“วิภาคแห่งพากษ์” หน้า 3 มติชน เจ้าเก่า ออกอาการดันเต้า “หมวดเจี๊ยบ” ออกนอกหน้า อ้างเป็นทีเด็ดของกลุ่ม “คนรักแม้ว” นอกเหนือจาก 3 หัวขวด “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” ที่จะช่วยดึงเรตติ้ง “ดีทีวี” ให้พุ่งกระฉูด เทียบเท่า ASTV
คอลัมน์ “วิภาคแห่งวิพากษ์” ในหน้า 3 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552 ได้นำเสนอวิเคราะห์เรื่อง กรณี ของ “หมวดเจี๊ยบ” หินลองทอง คมแหลม ต่อทหาร ทหาร ยุค ผบ.“อนุพงษ์” โดยมีเนื้อหาในเชิงชื่นชมต่อสถานีโทรทัศน์ “ดี สเตชั่น” ของกลุ่มผู้ปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยหนีคุก ที่รวมตัวกันในนามคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการที่ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต จะไปจัดรายการที่ ดีสเตชั่น ทำให้เรตติ้งความน่าสนใจของทีวีของกลุ่มคนเสื้อแดงพุ่งขึ้นมาเทียบเท่าเอเอสทีวีทันที
บทวิเคราะห์ดังกล่าว อ้างว่า เดิมทีนั้น นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ก็เป็นแม่เหล็กที่สามารถดึงคนไปร่วมชุมนุมอย่างล้นหลามที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และที่สนามศุภชลาศัย ได้อยู่แล้ว และการที่ พระพยอม กัลยาโณ มาร่วมจัดรายการ ก็ได้สร้างอาการกระเพื่อมไหวในทางการเมืองอย่างมาก ยิ่งเมื่อ ร.ท.หญิงสุณิสา จะมาจัดรายการ ทำให้เรตติ้งของ ดี สเตชั่น พุ่งกระฉูดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เขียนคอลัมน์ยังได้แสดงออกถึงการปกป้องหมวดเจี๊ยบ ในเชิงว่า การไปจัดรายการที่ ดีสเตชั่น ไม่น่าจะมีความผิด ด้วยการนำไปเปรียบเทียบกับกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลชุดก่อน ถึงขั้นที่สื่อมวลชนบอกว่า เป็นรัฐประหารเงียบ ขณะที่หมวดเจี๊ยบจะไปร่วมจัดในฐานะคนคุ้นเคยกัน และยังทำนอกเวลาราชการอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม “วิภาคแห่งวิพากษ์” ไม่ได้พูดถึงประเด็นการทำผิดวินัยของหมวดเจี๊ยบตั้งแต่ขาดงานไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อมาเขียนหนังสือ “ทักษิณ Where are you” รวมทั้งกรณีการไปร่วมแถลงข่าวกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา แต่ไปโกหกว่าได้รับอนุญาตแล้ว
ผู้เขียนคอลัมน์ สรุปลงท้ายทำนองว่า การกระทำของหมวดเจี๊ยบเป็นเรื่องที่งดงาม แต่การที่ ดีสเตชั่น เป็นของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ทำให้กองทัพไม่เห็นดีเห็นงามด้วย
ทั้งนี้ เป็นที่เข้าใจกันว่า ผู้เขียนคอลัมน์ “วิภาคแห่งวิพากษ์” คือ นายเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการบริหารเครือมติชน ซึ่งได้ใช้ข้อเขียนของตัวเองในการปกป้อง แก้ต่าง หรือโจมตีฝ่ายตรงข้าม ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตลอด เนื่องจากสายสัมพันธ์ที่นายเสถียรมีกับคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยเข้าป่าด้วยกันในช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
-------------------------
กรณี ของ “หมวดเจี๊ยบ” หินลองทอง คมแหลม ต่อทหาร ทหาร ยุค ผบ.“อนุพงษ์”
วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11276 มติชนรายวัน
หาก ดี สเตชั่น ทีวีดาวเทียมมีเพียง นายวีระ มุกสิกพงศ์ มีเพียง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และมีเพียง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
คงไม่น่าสนใจอะไรมากนัก
แม้ครั้งหนึ่ง 3 คนนี้จะเป็นเหมือนแท่งแม่เหล็ก ซึ่งสามารถดูดคนเรือนแสนสวมเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุม “ความจริงวันนี้สัญจร” ที่สนามกีฬาราชมังคลาสถาน
