รมช.พาณิย์ชง ครม.วางกรอบขวางแนวคิด “ทักษิณ” รักษาอาชีพทำนาไทย ก่อนถกร่วม 6 ประเทศอาหรับ ในการประชุมจีซีซีปลายเดือน มิ.ย.นี้ที่บาห์เรน ยันรัฐบาลไม่มีนโยบาย หนุนทำสัญญาคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งสินค้าเกษตร-รวมลงทุนตั้งโรงงานรแปรรูปอาหารฮาลาลแทน
วันนี้ (23 มิ.ย.) จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายสุรศักดิ์ เจือสุคนธ์ทิพย์ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือถึงนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสอบถามกรณีกลุ่มประเทศคณะมนตรีความมั่นคงรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) 6 ประเทศ ได้แก่ กาตาร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน คูเวต และซาอุดีอาระเบีย แสดงความสนใจเข้ามาทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์และทำนาปลูกข้าวในไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศขอทราบท่าทีของกระทรวงพาณิชย์ต่อเรื่องนี้เพื่อนำไปชี้แจงนั้น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี จะได้มีการหารือถึงการประชุมสุดยอดสภาความร่วมมืออ่าวเปอร์เซีย (จีซีซี) ซึ่งมีผู้นำจาก 6 ชาติอาหรับ ที่มีความต้องการลงทุนทางการเกษตรต่อคณะรัฐมนตรี เนื่องจากว่าปลายดือน มิ.ย.นี้ ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.นี้จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งแรก ระหว่างกลุ่มประเทศ 6 อาหรับรอบอ่าวเปอร์เซียกับอาเซียนเป็นครั้งแรกที่ประเทศบาห์เรน เพราะฉะนั้นจะได้ยืนยันแนวทางของประเทศไทย ที่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินทำนา มาเช่านา ทำนา และปศุสัตว์ในประเทศไทย ทั้งในส่วนบุคคล และนิติบัญญัติ ภายใต้พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ซึ่งจะได้รายงานให้ครม.และจะได้ไปยืนยันท่าทีของรัฐบาลไทยในระดับรัฐมนตรีครั้งแรก ระหว่างจีจีซีกับอาเซียน
รมช.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการเยือนกลุ่มประเทศจีจีซี ไม่ว่าจะเป็นกาตาร์ คูเวต บาห์เรน หรือยูเออี ก็มีความสนใจ เพราะประเทศเหล่านั้นผลิตอาหารได้ 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง เขามีปัญหาความวิกฤตความมั่นคงทางด้านอาหาร แต่ตนได้ยืนยันท่าทีเหล่านี้ไปตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว
“แนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้ไว้ในการลงทุนตั้งบริษัท หรือจ้างทำนาก็ดี รัฐบาลปัจจุบันไม่มีนโยบาย ยืนยันว่าเราสนับสนุนการจัดตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าฮาลาล หรือทำสัญญาจีทูจีสั่งซื้อข้าว อาหารจากไทย และการที่กลุ่มประเทศจีซีซีจะทำข้อตกลงเฉพาะกับประเทศไทย หรือว่าอาเซียนในการสำรองอาหารให้กับจีซีซีอันนี้เป็นแนวทางที่ดีที่สุด และได้ยืนยันเรื่องนี้ เข้าใจว่าการที่กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือเวียนมานั้น คงเป็นเพราะการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งแรกของประเทศจีซีซีกับอาเซียน ที่ประเทศบาห์เรน แต่คิดว่าจะได้หารือกรอบแนวทางในการประชุมครม.รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศด้วย” นายอลงกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วได้ดูไปถึงต่างชาติให้คนไทย เป็นนอมินีในเรื่องที่ดินในไทยด้วยหรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ก็ได้สั่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในกำกับซึ่งดูแลกฎหมายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวได้ตรวจสอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มนิติบุคคลที่ถือหุ้นระหว่าง 40-49.99 เปอร์เซ็นต์ว่ามีความผิดปกติอย่างใดหรือไม่ แต่ว่าในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ได้มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยืนยันอีกครั้ง การรวมลงทุนการแปรรูปอาหารเป็นทางออกที่ดี โดยเฉพาะสินค้าฮาลาล และการทำความตกลงในการสำรองอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาเซียนไทยถือเป็นหัวใจของการผลิตอาหาร ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มประเทศจีซีซี ซึ่งตรงนี้สามารถทำเป็นข้อตกลงได้ และได้แนะนำไปถึงขั้นที่ว่า ให้เขาทำสัญญาในโครงการลงทุนสินค้า เกษตรแบบมีสัญญา (คอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง) สั่งซื้อกับสหกรณ์การเกษตรของเรา แต่ไม่ใช่มาเช่านา ทำนา เพราะนั้นเป็นอาชีพสงวนของคนไทย