโตมายังไม่ทิ้งนิสัยเก่า
ในตอนท้ายของการโฟนอิน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวปลุกระดมให้กลุ่มคน เสื้อแดงช่วยกันพาตนเองกลับบ้านเพื่อไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกันในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ที่สนามหลวงด้วย
ปชป.โต้ยันปชป.เป็นคนใช้หนีIMF
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แอบอ้างว่าเป็นผู้ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟว่า การกล่าวเช่นนี้ถือเป็น ยุทธวิธีตามแผนตากสิน 2 เพราะพูดโกหก เพราะวันที่ประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟนั้น ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกฯ แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้สะสมเงิน เพื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเป็นรายงวด แต่พองวดสุดท้ายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เข้ามา และเอาเงินที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สะสมไปใช้หนี้งวดสุดท้าย และก็เอาดีความดีความชอบไป
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าประเทศไปทำเวรทำกรรมอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท กล่าวว่า ประเทศไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำเวรกรรมอะไร แต่สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณกับประเทศไทย ตนไม่ทราบว่าไปทำเวรอะไรไว้ แต่คิดว่า ชาตินี้ พ.ต.ท.ทักษิณมาทำเวรทำกรรมกับประเทศไทยใช่หรือไม่ ส่วรที่บอกว่า อยากให้คนเสื้อแดงพากลับประเทศ ถือเป็นการพูดเพื่อใช้มวลชนมากดดัน ซึ่งถ้า พ.ต.ท.ทักษิณอยากกลับบ้านจริง ก็ไม่ต้องให้คนเสื้อแดงช่วย แค่ไปบอกตำรวจสากล ให้พากลับบ้าน ก็จะได้กลับอย่างสมใจ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (24 มิ.ย.)ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ประชาชนจะเห็นกองกำลังผสมออกไปเดิน เป็นสายตรวจ จำนวน 1,500 คน ซึ่งจะมีทั้งตำรวจ ทหาร และเทศกิจ ออกไปเดินถนน สายต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอกำลังจากเทศกิจและทหารมาช่วยเสริม เพื่อดูแลเรื่องปัญหาอาชญากรรมและปัญหายาเสพติดในกรุงเทพฯ และเพื่อดูแลให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น และเมื่อทำไประยะหนึ่งก็จะมีการประเมินผล ถ้าไม่พอก็จะเพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีก
นายสุเทพ ปฏิเสธว่าการตั้งกองกำลังผสมออกเดินเป็นสายตรวจนี้ไม่เกี่ยวกับข่าวที่ว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายจากม็อบคนเสื้อแดง แต่เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวนเช่นนี้ ก็กังวลในเรื่องยาเสพติดและอาชญากรรมที่อาจมีมากขึ้น และยังมีประชาชนในกทม.โทรมาหาตนบ่อยว่ากังวลใจเรื่องนี้ จึงได้สั่งการให้ตำรวจเข้มข้น ในการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้จะมีการปล่อยแถวสายตรวจพิเศษ โดยจะเดินสายตรวจในทุกพื้นที่ แต่ในเบื้องต้นนี้จะดูในพื้นที่ที่เห็นความถี่ของปัญหาอาชญากรรมหรือพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวของยาเสพติดแพร่หลายมาก หรือพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนก็จะเสริมกำลังเข้าไป
โครงการนี้จะทำไปเรื่อยๆ แต่ชุดแรกนี้ตามแผนจะทำไปถึงเดือนกันยายน และจะประเมินดูกันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย. นี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีเลย 1,500 คนที่ส่งไปวันนี้เดินในสายต่าง ๆ ไม่ได้ชนกับเสื้อแดง เมื่อถามว่ากลัวทางตำรวจนครบาลจะน้อยใจหรือไม่เพราะเป็นงานของตำรวจ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หรอกเพราะวันนี้ทั้งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และแม่ทัพภาคที่ 1 วันนี้เขาไปปล่อยแถวด้วยกัน เขาทำงานด้วยกัน โดยทหารที่ไปครั้งนี้ก็ไปในฐานะผู้ช่วยตำรวจ
แผนตากสิน2ใช้ความรุนแรงล้มรัฐบาล
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า วานนี้ (24 มิ.ย.) หน่วยงาน ด้านข่าวกรองได้รายงาน สถานการณ์ต่อฝ่ายความมั่นคงของรัฐ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของฝ่ายตรงข้าม ตามแผน ตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ โดยมีเนื้อหา 5 หน้ากระดาษ โดยมีแผนยกระดับการต่อสู้ที่เข้มข้นและรุนแรงกว่าแผนตากสิน 1 เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งแผนดังกล่าวแพร่หลายอยู่ในระดับแกนนำ และแนวร่วมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
