ศูนย์ข่าวภูเก็ต - บอร์ด ทอท.ประชุมสัญจรที่จังหวัดภูเก็ต เห็นชอบขยายค่าแลนด์ดิ้งฟรีจาก 20% เป็น 30% ไปจนถึง 31 ธันวาคมนี้ จูงใจสายการบินนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย พร้อมเห็นชอบยกเลิกสัญญากับทาง TAG และปรับ 2,000 ล้านบาท ที่ผิดสัญญาจัดหารถเข็นกระเป๋าไม่ครบตามสัญญา และเห็นชอบเลือก “นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
นายปิยะพันธ์ จำปาสุต ประธานคณะกรรมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่ได้สัญจรมาประชุมที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและลงพื้นที่รับทราบปัญหาของท่าอากาศยานภูเก็ต ว่า ในการประชุมคณะกรรมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ได้มีวาระในการพิจารณาสำคัญๆ อยู่ 4 ประเด็นด้วยกัน คือ ผลการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (กอญ)
คณะกรรมการสรรหาฯได้นำเสนอบุคคลที่สมัครเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมทั้งหมด 6 คน แต่มีหนึ่งคนที่คุณสมบัติไม่ผ่าน เหลือเพียง 5 คน ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ และพิจารณาจากประวัติ ประสบการณ์การทำงาน ปรากฎว่าทางบอร์ดได้มีมติเลือกนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เนื่องจากมีความโดดเด่นในเรื่องของการแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ และถือเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมมากที่สุด
นอกจากนี้ บอร์ดยังได้พิจารณาให้การช่วยเหลือทางสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ที่เกิดความไม่สงบขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ทางทอท.ได้ให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบิน เพื่อจูงใจให้นำนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น โดยการลดค่าแลนด์ดิ้งฟรี 20% ให้จอดได้ฟรีถึง 24 ชั่วโมงไปจนถึงเดือนกันยายนนี้ แต่เมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อสายการบินและนักท่องเที่ยวอีก ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือทางสายการบินและเป็นการจูงใจให้สายการบินต่างๆบินนำนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย ทางบอร์ดทอท.ได้มีมติเห็นชอบที่จะลดค่าแลนด์ดิ้งฟรีเพิ่มจาก 20% เป็น 30% และจอดฟรี 24 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นี้
“การลดค่าแลนด์ดิ้งฟรีให้กับสายการบินในครั้งนี้นั้น ทางทอท.ต้องสูญเสียรายได้ไปประมาณ 450 ล้านบาท ถึงถามว่ากระทบต่อรายได้ของทอท.หรือไม่นั้น หากเป็นเมื่อปีที่แล้วที่ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรรายได้ที่สูญไป 450 ล้านบาทถือว่าไม่กระทบ แต่ในปีนี้ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ต้องยอมรับว่าทางทอท.ได้รับผบกระทบ แต่ทางบอร์ดทอท.เห็นว่าประโยชน์ของประเทศชาติยิ่งใหญ่กว่าการสูญเสียรายได้ของทอท.” นายปิยะพันธ์ กล่าวและว่า
ในการประชุมที่ภูเก็ตครั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการได้นำเสนอผลการพิจารณาการยกเลิกสัญญากับทางบริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวส์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAG) ซึ่งเป็นบริษัทให้เช่ารถเข็นกระเป๋าและสัมภาระกับทางทอท. โดยทางคณะอนุกรรมการฯมีมติ 4 ต่อ 1 เห็นว่าทาง TAG ทำผิดสัญญาและเห็นว่าควรที่จะยกเลิกสัญญากับทาง TAG และทางบอร์ดก็เห็นชอบตามที่คณะกรรมการฯเสนอ เนื่องจากทาง TAG ไม่สามารถที่จะนำรถเข็นกระเป๋าและสัมภาระจำนวน 9,000 กว่าคันตามสัญญามาให้บริการได้ โดยได้กำหนดแผนแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ระยะสั้นนั้น จะนำรถเข็นกระเป๋าและสัมภาระมากจากดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต จำนวน 3,000 คน มาให้บริการผู้โดยสารในช่วงที่ยกเลิกสัญญากับทาง TAG และหาเช่รถฯจากบริษัทอื่นเพิ่มโดยมีเงื่อนไขว่าราคาจะต้องไม่สูงกว่าที่เช่าจาก TAG ส่วนระยะยาวนั้นได้มีการเสนอ 3 แนวทาง คือ หาผู้เช่ารายใหม่ ให้ทางทอท.