xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง มติ ครม.ยุค “ฤๅษีขี่เต่า” มลพิษทางเสียงสุวรรณภูมิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้อง ครม.สุรยุทธ์ คดีที่ประชาชนโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียง ขณะที่แกนนำชาวบ้านสุวรรณภูมิยันเดินหน้าต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป

วันนี้ (24 มิ.ย.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกคำฟ้องกรณีที่นางประภา เอี่ยมอร่ามศรี นางอารีญา ปอมหาธรรมกิจ และนางลดาวัลย์ เทศรำพรรณ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี ขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 50 เรื่องหลักเกณฑ์การประเมินอาคาร/ ที่พักอาศัย ของผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเสียงของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้เหตุที่ศาลฯมีคำสั่งยกฟ้องระบุว่า การที่ครม.มีมติเมื่อ 29 พ.ค.50 เห็นชอบให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ในเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงที่ระดับ NEF35 ถึง NEF 40 โดยทำการตรวจวัดระดับเสียงรบกวน( L90) หากพบว่าโครงการทำให้มีระดับเสียงรบกวนเกิน 10 เดซิเบล(เอ) จึงสอดคล้องกับการชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเสียงในระดับเส้นเสียงดังกล่าวตามที่ระบุในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติม และแนวทางการใช้ที่ดินสำหรับพื้นที่ในเส้น NEF ต่างๆ รวมทั้งค่าระดับเสียงรบกวนตามประกาศคณะกรรมการการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติดังกล่าว จึงไม่ใช่การใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบอันจะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด

ส่วนที่มติครม.ดังกล่าวเห็นชอบให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ประกาศเส้นเสียงกรณีเลวร้ายสุดที่เป็นไปได้ คือกรณีที่ใช้ทางวิ่งที่ 1 และที่ 2 เต็มความสามารถสูงสุดของทางวิ่งจำนวน 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เฉพาะการบินลงที่ปลายทางวิ่งฝั่งตะวันตกด้านทิศเหนือร้อยละ 80 ของเที่ยวบินทั้งหมด และการบินลงที่ปลายทางวิ่งฝั่งตะวันออกด้านทิศเหนือร้อยละ 20 ของเที่ยวบินทั้งหมด ก็สอดคล้องกับสถานการณ์การบินจริงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงไม่ใช่การใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบอันถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด

และการที่มติครม.ดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้เงินค่าชดเชยผลกระทบทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ ก็ไม่ใช่การกระทำที่สร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควรหรือเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ จนจะถือได้ว่าเป็นกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด จึงเห็นมติครม.วันที่ 29 พ.ค.ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ด้านอารีญา กล่าวหลังทราบคำสั่งศาลฯ ว่า ตอนนี้เหลือความหวังเดียวคือที่ยื่นร้องของความเห็นธรรมกับ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจ่ายค่าชดเชยผู้ที่เดือดร้อนโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้เดือดร้อนมาถึง 3 ปีกว่าแล้วยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับค่าชดเชยเมื่อใด

ขอเรียกร้องนายกหรือรมต.ที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อาศัยโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ เราอดทนมานานแล้ว จุดของความอดทนมีจำกัด ซึ่งเราก็หมดหนทางแล้ว เรายอมรับในกระบวนการยุติธรรม แต่เราหมดหวังและไม่มีความหวังแล้วหลังจากศาลมีคำพิพากษา ” นางอารีญา กล่าวพร้อมน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกล่าวต่ออีกว่า ผลที่จะตามมาหลังจากนี้คิดว่า ทางทอท.จะไม่เห็นหัวชาวบ้าน และอาจจะไม่เร่งดำเนินการให้พวกเรา จึงขอให้ผู้ที่มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขเยียวยาให้เราด้วย ส่วนการดำเนินหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วก็ต้องกลับไปประชุมและหารือกับผู้ที่เดือดร้อนก่อน

ขณะที่ นางอารียา ปอมหาธรรมกิจ แกนนำผู้ได้รับผลกระทบจากเสียงสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี ได้ลงมาดูแลและให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก ทั้งนี้จะยังคงเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป ภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น

ด้าน นายประเสริฐ บุญแก้ว แกนนำชาวบ้านรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกฟ้อง ว่าที่ผ่านมาได้หยุดเคลื่อนไหวเพื่อรอฟังคำตัดสินของศาล เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ก็จะต่อสู้ด้านกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น