สำหรับแผนตากสิน 2 กำหนดไว้ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี โดยมีเป้าหมาย ล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 ผลักดันให้มีการใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ นพ.เหวง โตจิราการ ที่เสนอค้างอยู่ในสภา พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการ กลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง
ทั้งนี้ในแผนตากสิน 2 มีการยกระดับใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการเปิด 7 แนวรบล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับศึกทุกด้านจนอยู่ในสภาพบริหารได้ แต่ปกครองไม่ได้
สร้างความขัดแย้ง-ทำลายความน่าเชื่อถือศาล
ตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เริ่มดำเนินตามยุทธวิธีเหล่านี้ ตั้งแต่การสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ โดยทำสงครามกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อทำลาย ความน่าเชื่อถือ นำไปสู่ข้อกล่าวหาสองมาตรฐาน ซึ่งตามแผนของคนกลุ่มนี้ต้องการ ให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตุลาการใหม่ โดยจัดองค์การให้สถาบันตุลาการ ศาลยุติธรรมกลับมาสังกัดกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อให้อยู่ภายใต้การครอบงำ ของฝ่ายการเมือง ขณะเดียวกันก็จะผลักดันให้เปลี่ยนแปลงวันชาติจากวันที่ 5 ธ.ค. มาเป็นวันที่ 24 มิ.ย. เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย หวังจะลดบทบาท สถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความหมายเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น
แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนดังกล่าวในเรื่องการใช้สื่อสารมวลชนเป็นเครื่องมือว่า นอกจากจะใช้สื่อเทียมทั้งโทรทัศน์ดาวเทียม และการออกหนังสือพิมพ์เฉพาะกาลอย่าง เรดนิวส์ แล้วยังจะใช้สื่อสารมวลชนต่างประเทศกดดันประเทศไทย ผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ โดยมีเป้าหมายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมไปถึงการสร้างข่าวลือเพื่อขยายผลทางจิตวิทยา เช่น สุขภาพของพระมหากษัตริย์ ความเสื่อมเสียของพระบรมวงศานุวงศ์ ข่าวด้านลบของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นและเรื่องชู้สาว สร้างข่าวความขัดแย้งและความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
รวมทั้งจะมีการแทรกแซงหน่วยงานข่าวของรัฐ โดยใช้เครือข่ายบุคลากร สายข่าวในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฝังตัวอยู่ทั้งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ไปจนถึงศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ด้วยการสร้างข่าวลือ ปล่อยข่าวลวง เพื่อสร้างความสับสนให้กับรัฐบาลจนกำหนดแผนงานและยุทธวิธีที่ผิดพลาดด้วย
ตั้งศูนย์บัญชาการตากสิน2ที่ดูไบ
ที่เลวร้ายที่สุดคือยุทธวิธีที่ 5 ในการสร้างสงครามทางการเมือง ที่จะใช้ทั้งเวทีในสภาและนอกสภา ซึ่งมีการระบุว่าสามารถยึดกุมความคิดของกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง และส.ว.สรรหาบางคนได้แล้ว ให้คนเหล่านี้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยโจมตีรัฐบาลในสภาฯ จนทำให้ประชาชนสิ้นหวังนำไปสู่การยุบสภา นอกจากนี้ยังใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ และเงินทุน สนับสนุนการก่อความรุนแรงในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างแรงกดดันรอบด้านในรัฐบาล โดยเริ่มมีการเข้าไปดำเนินการเรื่องดังกล่าวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ซึ่งตามแผนตากสิน 2 อ้างว่ามีการใช้ศูนย์บัญชาการเสริมอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และจะใช้ความสัมพันธ์กับ สมเด็จฮุนเซ็น สร้างความขัดแย้งบริเวณชายแดน ขยายข้อพิพาทปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการปะทะกันทางทหาร รวมทั้งใช้สถานการณ์ปราบปรามชนกลุ่มน้อยของพม่า กดดันสร้างความวุ่นวายบริเวณ ชายแดนด้านตะวันตกของไทย และยังมีการกำหนดแผนมอบหมายให้นายเหยียนปิง หรือนายชาญชัย รวยรุงเรือง เคลื่อนไหวกดดันประเทศไทยบริเวณชายแดนภาคเหนือ ของไทยตามแนวเขตพรมแดนประเทศจีนด้วย
ฝึกอาวุธก่อนส่งเข้าร่วมม็อบเสื้อแดง