ลงทุนซื้อเองและบริหารจัดการเอง และให้เอกชนมาลงทุนโดยให้ค่าตอบแทนเป็นค่าโฆษณา
บอร์ดเห็นว่าแนวทางที่ 2และ3 เป็นไปได้ยาก เพราะทอท.คงจะไม่ใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อรถเข็นฯและต้องใช้เวลาในการอนุมัติค่อนข้างนาน ส่วนให้เอกชนมาลงทุนโดยแลกกับค่าโฆษณานั้นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะค่าโฆษณาที่จะได้รับนั้นน้อยมาก ไม่คุ้มค่าการลงทุน ที่ประชุมจึงมีมติเลือกแนวทาง โดยการหาผู้ให้เช่ารายใหม่ และได้กำชับให้ราคาค่าเช่าไม่สูงกว่าที่เช่าจาก TAG และในการยกเลิกสัญญานั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของการบอกเลิกตามขั้นตอนให้ครบถ้วน
“ทาง TAG จะมาอ้างว่าไม่สามารถจัดหารถเข็นกระเป๋าและสัมภาระได้ตามสัญญา 9,000 กว่าคันตามสัญญาได้เพราะรถฯถูกขโมยไม่ได้ ทาง TAG จะต้องหารถฯมาให้ได้ตามสัญญาและขณะนี้ TAG จะต้องจ่ายค่าปรับให้ทอท. 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าสัญญา 7 ปี 500 ล้านบาทเท่านั้น และทางทอท.ก็มั่นใจว่าการยกเลิกสัญญากับ TAG ในครั้งนี้ได้ดำเนินการตามหน้าที่ของทอท.อย่างถูกต้องแล้ว ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์จากนี้ก็สามารถที่จะแจ้งไปยัง TAG ได้ให้การยกเลิกสัญญาและจ่ายค่าปรับประมาณ 2,000 ล้านบาท” นายปิยะพันธ์ กล่าวและว่า
นอกจากนี้ทางบอร์ดยังได้เห็นชอบแผนพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 11.5 ล้านคนอีกด้วย
นายปิยะพันธ์ จำปาสุต ประธานคณะกรรมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่ได้สัญจรมาประชุมที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและลงพื้นที่รับทราบปัญหาของท่าอากาศยานภูเก็ต ว่า ในการประชุมคณะกรรมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ได้มีวาระในการพิจารณาสำคัญๆ อยู่ 4 ประเด็นด้วยกัน คือ ผลการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (กอญ)
คณะกรรมการสรรหาฯได้นำเสนอบุคคลที่สมัครเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมทั้งหมด 6 คน แต่มีหนึ่งคนที่คุณสมบัติไม่ผ่าน เหลือเพียง 5 คน ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ และพิจารณาจากประวัติ ประสบการณ์การทำงาน ปรากฎว่าทางบอร์ดได้มีมติเลือกนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เนื่องจากมีความโดดเด่นในเรื่องของการแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ และถือเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมมากที่สุด
นอกจากนี้ บอร์ดยังได้พิจารณาให้การช่วยเหลือทางสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ที่เกิดความไม่สงบขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ทางทอท.ได้ให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบิน เพื่อจูงใจให้นำนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น โดยการลดค่าแลนด์ดิ้งฟรี 20% ให้จอดได้ฟรีถึง 24 ชั่วโมงไปจนถึงเดือนกันยายนนี้ แต่เมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อสายการบินและนักท่องเที่ยวอีก ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือทางสายการบินและเป็นการจูงใจให้สายการบินต่างๆบินนำนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย ทางบอร์ดทอท.ได้มีมติเห็นชอบที่จะลดค่าแลนด์ดิ้งฟรีเพิ่มจาก 20% เป็น 30% และจอดฟรี 24 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นี้
