xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ยกธรรมะจี้สำนึก “พระพยอม” ปูด “มูลนิธิสวนแก้ว” ไม่ใช่ของวัด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ยก “ธรรมนำหน้า” จี้สำนึก “พระพยอม” ใช้ปัญญาตรึกตรองก่อนฟูมฟาย “วัดสวนแก้ว” ถูก “เสื้อแดง” พ่นพิษจนไร้กิจนิมนต์ แฉ “มูลนิธิสวนแก้ว” ไม่ใช่ของวัด แนะควรไปปฏิบัติธรรมในป่า-เขา อาจมีคุณูปการกับวงการสงฆ์ ยันจ่อเช็คบิล “คนช่อง 11” จัดฉากโฟนอินให้ “นช.แม้ว” หยัน “ม็อบเติมเงิน” โชว์สันดานถ่อยทำลายทรัพย์สินของทางราชการ



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “Good Morning Thailand

รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันที่ 27 มีนาคม 2552 นี้ ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์ และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย โดยนายสนธิ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า เมื่อวานนี้ เวลา 05.55 น. มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเพียง 300 คน รอแล้วรออีกจนได้เงินจนประมาณ 14.00 น. จึงเคลื่อนขบวนไปปิดทำเนียบฯ ก็ขอย้ำว่าเสื้อเหลืองคือธรรมประจำจิต เสื้อแดงคือโลหิตประจำเดือน และขอยืนยันว่าแผนกเทคนิคของช่อง 11 ซึ่งแอบไปช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอิน อีกทั้งยังส่งสัญญาณรบกวนเอเอสทีวี ที่สำคัญตนรู้หมดว่าใครเป็นคนทำ รอเพียงเวลาเช็คบิลเท่านั้น เพราะคนข้างในช่อง 11 เขาทนไม่ไหว จึงเอาข้อมูลมาบอกเรา

“ที่น่าสังเกต คือ ม็อบเสื้อแดงเวลาไปไหนมาไหนไม่สงบ โดยจะเห็นได้จากการเอารถเครนไปยกตู้คอนเทนเนอร์ แล้วทิ้งลงไปในคลอง ไม่เหมือนในสมัยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวน เราจะค่อยๆ ยกรถตำรวจออกไปเพื่อให้เปิดช่องให้คนเดินไปได้เท่านั้น ฉะนั้นการทำลายทรัพย์สิน จึงเป็นพฤติกรรมธรรมดาของม็อบเสื้อแดง และที่ชัดเจน คือ ม็อบเสื้อแดงจึงเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น โดยก่อนหน้าที่กลุ่มเสื้อแดงจะมีการชุมนุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้มีการยื่นญัตติ พ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ โดยเขาระบุว่าความผิดอันใดที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.2549 จนถึงวันที่ 5 พ.ค.2552 ขอให้ยกเลิก ไม่ให้เอาผิด โดยเขาตั้งใจที่จะเอาเข้าไปต่อรองในสภา เพื่อที่เขาจะสามารถทำอะไรก็ได้ แล้วไม่มีความผิด รวมทั้งตำรวจที่ยิงประชาชนก็ไม่มีความผิด” นายสนธิ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า คนเสื้อแดงจะไม่มา ถ้าไม่มีเงินให้เขา ซึ่งพอคนพวกนี้มาแล้วก็มาป่วนบ้านป่วนเมือง เพื่อเป็นเครื่องต่อรองเรื่องกฎหมายปรองดองแห่งชาติ เปรียบเสมือนการกล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ว่าเป็นตัวการโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่สำคัญเมื่อวานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใจร้อน จึงรีบโฟนอินเข้ามาว่าจะเปิดโปงรายชื่อคนที่โค่นล้มระบอบทักษิณ ฉะนั้น ตนคิดว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจึงไม่ควรตอบโต้ และถ้าตนเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ก็จะยอมรับว่าเป็นคนปฏิวัติ เพราะตั้งใจที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น

“แทนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ปฏิวัติแล้วกลับทำให้ประเทศเลวลง เพราะเมื่อยึดอำนาจมาแล้วกลับไม่จัดการกับสิ่งชั่วร้าย และไม่ยอมปฏิรูปการเมือง พล.อ.สนธิ จึงต้องเจอกับสถานการณ์อย่างทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ในวันปฏิวัติ พล.อ.สนธิ สามารถที่จะใช้อำนาจ โดยให้ปัญญากับประชาชน แต่คนรอบข้างกับเห็นแก่เงิน จึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ประกอบกับไปตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ไปประนีประนอมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คืออสูร ซึ่งถูกขับไล่ไปจากแผ่นดิน เพราะไปปล่อยให้เขาเติบโต กลับกัน ผมสู้เพื่อประเทศชาติด้วยตัวของผมเอง โดยผมโดนไปแล้วไม่รู้กี่คดี รวมทั้งแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งโดนฟ้องร้อง ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ฉะนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จะต้องอายพวกเรา เพราะพวกทำเพื่อชาติบ้านเมือง” นายสนธิ ระบุ

ส่วนกรณีที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ไปช่วยงานทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยนั้น นายสนธิกล่าวว่า นายจิรายุไม่ใช่สื่อมวลชนเลยสักนิดเดียว วันนี้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว โดยไปช่วยงานโฆษกพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังประกาศว่าจะลงสมัคร ส.ส.แข่งกับนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ในพื้นที่ กทม. แล้วอีกนานไหมที่เราจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นอกจากนี้ พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ซึ่งเคยออกมาเทศน์ว่าไม่อยากให้คนเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เพราะใช้คำหยาบคาย ซึ่งตนเคยขึ้นเวทีเตือนสติพระพยอม จึงโดนพี่น้องพันธมิตรฯ ตำหนิเอา

“แต่วันนี้อยากให้ฟังผมสักนิดหนึ่งว่า ที่พระพยอมออกมาพูดว่าเกิดผลกระทบต่อวัดสวนแก้ว เนื่องจากเปิดพื้นที่ให้กลุ่มเสื้อแดงชุมนุม จึงถูกยกเลิกงานเทศน์ เพราะคนที่จัดงานบุญกลัวว่าจะถูกคนเสื้อเหลืองสุดโต่งต่อต้านนั้น ความเป็นจริงแล้ว ศรัทธานั้นมาจากใจ และการที่คนเขายกเลิกงานเทศน์นั้นไม่ใช่เพราะเสื้อเหลืองไปต่อต้าน เพราะคนเสื้อเหลืองไม่เคยไปทะเลาะกับพระ หรือไปทะเลาะกับใคร ถามว่าแล้วถ้าคนเสื้อแดงศรัทธาต่อพระพยอม จริงๆ แล้วทำถึงไม่ไปนิมนต์ท่าน” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้พระพยอมยังเรียกร้องว่ารายการของท่านซึ่งออกอากาศทางเอ็นบีที แต่ถูกปลดออกจากผังรายการในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยท่านระบุว่าจะรอดูว่าทางรัฐบาลจะเอารายการดีแค่ไหนมาเสียบแทน การพูดเช่นนั้น เหมือนท่านไม่ใช่พระ เพราะยังมีอัตตาเต็มตัว แถมพระพยอมยังพูดถึงผลกระทบที่มีอย่างมากมาย โดยอ้างผลกระทบว่ายังมีทั้งเด็กกำพร้า คนชรา และคนตกงาน อยู่ที่วัดสวนแก้ว อีกทั้งยังมีค่าน้ำค่าไฟอีกเดือนละ 3 ล้านบาท ไม่ทราบว่าท่านมุสาวาทาหรือไม่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คน 1,400 ชีวิต จะใช้ค่าไฟฟ้าถึง 3 ล้านบาท

