“อิสสระ” ชี้นายกฯ รับปากจัดสรรงบประมาณจ่ายเบี้ยยังชีพคนพิการสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนให้ครอบคลุมภายในเมษายน ปี 53 เพ้อช่วงอยู่ในตำแหน่งอยากเห็นสวัสดิการด้านการรักษาฟรีทุกพื้นที่ แทน 30 บาทรักษาทุกโรค
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงแรมปรินซ์พาเลช กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี สร้างสวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ 1 และแผนปฏิบัติการพัฒนาสังคมระบบสวัสดิการสังคมไทยเพื่อชีวิตมั่นคง พ.ศ.2550-2554 โดยมีนักวิชาการ องค์กรสาธารณประโยชน์ องค์กรสวัสดิการชุมชน และคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมจังหวัดจากทั่วประเทศร่วมประชุม
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การสร้างความมั่นคงในสังคมไทยด้วยสังคมสวัสดิการ” ว่า สวัสดิการสังคมที่ดีและครบถ้วนจะทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นไม่ว่าจะดำเนินการโดยรัฐ เอกชนหรือประชาชนเอง ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้ให้สิทธิประชาชนในการได้รับหลักประกันและการคุ้มครองสิทธิด้านสวัสดิการในหลายมาตรา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย เช่น เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ฯลฯ ได้รับบริการสวัสดิการอาทิ การศึกษา สุขภาพ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพการทำงาน ที่อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดการดำเนินงานด้านสวัสดิการหลายเรื่อง อาทิ การศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี 15 ปี การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมทั้งมีแผนที่จะจ่ายเบี้ยยังชีพคนพิการทุกคนประมาณ 1.9 ล้านคน แต่คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการมีประมาณ 8 แสนคน และได้รับเบี้ยยังชีพเพียง 2.6 แสนคน โดยในเรื่องนี้ตนได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว และได้รับปากจะจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายเบี้ยยังชีพคนพิการให้ได้ครอบคลุมภายในเดือนเมษายน 2553
นายอิสสระกล่าวอีกว่า สถานการณ์ปัจจุบันพรรคการเมืองทุกพรรคต่างสนใจในงานสวัสดิการสังคม ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น ประชานิยม สวัสดิการนิยม รัฐสวัสดิการ วาระประชาชน จึงเป็นที่มาของการเกิดโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่ตอบสนองต่อการสร้างสวัสดิการให้แก่ประชาชน รัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับงานด้านสวัสดิการสังคม อาทิ การสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ โดยการจัดสรรเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป การเสนอการจัดตั้งกองทุนบำนาญแห่งชาติ การเสนอเรื่องการขยายระบบประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ และในช่วงตนเป็นรัฐมนตรีต้องการเห็นสวัสดิการสังคมด้านการรักษาฟรีในทุกพื้นที่ โดยไม่ต้องใช้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเพราะต้องเป็นบริการฟรี ใช้เพียงบัตรประชาชนยืนยัน ซึ่งในปีงบประมาณ 2553 จะจัดสรรงบด้านการรักษาพยาบาลให้มากขึ้น