“การลดค่าแลนด์ดิ้งฟรีให้กับสายการบินในครั้งนี้นั้น ทางทอท.ต้องสูญเสียรายได้ไปประมาณ 450 ล้านบาท ถึงถามว่ากระทบต่อรายได้ของทอท.หรือไม่นั้น หากเป็นเมื่อปีที่แล้วที่ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรรายได้ที่สูญไป 450 ล้านบาทถือว่าไม่กระทบ แต่ในปีนี้ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ต้องยอมรับว่าทางทอท.ได้รับผบกระทบ แต่ทางบอร์ดทอท.เห็นว่าประโยชน์ของประเทศชาติยิ่งใหญ่กว่าการสูญเสียรายได้ของทอท.” นายปิยะพันธ์ กล่าวและว่า
ในการประชุมที่ภูเก็ตครั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการได้นำเสนอผลการพิจารณาการยกเลิกสัญญากับทางบริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวส์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAG) ซึ่งเป็นบริษัทให้เช่ารถเข็นกระเป๋าและสัมภาระกับทางทอท. โดยทางคณะอนุกรรมการฯมีมติ 4 ต่อ 1 เห็นว่าทาง TAG ทำผิดสัญญาและเห็นว่าควรที่จะยกเลิกสัญญากับทาง TAG และทางบอร์ดก็เห็นชอบตามที่คณะกรรมการฯเสนอ เนื่องจากทาง TAG ไม่สามารถที่จะนำรถเข็นกระเป๋าและสัมภาระจำนวน 9,000 กว่าคันตามสัญญามาให้บริการได้ โดยได้กำหนดแผนแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ระยะสั้นนั้น จะนำรถเข็นกระเป๋าและสัมภาระมากจากดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต จำนวน 3,000 คน มาให้บริการผู้โดยสารในช่วงที่ยกเลิกสัญญากับทาง TAG และหาเช่รถฯจากบริษัทอื่นเพิ่มโดยมีเงื่อนไขว่าราคาจะต้องไม่สูงกว่าที่เช่าจาก TAG ส่วนระยะยาวนั้นได้มีการเสนอ 3 แนวทาง คือ หาผู้เช่ารายใหม่ ให้ทางทอท.ลงทุนซื้อเองและบริหารจัดการเอง และให้เอกชนมาลงทุนโดยให้ค่าตอบแทนเป็นค่าโฆษณา
บอร์ดเห็นว่าแนวทางที่ 2และ3 เป็นไปได้ยาก เพราะทอท.คงจะไม่ใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อรถเข็นฯและต้องใช้เวลาในการอนุมัติค่อนข้างนาน ส่วนให้เอกชนมาลงทุนโดยแลกกับค่าโฆษณานั้นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะค่าโฆษณาที่จะได้รับนั้นน้อยมาก ไม่คุ้มค่าการลงทุน ที่ประชุมจึงมีมติเลือกแนวทาง โดยการหาผู้ให้เช่ารายใหม่ และได้กำชับให้ราคาค่าเช่าไม่สูงกว่าที่เช่าจาก TAG และในการยกเลิกสัญญานั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของการบอกเลิกตามขั้นตอนให้ครบถ้วน
“ทาง TAG จะมาอ้างว่าไม่สามารถจัดหารถเข็นกระเป๋าและสัมภาระได้ตามสัญญา 9,000 กว่าคันตามสัญญาได้เพราะรถฯถูกขโมยไม่ได้ ทาง TAG จะต้องหารถฯมาให้ได้ตามสัญญาและขณะนี้ TAG จะต้องจ่ายค่าปรับให้ทอท. 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าสัญญา 7 ปี 500 ล้านบาทเท่านั้น และทางทอท.ก็มั่นใจว่าการยกเลิกสัญญากับ TAG ในครั้งนี้ได้ดำเนินการตามหน้าที่ของทอท.อย่างถูกต้องแล้ว ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์จากนี้ก็สามารถที่จะแจ้งไปยัง TAG ได้ให้การยกเลิกสัญญาและจ่ายค่าปรับประมาณ 2,000 ล้านบาท” นายปิยะพันธ์ กล่าวและว่า
นอกจากนี้ทางบอร์ดยังได้เห็นชอบแผนพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 11.5 ล้านคนอีกด้วย