ปธ.ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำทีมผู้สมัครลงพื้นที่ปราศรับหาเสียง จ.สกลนคร แฉคู่แข่งแจกคำร้องขอลงคะแนนล่วงหน้าให้ชาวบ้าน ขู่ขึ้นบัญชีดำข้าราชการ ฝันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอดีกรอบ จะออก พ.ร.ก.กู้เงินบ้าง อ้างคำวินิจฉัยศาล รธน.ถือเป็นบรรทัดฐาน
วันนี้ (4 มิ.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อปราศรัยย่อยที่ ต.สว่างแดนดิน จากนั้นเวลา 11.00 น.ได้เดินทางไปปราศรัยย่อยที่ ต.แวง ส่วนในเวลา 13.00 น.จะมีการปราศรัยใหญ่ที่โรงเรียนเทคโนโลยีบ้านม่วง อ.บ้านม่วง จังหวัดสกลนคร เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ นางอนุรักษ์ บุญศล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ภายหลังจากนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย โดนใบแดง ซึ่ง กกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 21 มิถุยายน
ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญต่อพรรคเพื่อไทยมาก เพราะเป็นการแข่งขันเพื่อศักดิ์ศรี ดังนั้น หากพรรคแพ้การเลือกตั้งอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่ามีความพยายามใช้อำนาจรัฐ เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยให้ข้าราชการฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ชักจูงประชาชน ให้เลือกพรรคการเมืองคู่แข่ง และยังลงพื้นที่แต่ละหมู่บ้าน เพื่อแจกคำร้องขอลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าให้แก่ชาวบ้านด้วย ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งล่วงหน้าแต่ละครั้งนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องขอแจ้งความประสงค์ด้วยตัวเอง และเซ็นชื่อต่อหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีความไม่ชอบมาพากลในการจัดประชุมสัมมนาแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งมีการนำแกนนำหมู่บ้าน ไปประชุมร่วมกันที่ค่าย ตชด.ทั้งๆ ที่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลา ของการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง แต่กลับมีการระดมคนมา ร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ข้าราชการฝ่ายปกครอง มีศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ และไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ข้าราชการต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชน หากวางตัวไม่เหมาะสมต่อการเลือกตั้งก็จะยื่นเรื่องร้องเรียนและจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีทันที นอกจากนี้จะขึ้นบัญชีดำข้าราชการเอาไว้ด้วย หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง โดยจะล้างบางข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่นอน
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยอมรับมติของศาลรัฐธรรมนูญและเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อด้วยการวิเคราะห์รายละเอียดของการใช้เงิน และตรวจสอบการหาเงินเพื่อนำมาใช้หนี้การกู้เงินในครั้งนี้ ยืนยันว่าการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นไม่ได้ทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้า แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบของฝ่ายค้านที่ร่วมตรวจสอบสิ่งที่ประชาชนสงสัย อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะเป็นบรรทัดฐานในการทำงานที่พรรคเพื่อไทยจะนำไปใช้เมื่อได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ ครม.เลื่อนการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันออกไปก่อน โดยให้สภาพัฒน์พิจารณาเป็นเวลา 1 เดือนนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ปัญหาเรื่องการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 พันคัน เป็นหนึ่งปัญหาที่สร้างความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่นอกเหนือจากปัญหาเรื่องข้าวโพดและการรับจำนำข้าว ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้รัฐบาลเกิดปัญหาในเรื่องเสถียรภาพจนอาจทำให้บริหารประเทศได้อีกไม่นาน และหากนายกรัฐมนตรียังไม่ตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะยิ่งทำให้สถานภาพของรัฐบาลย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ทั้งนี้ เชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน จะไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐบาล เพราะดูจากรายชื่อบุคคลที่เป็นคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมในการเช่ารถเมล์ที่มีการตั้งขึ้นจากรัฐบาลนั้น เชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยอมให้โครงการนี้ผ่านความเห็นชอบอย่างแน่นอน