“พระพยอม” ให้สัมภาษณ์ผ่าน “บางกอกทูเดย์” ย้ำยังเป็นพระไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเสมอ วอนทุกฝ่ายตั้งอยู่ในทางสายกลาง ครวญแค่ให้เสื้อแดงก่อม็อบในวัดเท่านั้น แต่กลับถูกกล่าวหาเป็น “พระจีวรแดง” ทำให้งานรับนิมนต์หดหาย แถมถูกถอดรายการสอนธรรมะออกจาก NBT เชื่อถูกกลั่นแกล้งจากภาครัฐ ขู่เตรียมทิ้งบอมบ์เตือนสติรัฐบาล อ้างถูกคนเสื้อเหลืองดูถูก เหยียดหยาม แถมรุมยำ ผู้มาร่วมบุญกับวัดสวนแก้ว จนทุกวันนี้ขาดรายได้อาจถึงขั้นต้องปิดวัด
พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัด นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2552 โดยระบุว่า สงครามแบ่งสีระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลือง และเสื้อแดง ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ได้ส่งผลกระทบต่อวัดสวนแก้วเป็นอย่างมาก
โดยเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มต้นมาจากเมื่อทางวัดสวนแก้ว ได้เปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนเสื้อแดง เข้าไปปราศรัยในวัดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมานั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง เป็นอย่างมาก ทำให้ส่งผลกระทบตามมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ตัวของพระพยอมเองที่ต้องถูกยกเลิกงานเทศน์ในหลายพื้นที่ ด้วยเพราะเจ้าภาพงานบุญต่างๆ ไม่กล้านิมนต์ไป ด้วยกลัวจะถูก “คนศรัทธาเสื้อเหลืองสุดโต่ง” ต่อต้าน รวมไปถึง “โลกวันนี้มีธรรมะกับพระพยอม” ก็ถูกปลดออจากผังรายการโดยฝีมือของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งในส่วนนี้พระพยอมกล่าวว่า คงจะต้องรอดูอีกสักระยะว่าทางรัฐบาลจะนำรายการใดมาออกอากาศแทน ซึ่งหากเป็นรายการที่ไม่สร้างสรรค์ก็คงต้องมีการทิ้งบอมบ์เพื่อเตือนสติรัฐบาลบ้าง
พระพยอมกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ผลกระทบที่ได้รับมีมากมาย เนื่องจากทางวัดสวนแก้วมีกว่า 1,400 ชีวิตที่ต้องดูแลช่วยเหลือ มีทั้งเด็กกำพร้า คนชราและคนตกงาน ค่าน้ำค่าไฟเฉลี่ยก็สูงถึงเดือนละ 3 ล้านบาท เมื่อถูกยกเลิกงานก็เป็นธรรมดาที่ต้องกระทบ กับคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัดสวนแก้ว และกล่าวด้วยว่าหากยังเกิดการแตกแยกอย่างนี้เรื่อยไปก็คงต้องทำการปิดวัดสวนแก้ว ให้คนงานออก ปล่อยทุกชีวิตไปตามยถากรรม
ส่วนหนึ่งของบทความยังได้นำเสนอคำสัมภาษณ์ของพระพยอมที่กล่าวว่ารู้สึกสลดใจกับการกระทำของกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่สุดโต่ง ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ช่วยเหลือเด็กที่หาเงินทุนไปศึกษา
“สิ่งที่สลดใจที่สุด คือ คนรักเสื้อเหลืองสุดโต่งดูถูกเหยียดหยาม ไม่ช่วยเหลือเด็กที่นำของไปขายเพื่อเป็นทุนการศึกษา เด็กไม่มีทุน ของก็ขายไม่ได้ เวลานี้เลยขอหยุดไม่รับเทศน์ที่ไหนเลยเพราะสงสารเจ้าภาพ เพราะเชิญไปแล้วคนในชุมนุมหรือในโรงเรียนเกิดความไม่พอใจ เจ้าภาพก็โดนรุมยำ และว่าอาตมาใช้วิธีออกบิณฑบาตแต่เช้า ไม่มีใครโดนว่า อยากจะทำบุญก็ทำ ไม่อยากทำหรือไม่ชอบอาตมาก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครมาโดนรุมต่อว่าแทนอาตมาด้วย แต่บางครั้งออกไปในบางพื้นที่ก็โดนคนรักสีเหลืองหัวเราะเยาะแถมถากถางให้ใส่จีวรสีแดง”
พระพยอมกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันคนในสังคมสุดโต่งจนเกินไป ไม่รู้จักแยกแยะ ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้สังคมก็คงมีแต่จะแย่ลง พร้อมยืนยันด้วยว่าโดยส่วนตัวแล้ว ยังยึดตามทางสายกลางและไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด “คนไทยเดี๋ยวนี้สุดโต่งเกินไป รักสีแดง รักสีเหลือง รักสีไหนก็ต้องเดินทางสายกลาง สังคมถึงจะไปรอด คนไทยแบ่งแยกกันสุดโต่ง ไม่แยกแยะ อาตมาเคยบอกว่า พื้นที่วัดสวนแก้วสีไหนก็มาใช้บริการได้ แต่สีเหลืองปฏิเสธอาตมาไม่ขอใช้พื้นที่ ด้วยเหตุผลว่า ไปก็โง่ กดดันรัฐบาลไม่ได้ เพราะเหตุนี้เขาจึงเลือกไปดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ”
ในช่วงท้าย พระพยอมได้ฝากให้ทุกฝ่ายหันมาเดินสายกลาง ไม่ให้แบ่งแยกกันแบบสุดโต่ง เพราะจะยิ่งทำให้สังคมและประเทศมีแต่แย่ลง “อาตมาอยากให้สีเหลือง สีแดง เดินทางสายกลาง อย่าเลือกข้างกันจนหัวทิ่มหัวตำ เพราะไม่มีประโยชน์ เด็กในวัดสวนแก้วไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดพื้นที่ให้คนเสื้อแดงเข้ามาใช้ปราศรัย อย่าแบ่งข้างจนไม่แยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร” พระพยอมกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่ออ่านบทสัมภาษณ์ (ฉบับเต็ม) ของพระพยอม กัลยาโณ