แม้ครั้งหนึ่ง 3 คนนี้แทบจะทำให้สนามศุภชลาศัยแตก
กระนั้น 3 คนนี้ก็เสมอเป็นเพียงสีสันอันแสดงต่อเนื่องของ พรรคไทยรักไทย ความต่อเนื่องของ พรรคพลังประชาชน
พรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกยุบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550
พรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกยุบเมื่อเดือนธันวาคม 2551
พลันที่มีเงาร่างของ พระพยอม กัลยาโณ ปรากฏขึ้น ปฏิกิริยาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ก่อให้เกิดอาการกระเพื่อมไหวในทางการเมือง
ขณะเดียวกัน พลันที่มีข่าวว่า หมวดเจี๊ยบ จะเป็นพิธีกรและร่วมจัดรายการกับ ดี สเตชั่น ด้วยคนหนึ่ง
ครานี้แหละ ดี สเตชั่น ก็เรตติ้งพุ่งกระฉูดเทียบได้เอเอสทีวีขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ต้องยอมรับว่า ปฏิกิริยาจากฟากรัฐบาลทำให้สถานะของ ดี สเตชั่น เป็นสถานะอันร้อนแรงอยู่ในความสนใจของประชาชน
เห็นกันง่ายๆ ก็คือ สามารถเป็นข่าวหน้า 1 ได้อย่างต่อเนื่อง
นักข่าวนำเอาคำถามอันเกี่ยวกับ ดี สเตชั่น ไปเสนอต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปจ่อที่ริมฝีปากช่างจำนรรจาของ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
ยิ่งกว่านั้น กระทรวงมหาดไทยยังประกาศที่จะติดตามอย่างใกล้ชิด
ยิ่งกว่านั้น รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังกำชับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกมาตรการหนึ่ง
แต่ที่มากด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อต้านกลับเป็นกรณีของ หมวดเจี๊ยบ
คำประกาศจัดรายการของ หมวดเจี๊ยบ ทำให้กองทัพบกเกิดแรงกระเพื่อมไม่เพียงแต่ระดับโฆษกเท่านั้น หากแต่สำนักงานเลขานุการ หากแต่แม้กระทั่งผู้บัญชาการทหารบกก็ออกมาแสดงความเห็น
ขณะเดียวกัน ก็นำไปสู่ภาพเปรียบเทียบการแสดงออกทางการเมืองไม่ว่าจะของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่ว่าจะของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์
ขณะที่ หมวดเจี๊ยบ เสมอเป็นเพียงแสดงตัวออกมาเพื่อจะไปร่วมจัดรายการกับ ดี สเตชั่น ในฐานะคนคุ้นเคยกัน ทั้งยังทำนอกเวลาราชการอีกด้วย
แต่กระบวนการต่อต้านจากบุคลากรภายในกองทัพบกก็ประสานเสียงออกมาราวกับมาร์ชกองทัพบกก็มิปาน
ขณะที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ แต่งเครื่องแบบเรียกร้องให้ทหารเอ๊กเซอร์ไซส์
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร่วมกับ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ออกโทรทัศน์เสนอให้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง
ราวกับไม่รับรู้ว่า นายกรัฐมนตรี เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยที่สื่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษต่างประสานกันพาดหัวข่าวว่า นั่นเป็นปฏิบัติการในลักษณะ “รัฐประหารเงียบ” ของ ผบ.ทบ.
กลับไม่เคยมีใครรู้ร้อนรู้หนาว
ราวกับทุกฝ่ายจะลืมไปแล้วว่า มาตรา 6 ของพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2503 มีเนื้อความว่าอย่างไร
แต่หมวดเจี๊ยบร่างบอบบางออกมาเคลื่อนไหวกลับเดือดร้อนกันทั้งกองทัพ
ในทางส่วนตัว เมื่อเจี๊ยบว่างามก็ว่างามไปตามเจี๊ยบได้ แทบไม่มีอะไรขัดเขิน
แต่เพราะว่า ดี สเตชั่น สัมพันธ์กับ กลุ่มเสื้อแดง และสามารถโยงยาวไปยัง พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ความงามของเจี๊ยบจึงหมดความหมายสำหรับชายชาติทหาร
เรื่องนี้แม้เจี๊ยบว่างาม ก็มิอาจว่างามไปตามเจี๊ยบได้อย่างเด็ดขาด
ที่มา : http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01col01230152§ionid=0116&day=2009-01-23