นายกรัฐมนตรี ระบุ การเดินทางไปเยือนฮ่องกง เพื่อชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนการเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ไม่กระทบความร่วมมือในระดับภูมิภาค สำหรับเรื่องผลงานไม่ขอประเมินแต่อยากให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์"
วันนี้ (17 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยกรมประชาสัมพันธ์ ถึงการเดินทางมาครบรอบ 17 ปี จากเหตุการณ์พฤษทมิฬ ซึ่งรัฐบาลได้เดินหน้าจัดทำอนุสรณ์สถานวีรชนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายในครึ่งปี ส่วนการค้นหาศพผู้สูญหายในตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท้องทะเล จ.ระยอง ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดความใปร่งใสที่สุด ซึ่งก็มีผู้เสนอมาหลายวิธีทั้งยกตู้คอนเทรนเนอร์ขึ้นมาพิสูจน์ หรือเจาะตู้เข้าสำรวจในท้องทะเล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในช่วงเปิดภาคเรียนขอยืนยันศึกษาเรียนฟรี 15 ปี กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ทั้งนี้สามารถกู้ยืมหน่วยกิตและค่ากินอยู่เรื่อง อาหารกลางวันตอนนี้จะให้ครบทุกคน ในส่วนของสื่อซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อแก้ปัญหาสังคมโดยเฉพาะในเยาวชน จึงได้เปิดคลื่นสีขาวเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาสังคมในช่วงเยาวชนยนทาง สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องของโรคระบาดที่เรียกว่าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในต่างประเทศ และเผอิญได้มีผู้ติดเชื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ และมีการตรวจพบและรักษาจนหายดีแล้ว ซึ่งผู้ป่วยติดเชื้อมาจากต่างประเทศและไม่ได้มีการแพร่เชื่อแต่อย่างใด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากการเดินทางไปพบปะกับนักธุรกิจและสื่อมวชนที่ฮ่องกง ก็เพื่อชี้แจงสถานการณ์ทั้งภาวะการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งตอบรับด้วยดี โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์เมษายน ซึ่งรัฐบาลได้ใช้การแก้ไขปัญหาด้วยระบบรัฐสภา และในวันจันทร์นี้ก็อยากขอความร่วมมือสมาชิกเพื่อนรัฐสภา ให้ช่วยผ่านร่างพระราชกำหนดขึ้นภาษีสรรพมิตรบุหรี่และน้ำมัน ซึ่งขอยืนยันว่าการปรับเพดานภาษีน้ำมันไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันแต่อย่างใดสำหรับการเลื่อนจัดประชุมอาเซียนบวก 3 บวก 6 ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีกำหนดการประชุมภายในเดือนมิถุนายน เป็นเหตุสุวิสัยเนื่องจากผู้นำแต่ละประเทศติดภารกิจ แต่การร่วมมือระดับอาเซียนยังคงเดินหน้าต่อไป
นอกจากนี้ นายกฯได้ปฏิเสธไม่มีความขัดแย้งกับ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เรื่องปัญหารับจำนำข้าวโพด โดยระบุว่า เป็นเรื่องปกติของการทำงานที่จะมีความไม่เข้าใจกัน หรือมองปัญหาไม่ตรงกัน แต่ว่าได้มีการชี้แจงกับรัฐมนตรีต่างพรรคแล้ว
ในช่วงที่สองนายรัฐมนตรีได้ตอบคำถาม 4 พิธีกรจากรายการผู้หญิงผู้หญิง เกี่ยวกับปัญหาเยาวชนที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ซึ่งยอมรับว่าเยาวชนยังประสบปัญหายาเสพติดหรือร้านเกมส์คอมพิวเตอร์ รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าเพิ่มลานกีฬาให้ครอบคลุมในชุมชนต่างๆ ให้มากขึ้น ส่วนเรื่องครอบครัวก็มีเวลาให้น้อยแต่ก็เข้าใจดี เพราะมีอาชีพนักการเมือง ไม่ได้ไปส่งบุตรไปโรงเรียนเหมือนสมัยไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเกรงจะเดือดร้อนผู้ปกครองคนอื่น ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ในส่วนของภรรยาก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่เกรงใจกันมากกว่า ในส่วนการทำงานจะไม่ประเมินตัวเอง แต่ขอมุ่งมั่นทำให้เต็มที่ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อย่างไรก็ขอให้ประชาชนเป็นผู้ประเมิน
เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่ 18 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายกฯชวนคนไทยรำลึกพฤษภาทมิฬ เชื่อคอนเทนเนอร์จมนานกว่า 20 ปีก่อนเหตุการณ์ สั่งตรวจสอบให้ชัดเพื่อความสบายใจของญาติวีรชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า วันนี้วันที่ 17 พฤษภาคม เมื่อปี 2535 17 พฤษภาคม ก็คือ ช่วงที่ได้เกิดเหตุการณ์ในทางการเมือง ซึ่งปัจจุบันเราเรียกกันว่าเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม เป็นเหตุการณ์ที่พี่น้องประชาชนได้ออกมาเรียกร้องและต่อสู้ในเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และวันนี้ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่วันนี้มาครบรอบ ความจริงแล้วทุกปีในช่วงเช้าอย่างนี้ตนจะไปร่วมในงานระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ว่าวันนี้ติดภารกิจในการที่มาบันทึกรายการจึงไม่ได้ไป แต่ว่าอย่างไรก็ตาม คิดว่า เป็นโอกาสที่อยากจะให้พี่น้องประชาชนได้ระลึก ถึงการต่อสู้เพื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญๆ หลายครั้งในอดีต วันนี้เราก็ร่วมรำลึกถึงประชาชนที่ได้ร่วมต่อสู้ในวันนั้น แล้วตนเชื่อว่าถ้าเราระลึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว และมาทบทวนดูว่ามีอะไรบ้าง ที่เราจะส่งเสริมสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยของเรา ก็ถือว่าเป็นการสานต่ออุดมการณ์ในการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนมีสิทธิมีเสรีภาพ มีส่วนร่วมในการชี้ชะตาอนาคตของบ้านเมืองของเรา
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องของเหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคมนั้น ก็มีงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องอยู่ ก็คือ การเดินหน้าในเรื่องของการจัดทำอนุสรณ์สถาน ซึ่งขณะนี้ในเรื่องของที่นั้นเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งในเรื่องของแบบก่อสร้าง ซึ่งตนได้มีโอกาสพบกับคณะกรรมการญาติวีรชน แล้วก็คิดว่าภายในครึ่งปีข้างหน้านี้ก็จะสามารถที่จะปรับสภาพพื้นที่และ ดำเนินการในส่วนนี้ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ที่จมอยู่ใต้ทะเล ว่า บังเอิญว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีข่าวคราวในเรื่องของการค้นหาศพของประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์นั้น และก็ยังไม่สามารถที่จะหาพบได้ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา และมีข่าวในเรื่องของตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมีการไปพบอยู่ที่จังหวัดระยอง ขณะนี้ขอเรียนว่าเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายมีความสบายใจ ตนได้ให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องได้ลงไปพิสูจน์เบื้องต้น ขณะนี้ในตัวคอนเทนเนอร์นั้น มีความเข้าใจจากการตรวจสอบเบื้องต้นว่าน่าจะอายุมากกว่า 20 ปี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคงไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม แต่อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ยังจำเป็นที่จะต้องมีการพิสูจน์เพิ่มเติม ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายที่ไปทำงานในเรื่องนี้เสนอแนะมาว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าถ้าจะยกขึ้นมาก็ต้องใช้งบประมาณมากพอสมควรก็มีผู้เสนอมาหลายวิธีการที่อาจจะตรวจพิสูจน์ได้ เช่น การเจาะตู้คอนเทนเนอร์เข้าไป หรือจะเอาเรื่องของปะการังมาพิสูจน์ในเรื่องของอายุ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่จะมีการดำเนินการติดตามต่อไป
