xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ควัก 50 ล้านโยนลิ่วล้อ ตั้ง DTV สู้ ASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกที่สามารถทุ่มเงินให้บริวารตั้งสถานีโทรทัศน์เพื่อทำข่าวปกป้องตัวเอง
“ทักษิณ” โยนเศษเงิน 50 ล้าน ให้ “4 ลูกสมุน” ตั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม DTV ตั้งเป้าเสนอข่าว 24 ชั่วโมง แข่งกับ ASTV หวังใช้เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อให้ระบอบทักษิณ คาดเปิดตัวได้ภายใน ม.ค.นี้

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ตั้งขึ้นมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังหนีโทษจำคุกอยู่ในต่างประเทศ ได้ร่วมกันดำเนินการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องใหม่ มาประมาณ 1-2 เดือนแล้ว โดยใช้ชื่อว่า DTV ซึ่งจะจัดตั้งเป็นรูปแบบทีวีดาวเทียม 2 ระบบ คือ ระบบจานใหญ่กับระบบจานเล็ก ซึ่งจะทำให้ผู้รับชมที่มีจานดาวเทียมทุกประเภทสามารถดูได้ทันที โดยไม่จำกัดว่าจะต้องซื้อจานดาวเทียมจาก DTV เท่านั้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า รูปแบบของรายการทีวีช่องดังกล่าวจะเป็นสถานีข่าว 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นข่าวการเมืองเป็นหลัก ซึ่งจะคล้ายกับรูปแบบของสถานีโทรทัศน์อัลญาซีเราะห์

สำหรับทีมงานนั้นจะเป็นทีมงานมืออาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากสถานีโทรทัศน์ ไอทีวีเดิม ทั้งในส่วนของทีมโปรดิวเซอร์ กองบรรณาธิการ รวมทั้งผู้ประกาศข่าวบางคน ที่จะเข้ามาร่วมกันฟอร์มทีม โดยจะทำให้แตกต่างจากครั้งเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม PTV ที่ใช้ทีมงานหน้าใหม่เป็นส่วนใหญ่

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า การดำเนินการครั้งนี้ มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากคดียุบพรรค อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายอดิศร เพียงเกษ และ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ช่วยเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวด้วย

สำหรับเงินลงทุนในการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า ได้รับเงินการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงเกือบ 50 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการวางระบบเครือข่ายดาวเทียมรวมถึงการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ของสถานีด้วย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทดสอบสัญญาณ และการดำเนินการทางเทคนิค โดยได้มอบหมายให้ผู้ชำนาญการเป็นผู้รับผิดชอบ ในเรื่องนี้ ขณะที่ตน นายณัฐวุฒิ และนายจักรภพ จะคอยช่วยดูแล ทั้งนี้ หลักการเบื้องต้นนั้นจะเป็นทีวีดาวเทียมที่รับชมได้ทั่วโลก เพียงแค่มีจานดาวเทียม และคาดว่า จะสามารถเปิดตัวได้ภายใน 1-2 เดือนนี้

ด้าน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยทีมงานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางนั้น ขณะนี้กำลังทดสอบด้านเทคนิค เช่น การออนไลน์สัญญาณต่างๆ ซึ่งจะสามารถออกอากาศได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่จะเปิดตัวได้ภายใน เดือน ม.ค.นี้ ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้มาก แต่ยืนยันว่า สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวจะเป็นของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย มีเนื้อหาและข่าวสารด้านการเมืองเป็นหลัก โดยมีจุดยืนคือ ส่งเสริมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถเปิดเผยชื่อสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องดังกล่าว ได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้สัญญากับทีมงานไว้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะแจ้งให้ทราบตอนที่เปิดตัวภายในเดือน ม.ค.นี้อย่างแน่นอน

ส่วนทีมงานที่มาร่วมงานนั้นเป็นพนักงานของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม PTV เดิม หรือเป็นทีมงานใหม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่มาร่วมงานกัน ส่วนกรณีทีมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เงินทุนก้อนหนึ่งเพื่อจัดตั้งสถานีนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่ถ้าหากมาจาก ASTV เมื่อสถานีช่องดังกล่าวออกอากาศแล้วก็จะให้ประชาชนวัดว่าจะเลือกสนับสนุนช่องไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ DTV นั้น เป็นของบริษัท ดีทีวีเซอร์วิส หรือชื่อเดิมคือ บริษัท ชิน บรอดแบนด์ อินเตอร์เนต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยมีบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ด้วย

นอกจากนี้ ยังถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปรากฏการณ์ “สื่อเทียม” จะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เคยเกิดเมื่อปี 2549 ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกกระแสขับไล่อย่างหนักจากพันธมิตรฯ จึงมีการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอ็มวีที รวมทั้งเว็บไซต์ข่าว รีพอตเตอร์ดอตคอมขึ้นมา เพื่อเปิดแนวรบด้านสื่อ แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกยึดอำนาจเสียก่อนเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 หลังจากนั้น ไม่นานมีความพยายามตั้งสถานีโทรทัศน์ข่าวผ่านดาวเทียม PTV ขึ้นมา โดยกลุ่มของ นายวีระ มุสิกพงศ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งการตั้ง DTV ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะการดำเนินงานเป็นที่ชัดเจนว่าถูกกำหนดโดยกลุ่มการเมืองที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อนให้ตนเองหลุดพ้นจากคดีทุจริต ดังนั้น ผู้ชมย่อมจะมองออกว่า การทำข่าวจะเป็นไปเพื่อรับใช้ใคร
กำลังโหลดความคิดเห็น