อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพ กล้าพูดความจริงปัญหาชายแดนใต้ ต้นตอเกิดจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน เป็นเรื่องของอุดมการณ์ที่ปลูกฝังมานานกว่า 200 ปี ตำหนิยุค “ทักษิณ” ทำให้ปัญหาเกิดการสั่งสม หลังมองว่าแค่พวกฝีมือโจรกระจอก แนะให้ยึดพระราชดำรัส “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” แก้ปัญหา
วันนี้ (10 มิ.ย.) พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงความรุนแรงในปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังเกิดเหตุยิงถล่มมัสยิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ในอดีตไม่เคยเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ แต่นับตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นมา ในขณะนั้นตนได้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เสนอปัญหาว่าการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนทางภาคใต้เป็นเรื่องของขบวนการแบ่งแยกดินแดน เป็นเรื่องของอุดมการณ์ที่มีมายาวนานกว่า 200 ปี มีผู้บงการและให้การสนับสนุนจากนอกประเทศ ซึ่งได้ฝังตัวอยู่เช่นประเทศมาเลเซีย ประเทศแถบตะวันออกกลาง และยุโรป โดยกลุ่มผู้บงการเหล่านี้ต้องการให้ขยายผลทำให้สถานการณ์ชายแดนใต้พัฒนาไปสู่สงครมศาสนา มีการเข่นฆ่าและละเมิดสิทธิมนุษยชน จนกองทัพหรือรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ใต้ และเปิดทางให้องค์การสหประชาติ หรือยูเอ็น อ้างหลักสิทธิมนุษยชนมาเข้าดูแล
อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ได้เสนอปัญหาไปแล้วตั้งแต่ปี 47 แต่ไม่ได้รับความสนใจ ว่าปัญหารากแก้วที่แท้จริงคือขบวนการแบ่งแยกดินแดน ส่วนปัญหายาเสพติด ข้าราชการชั่วหรือฆ่าล้างแค้นเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์เป็นเพียงรากฝอยที่เป็นผลพลอยได้จากรากแก้ว ปัญหาที่สั่งสมกันมาถึงทุกวันนี้ก็เพราะรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าเป็นเรื่องของโจรกระจอก
พล.อ.กิตติ กล่าวว่า สถานกาารณ์เช่นนี้รัฐบาลหรือกองทัพต้องกล้าพูดความจริงว่า ปัญหาที่แท้จริงเกิดจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน การใช้กำลังเข้าปราบปรามก็ให้กระทำอย่างเหมาะสม มีการประเมินไปตามสถานการณ์ ต้องเน้นไปที่งานพัฒนาเพื่อดึงมวลชนเข้าร่วมกับทางราชการ รวมทั้งต้องยึดหลักสันติวิธีคือการเจรจากับกลุ่มบงการและการสนับสนุนซึ่งอยู่ในต่างประเทศ และหัวใจที่สำคัญที่สุด คือ ยึดแนวพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้