“เพราะว่าเราก็ต้องการที่จะให้ญาติของผู้ที่ได้สูญหายไปได้มีความสบายใจ และขณะนี้เราก็ต้องการที่จะให้ประวัติศาสตร์ในเหตุการณ์สำคัญๆ นั้น เราได้ทราบข้อเท็จจริงมากที่สุดเท่าที่เราจะทราบได้ และก็เผยแพร่ต่อไปเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับพี่น้องประชาชนต่อไป” นายกฯ กล่าว
นายกฯย้ำนโยบายเรียนฟรีรับเปิดเทอม ฮึ่มโรงเรียนซุ่มเก็บเงินเพิ่ม แนะช่องทางให้ผู้ปกครองร้องเรียน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงนโยบายเรียนฟรี 15 ปีเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองว่า ช่วงนี้เป็นช่วงของการที่ลูกหลานของเราเปิดเทอม และเป็นปีการศึกษาที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายสำคัญก็คือ การสนับสนุนการศึกษาฟรีหรือการเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งความจริงแล้วการเรียนฟรีในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โดยจะให้มีผลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ที่เขียนเอาไว้ก็คือว่าไม่น้อยกว่า 12 ปี แต่ว่าต้องยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมาก็ยังมีปัญหาอยู่มากในเรื่องของการเรียนฟรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือ มีค่าใช้จ่ายอยู่หลายส่วน ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองน้องๆ นักเรียน ลูกหลาน ก็ยังมีการร้องเรียนกันอยู่เป็นประจำ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ช่วงที่เข้ามารับหน้าที่ได้ยืนยันว่านี่เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งตั้งใจจะทำมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และก็ต้องการทำให้สำเร็จ แต่ว่าก็มาในช่วงที่เรามีปัญหาในเรื่องของวิกฤตเศรษฐกิจพร้อมๆ กันอยู่ด้วย แต่เราก็ยืนยันว่า การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดก็คือการลงทุนในเรื่องของการศึกษา การสร้างคน เพราะฉะนั้นรัฐบาลได้ตัดสินใจในการจัดงบประมาณซึ่งเริ่มตั้งแต่งบประมาณเพิ่มเติมหรืองบประมาณกลางปี เพื่อที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในเรื่องของอุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน ตำราเรียน ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มงบประมาณที่จัดสรรให้โรงเรียนต่างๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายรายหัว เพื่อที่จะให้ผู้ปกครองนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นเฉพาะสิ่งที่เป็นกิจกรรมพิเศษจริงๆ นอกเหนือจากหลักสูตรพื้นฐาน อันนั้นก็ยังอนุญาตอยู่ เช่นเดียวกันกับบางโรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองอาจจะมีฐานะหรือมีความพร้อมและก็มีการสละสิทธิ์ตรงนี้ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำได้
“แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าการเปิดเทอมมาแล้วพบว่ายังมีการเก็บค่าใช้จ่ายแฝง ที่ไม่ควรจะเก็บ ก็สามารถที่จะร้องเรียนมาได้ช่องทางปกติ เช่น ที่ศูนย์บริการประชาชนที่ทำเนียบรัฐบาล1111 ก็รับเรื่องนี้ และทางกระทรวงศึกษาธิการเองก็ได้เปิดสายเฉพาะในเรื่องคือ1579 ซึ่งพี่น้องประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถที่จะร้องเรียนมาได้ และเราก็จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป” นายกฯ กล่าว
ย้ำนโยบายกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ขยายโอกาสให้คนไม่จนก็กู้ได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากเรื่องของการศึกษาฟรี 15 ปีแล้ว เรื่องของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งรัฐบาลกำลัง ผลักดันและปรับปรุง ก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมไป เพราะพบว่ามีเงินเหลืออยู่ในกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาในขณะที่ยังมีเด็กนัก เรียน นักศึกษา จำนวนมาก ที่ไม่สามารถเข้าถึงกองทุนได้ ก็ได้มีการเพิ่มเติมงบประมาณไป มีการปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อที่จะไม่ให้เงินที่ออกไปล่าช้า เหมือนกับปีที่ผ่านมาซึ่งปรากฏว่ามีหลายกรณีที่ผ่านไปแล้วหนึ่งเทอมก็ยังไม่ได้รับเงินกู้ ขณะเดียวกันเงินกู้ยืมอีกส่วนหนึ่ง คือเงินกู้ยืมหลักจะเป็นสิ่งที่เราเรียกว่ากองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือกยศ. ให้สำหรับเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องของรายได้เอาไว้แล้วก็จะกู้ยืมได้ทั้งค่าหน่วยกิตและค่ากินอยู่ แต่เดิมนั้นมีอีกโครงการหนึ่ง ก็คือ กองทุนที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต ซึ่งตรงนี้เราปรับเข้ามาอยู่ภายใต้การบริหารของกองทุนเดียวกัน ซึ่งรัฐบาลได้มีการอนุมัติเพิ่มเติมให้สามารถที่จะดำเนินโครงการนี้ต่อ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ที่เข้าศึกษาในหลักสูตรที่ถือว่าขาดแคลน หรือว่าเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาของนโยบายของรัฐบาล ซึ่งในสาขาเหล่านี้จะสามารถกู้ยืมได้ในส่วนของค่าเล่าเรียนหรือค่าหน่วยกิต โดยไม่ได้จำกัดว่าผู้กู้นั้นจะต้องมาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย อันนี้ก็ได้มีการอนุมัติเพิ่มเติมไป เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในเรื่องของการศึกษา ซึ่งรัฐบาลถือว่าเป็นนโยบายที่มีความสำคัญที่สุด
4 สาวผู้หญิงถึงผู้หญิงบุกซักนายกฯเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงที่ 2รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ทางทีมงานของรายการได้เชิญ 4 พิธีกรจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงทางช่อง 3 มาทำหน้าที่สัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในรายการดังกล่าว โดยคำถามส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปทางปัญหาของเด็ก สตรีและครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับถามถึงปัญหาเรื่องโครงการเรียนฟรีที่บางโรงเรียนยังหาช่องทางเรียกเก็บเงินจากส่วนอื่นๆ โดยนายกฯ กล่าวว่า ก็คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ว่าต้องมีปัญหาอยู่ เพราะว่าก็เป็นปัญหาในเรื่องของงบประมาณ เป็นปัญหาของการบริหารของโรงเรียน ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจว่าค่าใช้จ่ายมีอะไร แต่ว่าเราก็พยายามจัดให้มากที่สุด อย่างที่ว่าไปแล้วอุปกรณ์การเรียนอะไรต่างๆ ทีนี้ถ้ามันมีขลุกขลักมีอะไรก็ขอให้แจ้งมา เราจะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป และเราไม่ได้ทำเฉพาะส่วนนี้ ตอนนี้นมโรงเรียน อาหารกลางวัน ก็อนุมัติเพิ่มเติมขึ้นให้ครอบคลุมให้หมด อาหารกลางวันก็เพิ่มจาก 10 บาทเป็น 13 บาท และตอนนี้ก็ให้ครบทุกคน แต่ว่าก็กำลังประสานกับทางท้องถิ่นด้วยในเรื่องของงบประมาณที่จะทำให้ได้ ในช่วงของปีการศึกษาหน้า
