ASTVผู้จัดการรายวัน-เปิดศึกรถเข็นฯ แทกส์ฟ้องกลับทอท.เรียกค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท พร้อมยื่นศาลปกครองกลางขอคุ้มครองให้บริการรถเข็นฯ ต่อไป ด้านทอท.แจ้งความสน.ราชาเทวะ ขับแทกส์ออกจากพื้นที่ทั้งพนักงานและรถเข็นฯ หลังบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ เผยสัญญาเปิดช่องไม่กระทบเปิดประมูลรายใหม่จัดหารถเข็นฯได้ใน 90 วัน
นายลาดหญ้า อูริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวด์เซอร์วิสเซส จำกัด(แทกส์) เปิดเผยว่า แทกส์จะยังคงให้บริการรถเข็นกระเป๋าโดยสารและสัมภาระบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้บริการ โดยแทกส์ได้ยื่นต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 52 เพื่อให้มี การพิจารณาให้คุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้สามารถให้บริการรถเข็นฯอย่างต่อเนื่อง ระหว่างรอผลการพิจารณาจากศาลปกครองกลาง โดยคำร้องที่ยื่นต่อศาลปกครองกลางมี 2 ส่วน คือ การขอให้ศาลให้ความเป็นธรรมกรณีการถูกบอกเลิกสัมปทานรถเข็นฯ พร้อมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจำนวน 2,500 ล้านบาท และ การขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างที่มีการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลางเพื่อให้แทกส์สามารถให้บริการรถเข็นฯต่อไปได้
“หลังจากได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาการให้บริการรถเข็นกระเป๋าฯ จากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมาเราแทกส์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง และศาลได้รับคำฟ้องไว้แล้ว ซึ่งขั้นตอนตามกฎหมายต่อจากนี้ ศาลปกครองกลางจะเปิดให้มีการไต่สวนทั้งสองฝ่ายคือ ทอท. และแทกส์ ก่อนที่จะพิจารณาตัดสินเพื่อที่จะให้ความคุ้มครองหรือไม่”นายลาดหญ้ากล่าว
ทั้งนี้แทกส์ได้รับหนังสือการบอกเลิกสัญญาการให้บริการรถเข็นกระเป๋าฯอย่างเป็นทางการจากทอท.เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2552 โดยหนังสือเลิกสัญญากำหนดให้แทกส์เคลื่อนย้ายรถเข็นกระเป๋าฯ และคนงานออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 19 พ.ค. 2552
ทอท.แจ้งความขับแทกส์ออกจากพื้นที่
นท.ประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) ทอท.กล่าวว่า จากที่ทอท.ได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาการให้บริการรถเข็นกระเป๋าโดยสารและสัมภาระบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการไปถึงบริษัท แทกส์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2552 ได้ระบุว่าให้แทกส์เคลื่อนย้ายรถเข็นกระเป๋าฯ และคนงานออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 19 พ.ค. 2552แต่ปรากฎว่าแทกส์ไม่ดำเนินการใดๆ ดังนั้น วานนี้ (19 พ.ค.) ทอท.จึงได้แจ้งความกับ สภ.ราชาเทวะไว้แล้วกรณีที่แทกส์ไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ทอท.ได้แจ้งไป
“ตามหนังสือเลิกสัญญาแทกส์ต้องย้ายรถเข็นฯ และพนักงานออกจากพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.แต่ปรากฎว่าแทกส์ยังปฏิบัติงานตามปกติ ทอท.จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อให้แทกส์ออกจากพื้นที่ และเพื่อทำบันทุกไว่เป็นหลักฐานสำหรับการดำเนินการด้านกฎหมายต่อไป”นท.ประทีปกล่าว
ทั้งนี้หากศาลปกครองกลางให้ความคุ้มครองกับแทกส์ในการให้บริการรถเข็นต่อไปได้ตามที่แทกส์ร้องขอ ทอท.ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล อย่างไรก็ตามความคุ้มครองดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการหาผู้ให้บริการรถเข็นฯ รายใหม่แต่อย่างไร เพราะสัญญาระหว่างทอท.และแทกส์ระบุไว้ไว้ว่า ทอท.สามารถดำเนินการจัดหาผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาให้บริการรถเข็นฯ เพิ่มเติมได้กรณีที่รถเข็นฯมีจำนวนไม่เพียงพอต่อการให้บริการ
