โฆษกส่วนตัวนายกฯ เรียกร้องฝ่ายค้านแสดงความรับผิดชอบ หลังต้องหน้าแหกเพราะตะแบงยื่นศาล รธน.วินิจฉัย พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน เปรียบประเทศอยู่ขั้นโคม่าแต่ยังมีพวกจ้องกระทืบซ้ำ เย้ยหัวหน้าทีมโฆษกไข่แม้วแค่ ส.ส.สอบตก ไม่คิดต่อปากต่อคำในเชิงที่ไม่สร้างสรรค์
วันนี้ (4 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มติ ครม.ตีกลับโครงการเช่ารถเมล์ อ็นจีวี 4,000 คันออกไปว่า ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของนายกฯ และ ครม. เชื่อว่าจะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเฉพาะการโยนไปให้ สศช.ไปพิจารณาถึงความเหมาะสมภายใน 1 เดือน จะมีคำตอบที่ดี แต่ถ้าองค์กรใดเคลือบแคลงในการทำงานของ สศช.ก็สามารถตรวจสอบคู่ขนานไปได้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพื่อไม่ให้สังคมคลางแคลงใจ ซึ่งผลที่ออกมาเชื่อว่าทุกฝ่ายจะยอมรับได้
เมื่อถามว่าทางพรรคภูมิใจไทยแสดงความไม่พอใจ อาจจะมีปัญหาในการร่วมรัฐบาลกันได้ นายเทพไท กล่าวว่า เรื่อง ครม.ที่มีความเห็นต่างกันถือเป็นเรื่องปกติ คงไม่มีใครทำให้เกิดความแตกแยกขึ้น และเชื่อว่าเสถียรภาพของรัฐบาลยังคงเหนียวแน่น และสังคมยังคงสนับสนุนรัฐบาลอยู่
นายเทพไทกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่อง พ.ร.ก.4 แสนล้านบาท ต้องขอขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งเรื่องดังกล่าวเคยมีตัวอย่างว่าศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยในกรณีแบบนี้มาแล้ว แต่ยังมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ควรดูในเรื่องของความเหมาะสมด้วย ซึ่งการยื่นให้ตรวจสอบ พร้อมกับเรียกร้องกับรัฐบาล แต่วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยออกมาแล้วว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงอยากถามหาความรับผิดชอบกับฝ่ายค้านเช่นกัน แต่คิดว่าสมาชิกฝ่ายค้าน นอกจากจะไม่มีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้แล้วยังออกมาประกาศจะคว่ำ พ.ร.ก.ดังกล่าวอีก จึงเห็นว่าวันนี้บ้านเมืองป่วยเข้าขั้นโคม่า แต่ก็มีคนอยากจะกระทืบซ้ำ ดังนั้นสังคมควรพิจารณาว่าคนเหล่านี้หวังดีต่อบ้านเมืองหรือไม่ หรือพยายามจะฉุดรั้งไม่ให้รัฐบาลแก้ปัญหาของประเทศชาติได้
นายเทพไทกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศแต่งตั้งรองโฆษกพรรคเพิ่มอีก 4 ตำแหน่งเพื่อตอบโต้กับรัฐบาลนั้น อยากให้เป็นการตอบโต้แบบสร้างสรรค์ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็มีโฆษกที่เป็น ส.ส.สอบตก ซึ่งการพูดจาอาจมีความรับผิดชอบในคำพูด ไม่เท่ากับในคำพูดของ ส.ส. น่าเสียดายว่า ส.ส.ทั้ง 4 คนที่มาเป็นรองโฆษก ปล่อยให้ผู้ที่เป็น ส.ส.สอบตกมาเป็นหัวหน้า สำหรับทีมโฆษกของพรรคประชาธิปัตย์ และทีมโฆษกของรัฐบาลก็พร้อมที่จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองตามแนวทางสมานฉันท์ที่รัฐบาลตั้งขึ้น