เมื่อถามว่าค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่ท่านพูดถึงหมายถึงค่าบำรุง การศึกษาต่าง ๆ ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คำว่าแอบแฝง ที่ต้องใช้คำนี้เพราะว่าแต่ละโรงเรียนรู้สึกว่าจะมีวิธีการไม่เหมือนกัน เราก็จะได้รับเรื่องร้องมาว่าบางทีบางคนบอกค่าน้ำค่าไฟ บางคนบอกค่าอะไร คงต้องแยกแยะ ถ้ามันจริง ๆ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องของการดำเนินการตามปกตินี้อย่างนี้ถือว่าทำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็หลอกกัน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้าแจ้งข้อมูลมา กระทรวงจะเข้าไปดำเนินการ
“แต่ว่าถ้าสมมติว่ามีหลักสูตรพิเศษ เรียนพิเศษ เช่น ไปจ้างชาวต่างประเทศมา และก็ไม่ได้บังคับ และถือว่าในหลักสูตรปกติก็มีสอนภาษาอังกฤษอยู่แล้วอย่างนี้ ถ้าอย่างนี้จะเก็บสำหรับคนที่ไปเรียนนี้ก็ทำได้ เพราะว่าเราก็ถือว่าไม่ได้ปิดกั้น ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นว่าเรียนฟรีไปปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่เขาอยากจะทำอะไรโครงการอะไรเพิ่มเติมเลยจะทำไม่ได้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ กทม. ซึ่งเขาทำเรื่องเรียนฟรีมาก่อน และตนก็ไปพบกับผู้ปกครอง มีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งเขาบอกว่าเขามีปัญหาตอนบ่าย คือโรงเรียนเลิกเร็วไปนิดหนึ่ง สำหรับคุณแม่ที่ทำงานใช่ไหม ก็ไปรับไม่ทัน เขาก็บอกอย่างนี้เขาอยากให้โรงเรียนจัด จะเป็นเรียนพิเศษ หรือจัดให้อยู่ทำการบ้านด้วยกัน หรือจะให้วิ่งเล่นในโรงเรียนก็ได้ แต่ว่ามีครูดูแลอยู่ บอกอย่างนี้ถ้าจะเก็บเงิน ไม่ว่า เขาถือว่าไม่ใช่เรื่องของพื้นฐาน เพราะฉะนั้นแนวจะเป็นอย่างนี้ ทีนี้ก็อย่างว่าเรื่องเส้นแบ่งก็คงไม่ขาว ดำ แต่ว่าก็ยินดีและเปิดช่องทางทางฝั่งร้องเรียน 1579 ก็ยินดีที่จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป
เมื่อ4พิธีกรสาวถามว่าถึงเรื่องมาตรฐานของโรงเรียนที่ทำให้ผู้ปกครองยังให้ลูกไปเรียนไกลบ้าน เพราะมาตรฐานโรงเรียนไม่เท่ากัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันนี้เรื่องใหญ่และก็หลังจากเรื่องของเรียนฟรีนี้ เรื่องของการที่จะแก้ไขในเชิงคุณภาพ จะเป็นงานหนักมาก ตนก็เพิ่งไปเปิดสัมมนาเรื่องการปฏิรูปรอบสอง ก็อยากจะเน้นในเรื่องของคุณภาพการเรียนการสอน เพราะว่านี่คือหัวใจ เป็นหัวใจในการจะไปแก้ปัญหาอีกหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องแป๊ะเจี๊ย และไปจนถึงเรื่องว่ามีความวิตกกังวลว่า ถ้าเข้าโรงเรียนไม่ดีแล้ว แอดมิชชั่นเดี๋ยวเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ไม่ได้ อะไรต่าง ๆ ก็พันกันไปหมด ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาในการที่จะแก้ปัญหา เพราะว่ามันมีทั้งเรื่องความพร้อมทางกายภาพ มีทั้งเรื่องของการพัฒนาครู การกระจายครู อะไรต่าง ๆ แต่ว่าที่น่าหนักใจ เราคุยอยู่ตรงนี้บางทีอาจจะมองข้ามไปก็คือโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพราะว่าตอนหลังมีหลายพื้นที่ โรงเรียนหนึ่งอาจจะเหลือเพียงแค่ 20 - 30 คน ทีนี้ พอ 20 - 30 คนนี้ถ้าไปคิดตามเกณฑ์ปกติเขาบอก ครูคนเดียวหรือครูสองคน แต่ว่า 20 - 30 คนนี้หมายความว่ามีตั้งแต่ ป.1 - ป.6
“เคยไปที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ครูคนหนึ่งสอน ป.1 - ป.3 อีกคนหนึ่งสอน ป.4 - ป.6 ก็ลำบากมาก ทีนี้ก็ต้องพยายามหาความพอดีก็คือว่า จริง ๆ แล้วในอดีตก็พยายามหลีกเลี่ยงการที่จะไปยุบรวมโรงเรียน แต่ว่าจริง ๆ ถ้าหากว่าการคมนาคมสะดวกขึ้น และมีบริการดูแลนี้ผมคิดว่าอาจจะต้องไปแนวทางนั้น ยกเว้นประเภทที่อยู่บนเขา หรือว่าจะต้องข้ามหุบเขาไปเรียนอะไรต่าง ๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่กำลังทำอยู่นะครับ ผมเองดูแลเรื่องของการบริหารงานบุคคล ก.ค. ด้วย เอาผลการศึกษามาดูเรื่องว่า จำนวนครู ปัญหาการกระจายครูจะแก้อย่างไร และก็จะคล้าย ๆ กับเรื่องของการขาดแคลนหมอ พยาบาล ตอนนี้กำลังเป็นการทบทวนอยู่”นายกฯ กล่าว
เมื่อถามถึงค่าตอบแทนของครู นายกฯ กล่าวว่า ค่าตอบแทนนี้ก็เป็นปัญหาอยู่แล้วในภาคราชการทั้งหมด พูดกันตรง ๆ แต่ว่าเราเข้ามาอยู่ในช่วงที่มีเศรษฐกิจ พอดีการจัดเก็บรายได้ก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อันนี้ทุกคนก็คงเข้าใจอยู่แล้ว เกิดขึ้นทั่วโลก ก็ทำให้ช่วงนี้เราก็ต้องพยายามประคับประคองสถานการณ์กันไป
เมื่อถามถึงจำนวนของคุณครูที่ส่งผลต่อมาตรฐานความรู้ของเด็กไหม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริงๆแล้วจำนวนครูทั้งหมดนี้ไม่ได้ขาดแคลนมาก ปัญหามีอยู่ 2 เรื่อง 1. การกระจายไปตามพื้นที่ คือไปกระจุกอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ในที่ ๆ อาจจะมีความเจริญแล้ว 2. คือว่า บางวิชาขาด เพราะฉะนั้นบางทีก็หาครูวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ภาษาต่างประเทศไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็จะทำสองอย่าง ในส่วนหลังก็จะมีโครงการเข้มข้นในการที่จะเร่งสร้างความพร้อมให้กับบุคลากร ในบางสาขาวิชา ส่วนการกระจายในขณะนี้เฉพาะหน้าก็คงเป็นเรื่องการบริหารจัดการในระบบราชการ ไป แต่ว่าวันข้างหน้าปัญหาจริง ๆ สิ่งที่เราจะส่งเสริมก็คือว่าให้การผลิตครูเหมือนกับผลิตหมอ พยาบาล ในพื้นที่ขาดแคลน ทำในท้องถิ่นให้ได้ เพราะว่าถ้าเกิดท้องถิ่นเข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ เขาไม่ยอมปล่อยให้คนออกไปจากพื้นที่เขา แต่ว่าถ้าเป็นส่วนกลางเราบอก อย่างหมอใช่ไหม เราบอกตามไปใช้ทุน กี่ปี แต่ไปเสร็จปั๊บก็กลับเข้ามาใหม่ใช่ไหม เพราะว่าเขาต้องเรียนต่อเขาต้องอะไร แต่ว่าถ้าเราสร้างระบบความก้าวหน้าในท้องถิ่นให้ดี
“ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากก็อยากอยู่บ้านตัวเองอยู่แล้ว เราก็จะได้ทำเรื่องนี้ได้ เรื่องนี้ต้องเรียนตรง ๆ ครับต้องใช้เวลา จะคาดหวังว่าปีนี้ปีหน้าทำเสร็จทำได้คงจะเป็นไปได้ยาก”นายกฯ กล่าว