สำหรับยุทธวิธีสุดท้ายในการพิชิตศึกตามแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ ได้มีการสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้กรณีเหตุการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยการแปรความคับแค้นเป็นพลังในการจัดตั้งมวลชนตามหัวเมืองต่าง ๆ จัดกิจกรรม ชุมนุมโดยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และจัดตั้งกลุ่มรักษาความปลอดภัย ฝึกฝนอาวุธร่วมกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตพื้นที่อีสาน 4 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ และจ.นครพนม ซึ่งจะมีการประสานงานกับสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟฟ้า กรมอุทยานฯ (สายของนายดำรง พิเดช อดีตอธิบดีและนายยงยุทธ ติยะไพรัช) เพื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมใหม่ในลักษณะที่ไม่ยืดเยื้อถ้าไม่จำเป็น แต่จะมีการขยายการชุมนุมจากท้องสนามหลวงไปจนถึงการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงศักยภาพของคนเสื้อแดงอีกครั้ง
ตั้งทีมไล่ล่านายกฯ-บุคคลระดับสูง
การเคลื่อนไหวนับจากวันที่ 27 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะเป็นการปลุกระดมให้มวลชนพร้อมกับการเผชิญอำนาจรัฐ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบผ่านกองกำลังจัดตั้งและฝึกฝนมาแล้ว เช่น อดีตสหายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า การ์ดอาสาและกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ภายใต้การควบคุมของนายอารี ไกรนรา ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการจัดตั้งหน่วยจรยุทธ หรือ ทีมไล่ล่าบุคคลสำคัญและเป็นปฏิปักษ์ต่อคนเสื้อแดงตั้งแต่บุคคลระดับสูง องคมนตรี บุคคลในฝ่ายรัฐบาลมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมายแรก ตามมาด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 5 คนกับ นายสุริยะใส กตะศิลาและแนววร่วม เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายปราโมทย์ นาครทรรพ และนายปีย์ มาลากุล ก็เป็นเป้าหมายที่จะถูกลอบทำร้าย โดยกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ด้วย
นช.แม้วและคนตระกูลชินวัตรหนุนเงิน
ในหน้าสุดท้ายของแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันท์ ยังมีการกำหนด คำขวัญของการต่อสู้ไว้ว่า ผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อนายใหญ่ โดยระบุกกลุ่มทุน ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณการต่อสู้ครั้งนี้ว่า ประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในตระกูลชินวัตร อาทิ นายพายัพ นางเยาวเรศ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนกลุ่มทุนอื่น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รัตตพงศ์ไพศาล บริษัท ธุรกิจในเครือชินคอร์ปและมูลนิธิไทยคม
สำหรับแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์นี้ ทางฝ่ายความมั่นคง ได้รายงานสรุปและส่งเนื้อหาทั้งหมดให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พิจารณาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางรับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดงแล้วหลายครั้ง โดยมีการกำชับว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหารจะเกียร์ว่างไม่ได้ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยเคร่งครัด ใช้บทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายนมาปรับปรุงการทำงาน จะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาต่างชาติ
ม็อบเสื้อแดง27มิ.ย.ไม่เคลื่อนขบวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ ร่วมกันแถลงข่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ที่ท้องสนามหลวง โดยอ้างว่าป็นเวลาที่เหมาะสม และที่ใช้วันที่ 27 มิ.ย. เพราะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญ รวมถึงรัฐบาลได้บริหารงานมาเป็นเวลา 6 เดือน จึงถึงเวลาที่จะพิจารณาผลงานของรัฐบาล
โดยงานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.ของวันที่ 27 มิ.ย. จนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 28 มิ.ย. และจะมีการประกาศจุดยืน โดยใช้ชื่อว่า เจตนาคณะราชย์ โค่นรัฐบาลอำมาตย์ ทวงคืนประชาธิปไตย มีเป้าหมายต้องการให้รัฐบาลประกาศยุบสภาฯ และมั่นใจว่าจะมีประชาชนมาร่วมนับแสน
สำหรับกิจกรรมบนเวทีนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะมีการปราศรัยของแกนนำ สลับกับการเล่นดนตรี รวมทั้งจะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการชี้แจงอย่างละเอียดในทุกประเด็น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า จะไม่มีการเคลื่อนขบวนหรือดาวกระจายไปในสถานที่อื่น จะยึดหลักสันติวิธี ปราศจากอาวุธ
นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวหนังสือพิม์ราย 3 วัน ชื่อ มหาประชาชนฉบับความจริงวันนี้ โดยเนื้อหาหลักจะมีนักเขียนประจำที่เป็นแกนนำ สลับสับเปลี่ยนกันเขียนเรื่องราวต่าง ๆ และมีคอลัมน์ประจำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในลักษณะส่งภาพโปสการ์ดไปษณียบัตร สถานที่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปต่างๆ มาลงในคอลัมน์ โดยฉบับปฐมฤกษ์ จะเป็นภาพจากดูไบ เป็นอูฐ และท้องทะเล เขียนข้อความแสดงความยินดีในโอกาสเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับน และขอบคุณประชาชนที่ไม่ลืม โดยเฉพาะชาวสกลนครที่ยังคงให้ความไว้วางใจ และเลือกผู้สมัครของพรรคเข้ามาทำหน้าที่
นช.ทักษิณโฟนอินปลุกระดมไม่เลิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหว โฟนอินปลุกระดมคนเสิ้อแดง และช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งซ่อมให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่หยุด โดยล่าสุด เมื่อค่ำวันที่ 23 มิ.ย. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งเวที ความจริงวันนี้ บริเวณปากซอยเขาตาโหล พัทยาใต้ จ.ชลบุรี โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย
พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าประชาธิปไตยไทยในปัจจุบันมีปัญหา เพราะมีนักการเมืองพันธุ์ธุรกิจเข้ามาหาผลประโยชน์ ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นเกิดในช่วงสมัยที่ พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลเพราะมีการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นที่มาของ โครงการต่างๆ ทั้งโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน เพราะประชาธิปไตย และรัฐบาลของตนในขณะนั้นได้สำนึกในบุญคุณของประชาชน จึงดำเนินโครงการดังกล่าวขึ้นมาซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในประชาธิปไตยเช่นกัน
บอกแสนเหงาวอนคนเสื้อแดงพากลับบ้าน
ถึงเวลาทวงคืนประชาธิปไตยที่ให้ความสุขกับประชาชน ตอนนี้เหงาแสนเหงา อยากกลับบ้าน นี่ก็ 3 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับ เดือนหน้าก็อายุ 60 แล้ว ยังมีแรงทำงานให้ ประชาชนอยู่ แต่ถ้าอายุ 65 ปี คงจะทำงานไม่ไหว อยากให้พี่น้องเสื้อแดงพากลับบ้าน พากลับไปช่วยล้างหนี้ให้ประเทศ ผมยังมีแรงทำงาน อย่าให้ผมตายกลางทะเลทรายเลย
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนร้องไห้ว่า ไม่รู้ไปทำเวร ทำกรรมอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ไว้ เพราะสมัยที่ประเทศเป็นหนี้ IMF ซึ่งก็มาจาก การบริหารประเทศของประชาธิปัตย์ เมื่อผมมาเป็นรัฐบาลก็ช่วยปลดหนี้ล้างหนี้ให้ และตอนนี้ก็ยังจะไปกู้เงินมาอีกซึ่งมากกว่าเดิมหลายแสนล้านบาท ทำตัวเหมือนสมัยเด็กๆ เพราะเมื่อไม่มีเงินก็ยืมพ่อกับยืมเพื่อน เมื่อโตมายังไม่ทิ้งนิสัยเก่า
ในตอนท้ายของการโฟนอิน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวปลุกระดมให้กลุ่มคน เสื้อแดงช่วยกันพาตนเองกลับบ้านเพื่อไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกันในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ที่สนามหลวงด้วย
ปชป.โต้ยันปชป.เป็นคนใช้หนีIMF
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แอบอ้างว่าเป็นผู้ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟว่า การกล่าวเช่นนี้ถือเป็น ยุทธวิธีตามแผนตากสิน 2 เพราะพูดโกหก เพราะวันที่ประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟนั้น ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ และมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรองนายกฯ แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้สะสมเงิน เพื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเป็นรายงวด แต่พองวดสุดท้ายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เข้ามา และเอาเงินที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สะสมไปใช้หนี้งวดสุดท้าย และก็เอาดีความดีความชอบไป
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าประเทศไปทำเวรทำกรรมอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท กล่าวว่า ประเทศไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำเวรกรรมอะไร แต่สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณกับประเทศไทย ตนไม่ทราบว่าไปทำเวรอะไรไว้ แต่คิดว่า ชาตินี้ พ.ต.ท.ทักษิณมาทำเวรทำกรรมกับประเทศไทยใช่หรือไม่ ส่วรที่บอกว่า อยากให้คนเสื้อแดงพากลับประเทศ ถือเป็นการพูดเพื่อใช้มวลชนมากดดัน ซึ่งถ้า พ.ต.ท.ทักษิณอยากกลับบ้านจริง ก็ไม่ต้องให้คนเสื้อแดงช่วย แค่ไปบอกตำรวจสากล ให้พากลับบ้าน ก็จะได้กลับอย่างสมใจ
