อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจงทุนอาหรับเพื่อนแม้ว รุกดำเนินธุรกิจทำนาปลูกข้าว-เลี้ยงสัตว์ หากทำโดยตรง คงเป็นไปไม่ได้ แต่หากเข้ามาในรูปการถือนหุ้น 49% กิจการของคนไทย ถือว่าไม่ผิด พร้อมยืนยัน การทำนายังเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย พร้อมยอมรับการตรวจสอบยากมาก แต่สั่งให้เกาะติดกลุ่มที่เข้ามาถือหุ้นเต็มเพดานแล้ว
นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่า กลุ่มนักลงทุนจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความประสงค์จะเข้ามาดำเนินธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และทำนาปลูกข้าวในประเทศไทย โดยระบุว่า หากพิจารณาตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวปี 2542 กำหนดไว้ชัดเจนว่า คนต่างด้าวสามารถถือหุ้นในกิจการในไทยได้ไม่เกินร้อยละ 49 และร้อยละ 51 เป็นของคนไทย
นายคณิสสร กล่าวว่า กรณีมีกระแสข่าวกลุ่มนักธุรกิจในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอีกหลายประเทศจะเข้ามาดำเนินธุรกิจการเกษตร เพื่อนำพืชผลทางการเกษตรส่งกลับไปประเทศของตนเอง ซึ่งในหลักการแล้วไม่น่าเป็นไปได้ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าการทำไร่ทำนาเป็นอาชีพสงวนของคนไทย แต่ในทางธุรกิจหากต่างชาติจะเข้ามาดำเนินธุรกิจและอยู่ภายใต้กฎหมาย ก็ถือว่าไม่ผิดอะไร หากดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบของกฎหมาย หรือถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 49
ขณะเดียวกัน ก็ยอมรับว่า การที่จะตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของนิติบุคคลที่มีมากถึง 550,000 รายนั้น หากรัฐบาลจะตรวจสอบทั้งหมดคงเป็นเรื่องยาก แต่จะมีวิธีการสุ่มตรวจ ซึ่งทางกรมได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมที่ดิน หรือแม้แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเข้าไปดูแลธุรกิจของคนต่างด้าวอย่างใกล้ชิด
“การดำเนินธุรกิจของคนต่างด้าวจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาต่างชาติเข้ามาถือหุ้นโดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และมีข้อเรียกร้องว่า ถือหุ้นเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้ โดยได้รับรายงานว่า มีถึง 1,500 ราย ในจำนวนนี้ได้มีการตรวจสอบร่วมกับกรมที่ดินไปแล้วกว่า 300 ราย ส่วนใหญ่ไม่พบว่าผิดปกติ ถือว่าเข้ามาอยู่อาศัยเท่านั้นไม่ได้ดำเนินธุรกิจ จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย”
ขณะที่การเข้ามาดำเนินธุรกิจของต่างชาติ ขณะนี้ กรมได้มีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะกลุ่มที่ถือหุ้นร้อยละ 40 แต่ไม่เกินร้อยละ 49 เป็นกลุ่มที่กรมจะตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม นายคณิสสร กล่าวด้วยว่า หากในอนาคตการเข้ามาดำเนินธุรกิจของต่างชาติแพร่หลาย และเกรงว่าจะกระทบต่อภาคเกษตรของไทยก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะให้มีการแก้ไขกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มหรือไม่ ถือเป็นเรื่องนโยบายทางการเมือง