เมื่อถามถึงการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นักเรียนไม่ได้เรียนเต็มที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 3 จังหวัดฯ ตอนนี้เราก็พยายามที่จะปรับระบบหลายอย่าง เช่น กรณีของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ก็มีการสนับสนุนในเรื่องของครูเข้าไป และก็มีการสร้างความมั่นใจมากขึ้นว่าถ้าเป็นโรงเรียนรัฐ ก็จะมีการสอนในเรื่องของศาสนา ให้ประชาชนในพื้นที่เขามีความรู้สึกอุ่นใจว่าส่งไปอยู่โรงเรียนรัฐแล้ว วิถีชีวิตของเขา ความเชื่อของเขาได้รับการเคารพ ได้รับการดูแล ขณะเดียวกันสำหรับโรงเรียนสอนศาสนานี้เราก็จะมีโครงการเข้าไปเชื่อมโยงว่า เด็กที่จบที่นั่นก็สามารถที่จะประกอบอาชีพได้ อย่างเอาทางอาชีวะเข้าไปเพื่อทำโครงการเชื่อมโยงเสริมกับเขา
ลุงมาร์ค เปิดสื่อสีขาวแก้ปัญหาเยาวชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงการแก้ปัญหาของเด็กและเยาวชน รวมทั้งปัญหาสังคมโดยทั่วไปว่า ได้พูดมาตั้งแต่ต้นว่าเรื่องของสื่อเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็มีการผลักดันในเรื่องของการเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กและ เยาวชน และในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ได้มีการเปิดคลื่นสีขาว ปลอดโฆษณา เป็นรายการเด็กเยาวชนที่ FM 105 เพื่อที่จะเพิ่มพื้นที่ เพิ่มรายการที่ดี ๆ สำหรับเด็กและเยาวชนของเรา และทำให้เด็กและเยาวชนของเรานั้นอยู่กับสิ่งที่ดีงาม อยู่กับสิ่งที่สร้างสรรค์ นี่ก็คืองานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการศึกษาในช่วงที่กำลังจะมีการ หรือบางโรงเรียนก็ได้มีการเปิดเทอมไปแล้วนะครับ
“นายก” ซื้อใจเกษตรกลิ้นจี่-ถั่วลิสงภาคเหนือ เผยเตรียมถกครม.แก้ปัญหาราคาตกต่ำให้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหาของสินค้าเกษตรก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือก็มีการร้องเรียนมาในเรื่องของลิ้นจี่ ในเรื่องของถั่วลิสง ซึ่งเรื่องลิ้นจี่ความจริงแล้วรัฐบาลได้อนุมัติโครงการในการที่จะเข้าไปแทรกแซง โดยคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกร(คชก.) มีการอนุมัติในเรื่องของการที่จะไปสนับสนุนอุดหนุนค่าขนส่ง แต่ก็ปรากฏว่าในหลายพื้นที่ยังมีปัญหาอยู่ว่าเกษตรกรยังได้ราคาค่อนข้างที่จะต่ำสำหรับผลผลิต เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะมีการสรุปและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมอะไรได้บ้าง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ที่เราจะทำเพราะว่าก่อนหน้านี้ในส่วนของผลไม้ในภาคตะวันออกได้มีการอนุมัติงบกลางไปและให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามา ลิ้นจี่ก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้ได้ขอให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยดำเนินการในการรับซื้อ แม้แต่กรุงเทพมหานครเองก็ได้จัดพื้นที่เอาไว้สำหรับที่จะมีการมาระบายสินค้าหรือเปิดโอกาสให้องค์กรท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่น ๆ สามารถนำมาขายได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เรายังเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ แจงเหตุไม่เคาพรับจำนำข้าวโพดของก.พาณิชย์ ย้ำครม.ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ฮึ่มแก้มาตรการรับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาด ชี้รัฐจะเสียหาย เผยรบ.กระเป๋าฉีกไปแล้ว1.3แสนล.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงข่าวคราวปัญหาความขัดแย้งในที่ประชุมครม.เรื่องที่ครม.ไม่อนุมัติโครงการรับจำนำข้าวโพด 4แสนตันมูลค่า 2 พันล้านกว่าบาทให้กระทรวงพาณิชย์ว่า ที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องปัญหาว่ามีความขัดแย้งกันหรือไม่ ในการทำงานในเรื่องของการระบายสินค้าการเกษตร อยากจะเรียนอย่างนี้ว่า ปัญหาของการแทรกแซงสินค้าเกษตรที่รัฐบาลนี้เข้ามาสานต่อก็คือว่าโครงการรับจำนำพืชผลต่างๆ ไปตั้งราคาไว้สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งอันนี้จะแตกต่างจากการเริ่มต้นโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตร ที่เริ่มต้นมาในอดีต เหตุผลก็เพราะว่าในอดีตนั้นการรับจำนำเป็นช่องทางที่ต้องการให้เกษตรกร สามารถที่จะเอาผลผลิตของตัวเองมาพักไว้ ในยามที่สินค้าออกมาจำนวนมาก อาจจะล้นตลาดมีผลกดราคา แล้วก็เปิดโอกาสเปิดทางเลือกว่า เมื่อตลาดดีขึ้นแล้วจะไถ่ถอนออกไปเพื่อขายหรือจะรับราคาที่จำนำ
“แต่ว่าระยะหลังนี้มีการไปกำหนดราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาด เพราะฉะนั้นก็จะมีการเข้ามาใช้โครงการนี้มาก จนไม่สามารถที่จะรับไว้ได้หมด รัฐบาลก็จำเป็นที่จะต้องจำกัดว่าแต่ละรายจะเข้ามาจำนำพืชผลได้เท่าไหร่ ที่สำคัญคือว่ากำลังของรัฐบาลเองในการที่จะเข้าไปแทรกแซงก็มีอยู่จำกัด แต่ทั้งหมดแล้วรัฐบาลได้ใช้เงินไปถึง 130,000 ล้าน ในโครงการเหล่านี้”นายกฯ กล่าว
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล กล่าวอีกว่า ปัญหาขณะนี้คือว่าเมื่อมีการรับจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาด ปริมาณสินค้าในสต็อคของรัฐบาลก็จะมีมาก ก็จำเป็นที่จะต้องมีการระบายสินค้าออกไป แต่การระบายนั้นต้องทำด้วยความระมัดระวัง ถ้าระบายสินค้าออกมาเข้าสู่ตลาดในต่างประเทศเองก็จะย้อนกลับมากดราคาของตัวพืชผล เพราะฉะนั้น เป้าหมายหลักก็คือต้องส่งออกไปในต่างประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อรับซื้อเข้ามาในราคาค่อนข้างสูง ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับภาครัฐ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ขอให้มีความชัดเจนในขณะนี้ก็คือว่าคงจะต้องมีการมากำหนดหลักเกณฑ์ในการระบายสินค้าต่างๆจากภาครัฐ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แล้วก็เป็นไปในลักษณะที่จะไม่กระทบกับการบริหารในเรื่องของราคาพืชผลในอนาคต เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการกำหนดและเสนอหลักเกณฑ์เข้ามา แต่ว่าแน่นอนผู้ที่ทำงานในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ เขาก็ทำไปตามปกติก็คือว่าอยากจะเร่งระบายสินค้าออกไป แต่ว่าครม.ก็ประสงค์ที่จะให้เกิดความรอบคอบ เกิดความรัดกุมในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ไปผ่านกระบวนการของคณะกรรมการของพืชแต่ละตัว
“จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับในการทำงาน ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกันบ้าง มองปัญหาไม่ตรงกันบ้าง แต่ว่าสุดท้ายเราต้องรับผิดชอบร่วมกัน แล้วทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน ผมไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง และได้ทำความเข้าใจกับผู้ร่วมงานทุกคน ไม่ว่าจะอยู่พรรคอย่างไรว่า เรามาทำงานก็มารับผิดรับชอบร่วมกัน เพราะฉะนั้นมีอะไรที่อาจจะต้องมีการทักท้วงหรือมองไม่ตรงกันบ้าง ก็มาหาข้อยุติ ซึ่งครม.ก็เป็นกลุ่มหรือเป็นการประชุมตามวิถีทางประชาธิปไตย ที่นักการเมืองจะต้องมารับผิดชอบร่วมกันในระดับของการบริหารสูงสุด เพราะฉะนั้น ไม่ต้องวิตกกังวลนะครับว่า ในเรื่องนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งหรืออะไร เป็นเรื่องของการที่จะดูแลให้การทำงานเป็นไปโดยรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ชาติ รวมทั้งพี่น้องเกษตรกรอย่างดีที่สุดนะครับ”นายกฯ กล่าว