โดยปัจจุบันรถเข็นฯในส่วนของทอท.มีจำนวน 3,000 คัน ในส่วนของแทกส์มีประมาณ 2,000 คันเศษ ซึ่งหากใช้เฉพาะรถเข็นฯของทอท.ที่มีอยู่ 3,000 คันก็จะไม่กระทบต่อการให้บริการโดยจะเพิ่มพนักงานในการหมุนเวียนรถเข็นฯให้เร็วขึ้น ส่วนรถเข็นฯใหม่จะใช้เวลาในการจัดหาประมาณ 90 วัน
นายลาดหญ้า อูริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวด์เซอร์วิสเซส จำกัด(แทกส์) เปิดเผยว่า แทกส์จะยังคงให้บริการรถเข็นกระเป๋าโดยสารและสัมภาระบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้บริการ โดยแทกส์ได้ยื่นต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 52 เพื่อให้มี การพิจารณาให้คุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้สามารถให้บริการรถเข็นฯอย่างต่อเนื่อง ระหว่างรอผลการพิจารณาจากศาลปกครองกลาง โดยคำร้องที่ยื่นต่อศาลปกครองกลางมี 2 ส่วน คือ การขอให้ศาลให้ความเป็นธรรมกรณีการถูกบอกเลิกสัมปทานรถเข็นฯ พร้อมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจำนวน 2,500 ล้านบาท และ การขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างที่มีการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลางเพื่อให้แทกส์สามารถให้บริการรถเข็นฯต่อไปได้
“หลังจากได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาการให้บริการรถเข็นกระเป๋าฯ จากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมาเราแทกส์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง และศาลได้รับคำฟ้องไว้แล้ว ซึ่งขั้นตอนตามกฎหมายต่อจากนี้ ศาลปกครองกลางจะเปิดให้มีการไต่สวนทั้งสองฝ่ายคือ ทอท. และแทกส์ ก่อนที่จะพิจารณาตัดสินเพื่อที่จะให้ความคุ้มครองหรือไม่”นายลาดหญ้ากล่าว
ทั้งนี้แทกส์ได้รับหนังสือการบอกเลิกสัญญาการให้บริการรถเข็นกระเป๋าฯอย่างเป็นทางการจากทอท.เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2552 โดยหนังสือเลิกสัญญากำหนดให้แทกส์เคลื่อนย้ายรถเข็นกระเป๋าฯ และคนงานออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 19 พ.ค. 2552
ทอท.แจ้งความขับแทกส์ออกจากพื้นที่
นท.ประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) ทอท.กล่าวว่า จากที่ทอท.ได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาการให้บริการรถเข็นกระเป๋าโดยสารและสัมภาระบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการไปถึงบริษัท แทกส์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2552 ได้ระบุว่าให้แทกส์เคลื่อนย้ายรถเข็นกระเป๋าฯ และคนงานออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 19 พ.ค. 2552แต่ปรากฎว่าแทกส์ไม่ดำเนินการใดๆ ดังนั้น วานนี้ (19 พ.ค.) ทอท.จึงได้แจ้งความกับ สภ.ราชาเทวะไว้แล้วกรณีที่แทกส์ไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ทอท.ได้แจ้งไป
“ตามหนังสือเลิกสัญญาแทกส์ต้องย้ายรถเข็นฯ และพนักงานออกจากพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.แต่ปรากฎว่าแทกส์ยังปฏิบัติงานตามปกติ ทอท.จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อให้แทกส์ออกจากพื้นที่ และเพื่อทำบันทุกไว่เป็นหลักฐานสำหรับการดำเนินการด้านกฎหมายต่อไป”นท.ประทีปกล่าว
ทั้งนี้หากศาลปกครองกลางให้ความคุ้มครองกับแทกส์ในการให้บริการรถเข็นต่อไปได้ตามที่แทกส์ร้องขอ ทอท.ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล อย่างไรก็ตามความคุ้มครองดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการหาผู้ให้บริการรถเข็นฯ รายใหม่แต่อย่างไร เพราะสัญญาระหว่างทอท.และแทกส์ระบุไว้ไว้ว่า ทอท.สามารถดำเนินการจัดหาผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาให้บริการรถเข็นฯ เพิ่มเติมได้กรณีที่รถเข็นฯมีจำนวนไม่เพียงพอต่อการให้บริการ
โดยปัจจุบันรถเข็นฯในส่วนของทอท.มีจำนวน 3,000 คัน ในส่วนของแทกส์มีประมาณ 2,000 คันเศษ ซึ่งหากใช้เฉพาะรถเข็นฯของทอท.ที่มีอยู่ 3,000 คันก็จะไม่กระทบต่อการให้บริการโดยจะเพิ่มพนักงานในการหมุนเวียนรถเข็นฯให้เร็วขึ้น ส่วนรถเข็นฯใหม่จะใช้เวลาในการจัดหาประมาณ 90 วัน