กมธ.คมนาคมวุฒิสภา จี้รัฐบาลเลิกตีสองหน้า ผลักดันโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน สอนเชิง แนะเปิดให้เอกชนประมูลใหม่ ลบข้อครหาฮั้วผลประโยชน์ ชี้เกมยื่นสภาพัฒน์ศึกษาแค่ซื้อเวลา
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายธวัช บวรวนิชกุล ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า การที่ครม.ตีกลับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน เพื่อให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปศึกษาตัวเลขการจัดซื้อ และการเช่ารถนั้น เป็นเพียงการซื้อเวลาของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา เพราะข้อเท็จจริงขณะนี้ทุกฝ่ายยอมรับแล้วว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีและมีการศึกษามานานแล้วว่า ขสมก.ควรใช้วิธีเช่า เนื่องจากการบริหารจัดการภายใน ขสมก.เองมีปัญหา รัฐบาลจึงควรกล้าหาญผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นเสียที เพราะจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการประมูลเสียเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนหลายรายสามารถเข้าร่วมแข่งขันราคาได้ ไม่ใช่กำหนดให้มีธนาคารค้ำประกันเป็นวงเงินสูงถึง 3,500 ล้านบาทเหมือนเช่นปัจจุบันนี้
นายธวัชกล่าวว่า การกำหนดเงื่อนไขไว้สูงเกินความจริงถือเป็นการล็อกสเปกให้ใครหรือไม่ กลับไม่มีการพูดถึงและให้ความสำคัญ รัฐบาลจึงควรให้มีการศึกษาวิธีการประมูลใหม่ว่าทำอย่างไรจึงจะเปิดกว้างให้เอกชนเข้าร่วมประมูลอย่างเปิดเผย เพียงเท่านี้ก็จะสะท้อนราคาที่แท้จริงของตลาดได้แน่นอน จะทำให้ได้รถที่มีคุณภาพและบริการแต่ราคาถูกลง
“คณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาเรื่องนี้มานานและค่อนข้างกว้างขวาง รู้ว่าในหลักการถือว่าเป็นโครงการที่ดี แต่สาธารณะชนกำลังวิจารณ์ในเรื่องความไม่โปร่งใสมากกว่า ราคาที่แพงก็เนื่องมาจากไม่เปิดกว้างในการประมูลมากกว่า” หากลดให้บริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทสามารถเข้าร่วมประมูลได้เพียงเท่านี้ก็จะมีเอกชนจำนวนมากแย่งกันเสนอราคา
เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์เรื่องค่าซ่อมบำรุงที่สูงเกินไป นายธวัชตอบว่า เครื่องยนต์เอ็นจีวีมีการสึกหรอมากกว่าเครื่องยนต์ธรรมดา แต่ก็จะคุ้มกว่าในเรื่องราคา แต่ก็เห็นด้วยว่าราคาที่กำหนดถือว่ายังสูงเกินไป หากคิดว่าระยะเวลาเช่านานเกินไปก็สามารแบ่งการเช่าออกเป็นสองช่วงลดให้ 5 ปี หลังจากนี้ก็เอารถใหม่มาให้บริการ รับประกันได้เลยว่ามีเอกชนจำนวนมากที่ต้องการนำรถเมล์ของบริษัทตัวเองเข้าร่วมบริการ จึงไม่อยากให้แก้ปัญหาด้วยการซ้ำเติม ขสมก.ให้มีภาระมากขึ้น เมื่อถามว่าได้มีการศึกษาเรื่องราคารถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) บ้างหรือไม่ นายธวัชกล่าวว่า จากนี้ไปคงจะมีการศึกษาเรื่องนี้หลังจากที่กรรมาธิการก็เพิ่งรับทราบข้อมูลมาเช่นกัน