นายกฯลั่นไม่ประมาทไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 แนะทำลายแหล่งเพาะพันยุงป้องกันโรคชิคุนกุนยา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009ว่า อยากจะขอย้ำในเรื่องของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของพี่น้องประชาชน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วคงจำได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เราพบว่ามีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นคนไทยเป็นกรณีแรก แต่ว่าก็ขอย้ำว่าในที่สุดแล้วก็มีการยืนยัน2 กรณีทั้งคู่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตัวนี้ และได้รับการดูแลรักษาพยาบาล หายดี ส่งกลับบ้านไปเรียบร้อย และไม่พบรายงานว่าได้มีใครที่มาติดเชื้อจากบุคคลทั้ง2 เราก็ไม่ได้ประมาท เราได้ประชุมกับเพื่อนๆ ในอาเซียนร่วมกันแล้ว เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของยาและวัคซีนที่จะมีการพัฒนาต่อไปและมาตรการในการเฝ้าระวังต่างๆ นั้นยังเข้มข้นอยู่ เพราะว่าขณะนี้ตัวเลขในต่างประเทศการติดเชื้อ การเสียชีวิต ก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่
ส่วนโรคชิคุนกุนยาหรือโรคไข้ปวดข้อ นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ก็มีข่าวคราวเรื่องปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ของโรคที่ เรียกว่า “ชิคุนกุนยา” ซึ่งเป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นจากยุงที่เป็นพาหะ แต่คนที่เป็นจะเป็นไข้ ปวดข้อ แต่ไม่มีรายงานเรื่องของการเสียชีวิต ทีนี้ขณะนี้มาตรการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินการที่จริงได้ทำมาบ้าง ก็คือพยายามที่จะเข้าไปในชุมชนต่างๆ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เข้าไปทำความสะอาด ฉีดยุง แจกยาทากันยุงและติดตามดูแลโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)ก็ดี หรือบริการสาธารณสุขทั่วไปก็ดี ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ “ผมก็เพียงแต่อยากจะย้ำนะครับว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยปัญหานี้แน่นอน แล้วก็อยากจะมีคำแนะนำครับว่า จริง ๆ แล้วการป้องกันโรคนี้ก็เหมือน ๆ กันกับการป้องกันในเรื่องของไข้เลือดออก เพราะฉะนั้น ดีที่สุดก็คือหาทางกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง แล้วก็ระมัดระวังในเรื่องนี้ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่มีการดำเนินการไป”นายกฯ
มาร์ค ร่ายผลเยือนฮ่องกง ชี้ ประเทศไทยยังน่าสนใจในสายตาโลก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงความสำเร็จในการเดินทางไปที่ฮ่องกงเพื่อพบปะกับนักลงทุน ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงและสื่อสารมวลชนว่า ก็เป็นโอกาสดีที่ไปทำความเข้าใจกับเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจการเมืองของประเทศ ไทย อยากจะเรียนว่าบรรยากาศทั้งวันที่ไปอยู่ที่นั่นเป็นไปด้วยดี เห็นได้ชัดว่าคนที่เป็นนักลงทุนก็ดี คนที่เป็นนักท่องเที่ยวก็ดี หรือผู้บริหารในภาครัฐของเขาก็ดี พูดง่าย ๆ ก็คือมีใจให้กับประเทศไทย เชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยว แล้วก็สอบถามเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราด้วยความห่วงใย
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในแง่ของการเมืองได้เล่าให้ฟังว่าเราได้ผ่านพ้นวิกฤตในช่วงเดือนเมษายนมาแล้ว และขณะนี้มีกระบวนการของสภาฯ ที่ทำงานเพื่อที่จะให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์มีคำตอบ มีทางออกกันในทางการเมือง ซึ่งก็เป็นแนวทางที่เขาเองก็มีความยอมรับและเห็นว่าเป็นแนวทางที่น่าจะดำเนินการ แต่ว่าแน่นอนก็อยู่ที่พี่น้องประชาชนคนไทยกันเองว่า ในช่วงนี้เราจะรักษาบรรยากาศบ้านเมืองให้ต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นได้อย่างไร เพราะว่าเขาก็มีความสนใจในการมาลงทุนในประเทศไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับทราบแผนทางด้านเศรษฐกิจ เขาก็เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในแง่ของปัญหาเรื่องเสถียรภาพเขาเห็นตัวเลขต่างๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สาธารณะหรืออะไร เขาก็ไม่ได้มีปัญหา เขาสนใจแต่เพียงว่าที่เรามาลงทุนนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งตนได้เล่าให้ฟังไปว่าเราเน้นเรื่องแหล่งน้ำ เราเน้นเรื่องการขนส่ง จะเป็นระบบราง จะเป็นถนน เราเน้นเรื่องของการปรับปรุงสถานีอนามัย เราเน้นในเรื่องของการปรับปรุงโรงเรียน สถานศึกษาต่างๆ ซึ่งเขาก็มีความพึงพอใจที่ได้ยินอย่างนี้ เพราะว่าต้องการที่จะเห็นประเทศไทยเข้มแข็ง และต้องการที่จะให้เรามีความพร้อมทั้งในด้านเศรษฐกิจสังคม ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีความพร้อมเวลาที่เศรษฐกิจโลกฟื้นขึ้นมา อย่างไรก็ตามปัญหาของฮ่องกงเองและประเทศในภูมิภาคก็แลกเปลี่ยนกัน คล้ายๆกับเรามากเลย ส่งออก3เดือนแรกติดลบ20 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจทั้งปีอาจจะติดลบ 3 เปอร์เซ็นต์ 5 เปอร์เซ็นต์ และก็มีความวิตกกังวลในเรื่องของการว่างงาน ซึ่งความจริงตัวเลขของเรานั้น ยังดีกว่าตัวเลขของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคในเรื่องนี้
นายก ลั่นอีกครั้งพรก.กู้เงินดูอย่างรอบคอบแล้ว ชี้จำเป็นต้องกู้เพื่อลงทุนสร้างการบริการให้ประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้มีพระราชกำหนด 2 ฉบับที่จะต้องขอความร่วมมือจากสมาชิกรัฐสภาให้ผ่านก็คือเรื่องของภาษีบุหรี่กับภาษีน้ำมัน แต่ว่าภาษีน้ำมันนั้นขอย้ำว่าแม้จะมีการจัดเก็บเพิ่มขึ้น แต่ว่ากองทุนน้ำมันจะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนลดลง เพราะฉะนั้นจะไม่มีผลกระทบกับผู้ใช้น้ำมันในช่วงนี้ ส่วนพระราชกำหนดอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของการกู้เงินนั้น ปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ฝ่ายค้านได้เข้าชื่อกันเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของส.ส. ฝ่ายค้านที่จะทำได้
