โฆษกพรรค ปชป.โวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล ฉุดตัวเลขขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 2 กลายเป็นบวก โต้ “อ๋อย-เลี้ยบ” ออกโรงวิพากษ์การบริหาร ศก.รัฐบาลแทนฝ่ายค้าน เพราะไร้บุคลากรที่มีศักยภาพ
วันนี้ (8 มิ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มส่งต่อนโยบายรัฐบาลผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนจ้างงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาฯ (ทีดีอาร์ไอ) รายงานการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 2 ว่า เป็นบวก 0.8 จากงบประมาณกลางปีและงบประมาณส่วนที่เหลือของปี 2552
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะต่อเนื่องให้ไตรมาสที่ 4 กลับมาเป็นบวก และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2553 ได้ หากเงื่อนไข 3 ข้อบรรลุได้ 1.พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินรวม 8 แสนล้าน ผ่านการพิจารณาของสภาตามกำหนดการ 2.หากการเดินสายพบปะนักลงทุนในต่างปรเทศของนายกฯและ รัฐบาลประสบความสำเร็จ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล และต่อเศรษฐกิจไทย และ 3 ความเชื่อมั่นในประเทศ ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับปัจจัยทางการเมือง ซึ่งหากไม่มีความวุ่นวายจากการชุมนุมของพรรคเพื่อไทย แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถปรับมาเป็นบวกในสิ้นปีได้
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า กรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมากล่าวหารัฐบาล ว่า บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจไทยก็คงใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ ติดลบประมาณ 9-10% ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนมีอคติในการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ หรือกลัวว่า รัฐบาลภายใต้การนำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ การใช้อดีตกรรมการบริหารของพรรคในอดีต มาให้ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจ อาจจะเป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านในปัจจุบันไม่สามารถหาผู้ที่มีความรับผิดชอบทางการเมืองโดยตรง หรืออาจจะหาคนที่มีความพร้อมที่จะมาเป็นนายกฯ มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้ รวมทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นตำแหน่งสำคัญ