“ถ้าวัดสวนแก้วไม่มีคนนิมนต์พระคุณเจ้าไปเทศน์ หรือไม่มีคนเอาของไปบริจาคเหมือนแต่ก่อน ก็ขอให้ท่านใช้ปัญญาตรึงตรองดูว่า คนที่เอาของไปบริจาคนั้นเป็นใคร 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นคนใส่เสื้อเหลืองทั้งสิ้น ซึ่งเขาเหล่านั้นยึดถือในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เมื่อเขาเห็นพระคุณเจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เขาจึงไม่อยากเสียเงินเสียทองไปอุดหนุนวัดพระคุณเจ้า ที่สำคัญมูลนิธิสวนแก้วนั้น ไม่ใช่เป็นของวัดสวนแก้ว แต่ของพระคุณเจ้าเอง แล้วใช้ผู้หญิงคนหนึ่งไปบริหาร โดยเงินทั้งหมดไม่ได้เข้าวัด แต่เข้ามูลนิธิ ซึ่งขึ้นอยู่กับมูลนิธิว่าจะจ่ายให้กับวัดเท่าไหร่ อีกทั้งสิ่งของที่คนบริจาคมานั้น ก็มีการเอาไปซ่อมแซม แล้วเอาไปขายต่อให้ซาปั๊ว และวันนี้ผมไหว้ผ้าเหลือง ไม่ได้ไหว้พระคุณท่าน” นายสนธิ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ที่น่าสนใจ คือ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2551 พระคุณเจ้าออกอากาศรายการกรองสถานการณ์ ซึ่งท่านออกมาสนับสนุนให้มีการตั้งบ่อนกาสิโน ซึ่งเป็นอบายมุข จากนั้นเดือน มิ.ย.51 พระคุณเจ้า ระบุว่าไม่อยากให้เด็กไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เพราะใช้คำหยาบในการปราศรัย นอกจากนี้ ในวันที่ 11 พ.ย.51 พระคุณเจ้าได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ว่า อาตมาจะยกวัดสวนแก้วให้กับรายการความจริงวันนี้สัญจรในวันที่ 23 พ.ย.51 พร้อมกับระบุว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีวุฒิภาวะพอที่จะไม่พูดอะไรที่จะทำให้วัดพัง

นายสนธิกล่าวอีกว่า ยังไม่ทันพ้น 4 เดือน คำพูดของพระคุณเจ้า ตรงหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะข้อความที่ว่า “จะได้รู้ว่าบวชนาน สอนนาน เทศน์นาน ยังเป็นอย่างนี้ จะได้เลิกเทศน์เสียที แล้วหันไปอยู่ป่าอยู่ดง เพราะโง่จัดงานให้วัดพัง เปิดกิจกรรมให้วัดเสียหาย ทำให้วัดเสื่อมศรัทธา จะอยู่ไปทำไม ก็น่าจะหยุดดีกว่าหากทำแล้วเป็นแบบนี้ ซึ่งอาจเป็นการดี เพราะเวทีนี้อาจจะพิสูจน์ได้ว่า อาตมาเริ่มโง่แล้วนะ อย่าไปเที่ยวสอนใครเขา หรือยังจะสอนได้อยู่ เพราะไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร”

“พระคุณเจ้า ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว กระผมบวชเรียนมาน้อยกว่าพระคุณเจ้ามาก แต่จิตของผมเป็นพุทธะ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ยึดติดกับความชั่ว เพราะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ผมแยกแยะถูก และใช้ธรรมนำหน้าในการต่อสู้ พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมกราบอย่างสนิทใจนั้น เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ไม่เคยออกมาโฆษณาชวนเชื่อวัดของครูอาจารย์เลย มีแต่ใช้ธรรมนำหน้า และปฏิบัติธรรมตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยวันที่ผมออกมาสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านบอกว่าให้ผมเอาธรรมนำหน้าแล้วจะชนะ ผมจึงเอาธรรมนำหน้ามาโดยตลอด แต่พระคุณเจ้าไม่เข้าใจว่าธรรมนำหน้านั้นคืออะไร และผลที่เกิดขึ้นนั้น ทำไมพระพยอมซึ่งบวชมานาน ถึงไม่หลักธรรมลองตรองดูว่า เหตุเกิดเพราะตัวพระคุณเจ้า บางทีหากพระคุณเจ้าไปอยู่ในป่า อยู่ในดอย แล้วปฏิบัติธรรมจริงๆ ก็อาจจะมีคุณูปการกับวงการสงฆ์ หรือกับตัวพระคุณเจ้าได้” นายสนธิ ระบุ





กำลังโหลดความคิดเห็น