“ผมเองผมเพียงแต่อยากจะยืนยันว่ารัฐบาลได้ดูอย่างรอบคอบแล้วว่าเงื่อนไขการออกพ.ร.ก.นี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และไม่มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงกระบวนการการตรวจสอบแน่นอน เพราะว่าผมจะมีการแนบบัญชีเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ และก็มีการจัดตั้งคณะกรรมการ นอกเหนือจากในส่วนของสภาฯ เองที่จะมาติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ด้วย”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อใช้สิทธิ์กันตามรัฐธรรมนูญอย่างนี้ สภาฯก็ต้องชะลอการพิจารณา แต่ตนก็ได้ให้กระทรวงการคลังเดินหน้าทำงานเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด เพื่อที่จะให้การกู้เงินนั้นเป็นไปได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการลงทุนในประเทศของเรา ในคนของเราต้องทำต่อ เหมือนกับที่ก่อนเดินทางไปฮ่องกงได้มีโอกาสนั่งรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นขบวนแรก เชื่อว่าบริการอย่างนี้เป็นบริการที่พี่น้องประชาชนอีกจำนวนมากรอคอย เราอาจจะไม่มีเงินงบประมาณที่จะก่อสร้างทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด แต่ถ้าเรารู้จักบริหารการเงิน กู้ยืมเงินมาในภาวะเช่นนี้ แล้วก็ใช้จ่ายเงินคืนเมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น เราก็จะมีบริการเหล่านี้สำหรับพี่น้องประชาชน แล้วก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีความพร้อมในวันที่เศรษฐกิจโลกมีการขยายตัว หรือฟื้นขึ้นมา
นายก ยัน เลื่อนอาเซียนเพราะผู้นำหลายชาติไม่พร้อม มั่นใจไทยยังเป็นเจ้าภาพงานยักษ์ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงสาเหตุการเลื่อนประชุมผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาหรืออาเซียนบวกสามบวกหกออกไปจากเดือนมิ.ย.ไปเป็นเดือนต.ค.ว่า อยากจะบอกว่าที่จริงแล้วหลายคนเป็นห่วงมากว่าภาพลักษณ์ของประเทศไทยในขณะนี้เป็นอย่างไร เพราะว่ามีการเลื่อนการประชุมอาเซียนบวก 3 บวก 6 ออกไป ซึ่งขอยืนยันว่าที่เลื่อนออกไปเกิดจากการที่ผู้นำหลายประเทศไม่ สะดวกในการที่จะเดินทางมาในช่วงนั้น มี 2-3 ท่านติดเรื่องของการเลือกตั้งภายในประเทศ มีอีก 2-3 ท่านที่ติดกำหนดการที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าในการเดินทางไปต่างประเทศ เพราะต้องยอมรับว่าเราก็ไปนัดหมายกระชั้น เพราะว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อเดือนเมษายน
“แต่อย่างไรก็ตามความร่วมมือของอาเซียนมีต่อไป ในเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ก็ได้มีการประชุมไปแล้ว ขณะนี้มีประเด็นเรื่องของการเมืองในพม่าซึ่งประชาคมโลกเป็นห่วงเป็นใย เราก็มีการประสานงานกันอยู่ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็อย่างน้อยๆครับเราก็ได้เห็นการมีกิจกรรมในทางการต่างประเทศ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้เดินทางมา เป็นพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้มีการกระชับความร่วมมือกันในเรื่องของพลังงานพร้อม ๆ กันไปด้วย”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมของการประชุมหรือกิจกรรมที่เป็นเรื่องของงานระดับนานาชาติก็ยังมี อยู่ ที่เชียงใหม่สุดสัปดาห์นี้จะมีกีฬาในระดับโลก คือเรื่องของการแข่งขันยกน้ำหนักของยุวชน เป็นการคัดเลือก ซึ่งตรงนี้ก็เป็นการยืนยันว่าเรื่องของการที่คนทั่วโลกจะเป็นในวงการอะไรก็แล้วแต่ ยังคงเดินทางมาในประเทศไทยไว้วางใจ เชื่อมั่นในประเทศไทย ยังมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
“ขอให้พวกเราทุกคนนะครับ พี่น้องประชาชนได้รักษาบรรยากาศของบ้านเมืองอย่างนี้ ผมมั่นใจนะครับว่าจะทำให้เราได้รับโอกาสอีกมากมาย มีหลายฝ่ายที่กำลังระดมทำงานกันเรื่องนี้”นายกฯ กล่าว
นายกฯขอบคุณปู่ชัยที่จัดพบปะผู้นำชุมชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ว่า ขอขอบคุณนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาที่จัดให้มีการพบปะกันของผู้นำชุมชน ทั้งท้องที่ ท้องถิ่น ผู้นำทางศาสนา มาทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน
อภิสิทธิ์ รับ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าใจพรบ.คุ้มครองผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว ชี้ แยกออกจากคดีปกติทั่วไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงพ.ร.บ. คุ้มครองผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเพียงพอที่จะเข้าใจกฎหมายดังกล่าวว่า ตนกับเพื่อน ส.ส. ทุกพรรคผลักดันกฎหมายฉบับนี้ และตนก็เข้าไปประสานงานกับองค์กรที่ไปทำงานเรื่องนี้มา ตั้งแต่ก่อนจะมีกฎหมาย จนมีกฎหมายแล้ว
“ประเด็นก็คือมันคงมีไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ สิ่งแรกก็คือว่าในแง่ของสังคมก่อน สังคมเราถ้ามองว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องของเรา อันนี้ต้องยอมรับว่ายังมีความรู้สึกอย่างนี้อยู่ เป็นเรื่องของเขาเราอย่าไปยุ่ง เพราะฉะนั้นกฎหมายที่จะทำงานได้ อันแรกก็คือว่า ถ้าเห็นว่าความรุนแรงเกิดขึ้นต้องสามารถที่จะหาทางที่จะชะลอการรุนแรง อันที่หนึ่ง อันที่สอง ขณะเดียวกันก็ต้องไม่หลงประเด็นไปสุดโต่ง คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวเกิดขึ้นกับคนที่เขามีความสัมพันธ์เป็น พิเศษ ถ้าไปเหมือนกับบอกว่าถ้าไปดำเนินคดีแล้วทำเหมือนกับคดีอาญานี้อันนั้นไม่ใช่ สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราต้องการก็คือในที่สุดแล้วก็กลับไปอยู่กันได้ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น เพราะฉะนั้นกระบวนการที่ควรจะต้องเกิดขึ้นคือพอเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เบื้องต้นคือจะไปลงโทษเขา หาทางทำอย่างไรมาทำความเข้าใจไกล่เกลี่ย ถ้าอารมณ์ยังร้อนกันอยู่ ก็มีบริการอาจจะแยกกันอยู่สักระยะหนึ่งอะไรอย่างนี้ อันนี้คือสิ่งที่ต้องทำ”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ทีนี้ความพร้อมในแง่ของสถานีตำรวจที่จะทำเรื่องนี้ และความเข้าใจของบุคลากรเรื่องนี้ ยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการที่จะสร้างขึ้นมา คือบางแห่งก็มี อย่างจะมีสถาบันที่อยู่ในดอนเมืองอย่างนี้ เขามีความพร้อมของเขาแล้ว เขามีห้องมีอะไรต่าง ๆ แต่ว่าคงไม่ใช่ทุกที่ที่มี อันนี้ก็จะทำความเข้าใจกับทางตำรวจต่อไปว่า เราต้องเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะต้องทำ และจริง ๆ โดยในแง่ของกฎหมายของเราก็ดีขึ้นโดยลำดับ เพราะว่าคดีเด็ก คดีผู้หญิงอะไรต่าง ๆ หลัง ๆ เราก็จะมีกระบวนเฉพาะ กระบวนการพิเศษ แต่ว่าต้องช่วยกันสร้างความตื่นตัว ทั้ง 4 ท่านจะมีบทบาท
เมื่อพิธีกรจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงถามว่าอยากจะฝากบอกอะไรถึงผู้ชาย เรื่องราวเกี่ยวกับการกระทำรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือจริง ๆ ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ไม่ดีอยู่แล้ว แต่นี่คือคนที่เรารัก คนที่เราตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน คนที่เกิดมาจากเรา เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องยิ่งดูแลเป็นพิเศษ และก็จริง ๆ แล้วความรุนแรงก็นำไปสู่ความรุนแรง ความรักก็นำไปสู่ความรัก เพราะฉะนั้นจริง ๆ ตนเชื่อผู้ชายหรือผู้หญิงทุกคนก็อยากจะอยู่ในบรรยากาศของความรัก ความอบอุ่น และถ้าเราให้เขาก่อน เราก็จะได้สิ่งนี้กลับ
“ขอทำความเข้าใจอีกครั้งหนึ่งนะครับว่าจริง ๆ แล้วอย่าไปมองว่าเป็นเรื่องการแจ้งความเพื่อที่จะว่าไปตามปกติ เพราะเราต้องการที่จะแยกกรณีเหล่านี้ออกมา ขอให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจกันอย่างนี้”นายกฯ กล่าว
นายก ชี้โทษย้ายครูขืนใจนักเรียนแลกเกรดเบาไป ชี้ศธ.ต้องเด็ดขาด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถาม4พิธีกรจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงปัญหาคุณครูข่มขืนเด็กแลกกับเกรดว่า อันนี้จริง ๆ แล้วคือต้องลงโทษเด็ดขาด อันนี้คิดว่าเป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว ตนคิดว่าสิ่งที่บางช่วงในอดีตเราสะท้อนใจ คือพอเกิดข่าวนี้ วันรุ่งขึ้นโทษก็คือโดนย้าย
“ผมก็เคยคิดอยู่ในใจว่าแล้วไม่เห็นใจคนที่ย้ายไปที่ในพื้นที่นั้นหรือ เพราะฉะนั้นอันนี้ต้องเด็ดขาดนะครับ เพราะว่าไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไปบรรเทาโทษหรืออะไร และเราต้องพยายามทำให้สถานที่ศึกษาในพื้นที่มั่นใจของผู้ปกครองและเด็กให้ ได้ แต่ผมขอความเป็นธรรมนิดหนึ่งนะครับ พวกนี้ผมจะเคยพูดเป็นระยะๆแต่อย่าไปคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไป เด็กส่วนใหญ่หรือครูส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นไม่ใช่ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย”นายกฯ กล่าว
นายกฯเล็งสร้างพื้นที่สร้างสรรค์แก้ปัญหาเด็กแว๊น-เด็กติดเกมส์ ชี้ ปัญหาแก้ไม่ได้เพราะคนแก้แก่คร่ำครึ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถาม4พิธีกรจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงตอนหนึ่งในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”ถึงปัญหาเด็กแว๊นว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ทั้งนี้รวมทั้งเรื่องยาเสพติดด้วย เพราะเรื่องแบบนี้และยังมีพฤติกรรมอื่นๆ ร้านเกมปกติคนบ่นกันเยอะที่สุด ทีนี้ประเด็นคือว่าแนวจริง ๆ คือเหมือนกับต้องเอาน้ำดีล้างน้ำเสีย
“เพราะฉะนั้น ผมกำลังตั้งใจเอาไว้คือถึงก่อนที่จะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ตั้งใจว่าเดือนพฤษภาคมจะสามารถเริ่มต้นจากการประชุมปฏิบัติการเรื่องการ เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ ซึ่งทำตั้งกายภาพ แล้วก็สื่อและไซเบอร์ด้วย กายภาพคืออยากจะให้มีการสนับสนุนลงทุนเรื่องลานกีฬา แหล่งเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ อะไรต่าง ๆ ลูกหลานเราจะได้ใช้เวลามีสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ที่สิ่งผมเห็นว่าเวลาเราจัดให้เขาจริง ๆ เคยเห็นที่หอศิลป์ของ กทม. พอมีหอศิลป์เห็นไหมครับ ก็มีคนที่สนใจศิลปะ ก็ไป และข้างหน้ามีคนเอาของมาขาย ประเภทของประดิษฐ์เล็ก ๆ น้อย ๆ และมีเด็กวัยรุ่น เขาไปดู เขาก็สนใจ เพราะว่ามันก็มีเสรีภาพในการแสดงออก คือถ้าเรามีของแบบนี้มากขึ้น มีลานกีฬา ตอนหลัง ๆ ก็มีทั้งที่เป็นลานกีฬาใต้ทางด่วนบ้าง แม้กระทั่งเอกชนเองก็ลงทุนในเรื่องสนามกีฬาให้คนไปเช่ามากขึ้น ผมก็สอบถามก็บอกว่าได้รับความสนใจ คือขอให้มันมี เพราะฉะนั้น ถ้าเราเพิ่มตรงนี้ได้ไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ว่าในเมืองใหญ่ ๆ ในต่างจังหวัดด้วย อันนี้ก็จะช่วยได้ด้านหนึ่ง”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า อีกด้านหนึ่งคือ เรื่องของสื่อแบบไซเบอร์ที่ว่า เมื่อสักครู่ก็พูดถึงเรื่องคลื่นสีขาวไป และเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ควรจะเป็นเว็บไซต์ที่ทำให้เด็กได้ประโยชน์ และมีความคิดที่สร้างสรรค์ จะผลักดันเรื่องนี้ต่อ เหตุผลไม่ใช่เฉพาะเรื่องสังคม เป็นเรื่องเศรษฐกิจด้วย เพราะว่าต่อไปเศรษฐกิจจะแข่งขันกันด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่ส่งเสริมให้เด็กมีหัวคิดในการที่จะมีความเป็นอิสระ คิดนอกกรอบบ้าง อะไรบ้าง สนใจเรื่องการออกแบบ คือเรื่องทันสมัย กลายเป็นเรื่องที่ดี ที่สนุกตื่นเต้นสำหรับเขาที่ทำไป ผมว่าอันนี้เป็นคำตอบสำหรับทั้งสังคมทั้งเศรษฐกิจด้วย ก็ตั้งใจว่าจะประชุมเชิงปฏิบัติการ จะมีหน่วยงานที่เขามีเครือข่าย มีงบประมาณอยู่ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เดี๋ยวคนบอก สสส. สุขภาพหรือเปล่า นี่คือสุขภาวะอย่างหนึ่ง และแน่นอนเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดด้วย เพราะฉะนั้น อันนี้เป็นงานในเชิงรุกที่จะต้องทำไป ถ้ารัฐบอกให้ตำรวจคอยไล่จับ ก็ไม่หมดและเราก็รู้ และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องย้อนกลับไปเรื่องของครอบครัว ถ้าครอบครับอบอุ่น พ่อแม่ผู้ปกครองเอาใจใส่ ตนว่าปัญหาก็จะลดลง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความยากในการแก้ปัญหาเยาวชนว่าว่า ความยากนี่ความจริงไม่ใช่อะไรหรอก คือส่วนใหญ่คนทำงานอายุมาก แม้แต่ตน คือเด็กแต่ละรุ่น แต่ละยุค เขามีวิธีคิดแบบของเขา ทีนี้บางทีเราบอกเอาสิ่งดี ๆ ไปหยิบยื่นให้เขา เขามองว่ามันไม่ใช่ เขาไม่สนใจ เหมือนรายการโทรทัศน์ คุณภาพดีมากแต่ว่าคนไม่ดู แล้วจะผสมผสานอย่างไรว่าคนดูด้วย มีคุณภาพด้วย คือหมายความว่าตรงใจกับเด็กเยาวชนด้วย เพราะฉะนั้น บางเรื่องอย่าไปมองว่าความสนุกสนานเป็นเรื่องที่ผิด
“แต่ถามว่าอย่างเรื่องร้านเกม ผมก็บอกว่าจริง ๆ ผมก็เห็นเด็ก แม้แต่ตัวเราพอมีคอมพิวเตอร์ ใช้เวลากับมันมาก เพียงแต่ว่าทำอย่างไรมีขอบเขตเท่านั้นเอง อย่าไปมองว่าเด็กไปเล่นเกม ไม่ดีเสียเลย ไม่ใช่ เขาอาจจะเล่น สมมติว่าวันหนึ่งชั่วโมงหนึ่ง และอีกชั่วโมงหนึ่งใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่สร้างสรรค์ ผมว่าก็ดีนะ ซึ่งลูกของผมอยู่ในวัยที่ใช้คอมพิวเตอร์นะครับ เราก็พยายามจำกัดเวลาเขาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามชี้นำว่า อะไรที่เป็นเรื่องที่ดี ที่สร้างสรรค์ ก็อยากจะส่งเสริม”นายกฯ กล่าว
4 สาวผู้หญิงถึงผู้หญิง ล้วงตับอภิสิทธิ์ นายกฯยัน ไม่ท้อไม่ขี้เกียจ แนะดูแลสถาบันครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงที่ 2รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ทางทีมงานของรายการได้เชิญ 4 พิธีกรจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงทางช่อง 3 มาทำหน้าที่สัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในรายการดังกล่าว
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบคำถาม4พิธีกรจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ถึงการแบ่งเวลาให้กับครอบครัวหรือลูกว่า ก็คงน้อยลง เพราะว่าภารกิจมากขึ้น แต่ว่าตนอยู่การเมืองมาปีนี้ปีที่ 18 แล้วก็ชินแล้ว เพราะลูกสาว 18 ปีพอดี ลูกชาย ตั้งแต่เขาเกิดมา ก็เป็นนักการเมืองมาตลอด เขาก็รู้อยู่แล้วว่าอาชีพนี้เป็นอย่างนี้ ชอบไม่ชอบอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าชินแล้ว อย่างไรก็ตามตั้งแต่เป็นนายกไม่ได้ไปส่งลูกไปโรงเรียนเลย คือเกรงใจคนอื่นเขา เพราะมีการรักษาความปลอดภัย
เมื่อถามว่านายกฯ มี facebook มี Hi5 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงมีทีมงานที่เขาทำ Hi5 มาประมาณเป็นปีแล้ว ตอนนี้ทราบว่ามี facebook ไปโผล่ด้วย แต่ว่าไม่ได้รู้จักคนทำตรงนั้น แต่ตนก็มีเว็บไซต์เฉพาะคือ www.abhisit.org และเปิดช่องให้สามารถเขียน E-mail ส่งความเห็นอะไรต่าง ๆ มาได้ ถือโอกาสขออภัยว่า ตั้งแต่ประมาณต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา จะได้ตอบน้อยมาก แต่ขอยืนยันว่าอ่านทุกฉบับ แต่ว่าไม่ได้ตอบทุกท่าน ส่วนใหญ่ตอนนี้ขอเรียนตรงๆ คือจะเลือกมาเฉพาะเรื่องที่สมมติว่าเป็นเรื่องที่เขามีความเดือดร้อนทุก วันนี้ ก็จำเป็นจะต้องตอบอะไรต่าง ๆ ไป แต่ว่าความเห็นต่าง ๆ อ่านหมด ฟังหมด
เมื่อถามว่าได้ข่าวว่าโทรศัพท์มือถือที่เป็นเบอร์ส่วนตัวก็ยังรับเองอยู่ ไม่มีคนต้องต่อสายผ่านเลย นายกฯ กล่าวว่า ยกเว้นเวลาประชุมนะครับ จะวางไว้ ถ้าไหวก็จะไล่โทร.กลับ ซึ่งวันนึงเยอะ มากแต่ว่าตอนนี้ E-mail น่ากลัวที่สุด เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากเปิด เปิดปั๊บเห็นค้างอยู่ประมาณ 100 กว่า พยายามไล่อ่านไป
เมื่อถามว่าคนเป็นนายกฯ จะผมหงอกก่อน หน้าจะไปก่อนวัยอันควร ตอนนี้ท่านใช้ eye cream หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยัง แต่ว่าก็ดีอย่างคือก่อนหน้านี้ คนเห็นก็ทักกันบอกว่าเด็กไป เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว
เมื่อถามว่าลูกหรือภรรยาจะให้กำลังประโยคไหนที่ท่านฟังแล้วรู้สึกว่ามีกำลังใจมากที่สุด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนว่าของอย่างนี้มันเป็นศิลปะเฉพาะตัว คนเป็นภรรยาก็ต้องพูดแบบหนึ่ง ถ้าเป็นลูกก็พูดแบบหนึ่ง พอไปข้างนอกก็พูดอีกแบบหนึ่ง ทุกคำพูดที่เป็นกำลังใจมีความหมายสำหรับเราอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าระหว่างท่านกับภรรยาใครโรแมนติกกว่ากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แสดงออกไม่เหมือนกัน เมื่อถามว่าบางทีเสาร์-อาทิตย์ต้องมีช่วงเวลาเย็นขอกินข้าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไปถามเจ้าตัวดีกว่า vเมื่อถามว่ากลัวภรรยาหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่กลัวครับ เกรงใจ”
เมื่อถามว่างานยุ่งแบบนี้ท่านมีวิธีดูแลรักษาสุขภาพอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ที่จริงเรื่องสุขภาพ ต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี 1.แทบไม่ได้ออกกำลังเลย ยกเว้นนาน ๆ ทีก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น จัดไปเล่นกีฬาอะไรก็ไปได้ แต่ว่าไม่ได้ออกกำลังสม่ำเสมอ อันนี้ไม่ดี อย่าเอาเป็นตัวอย่าง 2. รับประทานอาหารบางทีไม่เป็นเวลา ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ไม่ดี อย่าเลียนแบบ แต่ว่าบุหรี่ไม่สูบ เหล้ามีบ้าง แต่อาจจะกับอาหารและไม่เมา กับการนอน ตนคิดว่าต้องนอนให้เพียงพอ เพราะจะรู้ตัวเองว่าถ้านอนไม่พอ สมองจะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใด คือสุขภาพจิต ตนจะถือหลักว่า เราทำสิ่งที่เราทำให้ดีที่สุด แล้วก็ทำในสิ่งที่เราเชื่อ และอะไรมันจะเกิดขึ้น หลายอย่างมันไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเรา เพราะฉะนั้นพออะไรที่ไม่อยู่ในความควบคุมของเรา อย่าไปเครียด ต้องปล่อยวาง อ่านหนังสืออยู่บ้าง คือถ้าอะไรที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเรา เราก็ต้องปล่อย แต่อะไรที่เราควบคุมได้ ก็ทำให้ดีที่สุดและผิดพลาดก็เป็นเรื่องปกติ ไช่ไหมครับ ผิดพลาดก็แก้ไข
“ผมพยายามจะไม่มองในแง่บวกเกินไป เอาความเป็นจริง แต่ว่าคนเราถ้าไม่มีความหวัง ก็อยู่ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าหวังลม ๆ แล้ง ๆ เราต้องมีเหตุผลมีอะไรสนับสนุน และขณะเดียวกันทำในสิ่งที่ทำได้ ที่จะให้ความหวังนั้นเป็นจริง แต่ถามว่าถ้าเรามองในแง่ร้าย ในที่สุดทุกอย่างจะแย่ลง ๆ ๆ แต่ดีที่สุดคือมองตามความเป็นจริง คือไม่ประมาท”นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่านายกฯ ท้อบ้างไหมคะเพราะมีหลายมีปะดังประเดรอบด้าน ปัญหาก็ต้องแก้ทุกวัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนว่าการที่มีเวลาว่างน้อย ช่วยได้เยอะ คือจะมีสิงสาราสัตว์อยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้มีสมาธิในการทำสิ่งนั้น บางทีจะบอกว่าอาจจะได้พักจะกังวลนิดหน่อย
เมื่อถามว่ถ้านิยามเป็นคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะคนทั่ว ๆ ไปเราจะเห็นภาพแบบไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ชอบนิยามตัวเอง เดี๋ยวเข้าข้างตัวเอง ต้องไปถามคนอื่นดีกว่า
เมื่อถามว่าเวลาทำงานในระยะเวลาที่ผ่านมา ให้คะแนนตัวเองอย่างไร ถ้านายกฯ ให้คะแนนตัวเองสมมติว่าเป็นเต็ม 10 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บอกแล้วเรื่องการประเมินตัวเอง ไม่ทำ แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่ง ยืนยันได้ 2 อย่าง 1. คือทำงานเต็มที่ เพราะฉะนั้น งานจะหนักอะไรต่างๆ สู้ เพราะถือว่าอาสาตัวเข้ามา จะไม่มีเรื่องไหนที่เป็นปัญหาเพราะตนขี้เกียจ เพราะไม่เอาใจใส่ 2. ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากผลประโยชน์ของส่วนรวม เพราะฉะนั้น ก็จะมุ่งมั่นทำตรงนี้อย่างเดียว ส่วนว่างานนี้สำเร็จไม่สำเร็จอะไรต่าง ๆ อย่าให้ตนประเมิน และให้เป็นเรื่องที่คนอื่นเขาประเมินดีกว่า
เมื่อถามว่าใจสู้เต็มร้อยแน่นอน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “สู้เต็มที่ครับ”
เมื่อถามว่าได้ยินว่าพูดกับสื่อบอกว่าถ้าสมมติวันหนึ่งไม่เป็นนายกฯ จะไปทำรายการพิธีกรข่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาถามว่าถ้าเป็นผู้บริหารสถานีโทรทัศน์หรือไปอยู่ในวงการสื่อจะทำอะไรอย่างไร ตนบอกที่จริงแล้วคงไม่มีความสามารถจะไปทำอย่างนั้นหรอก แต่ในใจถ้าอยากจะทำงานสื่อคืออยากจะได้ทำรายการในเรื่องที่เป็นความรู้ในทาง เศรษฐกิจ การเมือง และให้มันคล้าย ๆ ครบถ้วนรอบด้าน มีหลักวิชาการ มีทุกฝ่ายมาให้ความเห็น และเราสามารถที่จะช่วยคิด ช่วยวิเคราะห์ ให้ได้ ก็อยากจะลองทำเหมือนกัน แต่ตอนนี้ต้องรอก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ก็อยากจะยืนยันว่าจริง ๆ แล้ว ตนทำงานไม่ได้คิดถึงเฉพาะประเด็นเรื่องเศรษฐกิจโตเท่าไหร่ เรื่องการเมือง แต่ว่าที่สุดแล้วตนก็มองว่าชีวิตของคนไทยจะดี ชีวิตของเราแต่ละคนต้องดี ความจริงก็คือเรื่องเล็ก ๆ ที่อยู่ในครอบครัว ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราชอบเรียกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าทุกคนช่วยกัน รัฐบาลก็จะส่งเสริมสนับสนุนเต็มที่ อยากจะเห็นเมืองไทยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยครอบครัวที่อบอุ่น และผมเชื่อว่าถ้าเรามีครอบครัวที่อบอุ่น บรรดาสุภาพสตรีผู้หญิงคงจะมีความสุข และขณะเดียวกันท่านเองก็มีบทบาทสำคัญในการทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้ ก็ถือว่าเรามาทำงานร่วมกัน