"อภิสิทธิ์" ย้ำหน่วยงานด้านความมั่นคงจัดการเว็บหมิ่นสถาบันฯ ตามหลักสากล พร้อมให้ ผบ.ตร.ดำเนินการอาผิดกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้กำลัง และผิดกฎหมาย ด้าน"สาทิตย์" ชี้แกนนำ นปช. ออนแอร์ ดีทีวี เน้นเนื้อหาการเมืองได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และให้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก อย่าสร้างความแยกแยก "พงศ์เทพ" ออกโรงป้อง นายใหญ่ไม่ได้ชักใยจัดตั้งดีทีวีล้มรัฐบาล อ้างแค่อยากแสดงความเห็น ยอมรับถูกทาบทามให้ไปนั่งจ้อด้วย ยัน"ลูกโอ๊ค" ช่วยผู้สมัครหาเสียงไม่ใช่นอมินีพ่อ แต่คิดได้เอง
วานนี้ (9 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำถึงการจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯว่า ขณะนี้การประสานงานกับผู้ที่ทำงานด้านนี้จะดีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ได้มีการประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคง โดยขอให้ใช้หลักเสรีภาพที่ควรจะกระทำ เนื่องจากต้องยึดหลักที่เป็นมาตรฐานสากล ในด้านสิทธิเสรีภาพ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ง่ายที่จะแยกแยะเรื่องต่างๆ
ส่วนกรณีของผู้ที่ก่อความวุ่นวาย หรือคดีความต่างๆนั้นก็ให้แยกดำเนินการมาก่อน เช่น กรณีการทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ก็ให้ตำรวจดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ถ้าความผิดใดที่เกี่ยวกับการเมือง ก็อาจจะต้องมาพิจารณาดูด้วยความเข้าใจในสภาพแวดล้อมของปัญหา ในส่วนของการทำลายทรัพย์สิน หรือร่างกายนั้น ย้ำเลยว่าไม่ใช่ว่าไปเจาะจงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมจะเปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ในชื่อ"ดีทีวี"นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆว่า ถ้าไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถทำได้
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กลุ่มนปช. เตรียมจะเปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม "ดีทีวี" ที่จะเน้นเฉพาะข่าวการเมือง ว่า การดำเนินการเรื่องเคเบิลทีวี หรือทีวีผ่านดาวเทียม ต้องมีขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งเวลานี้มีบางช่องเปิดดำเนินการไปแล้ว ก็ต้องดูว่าขั้นตอนจดทะเบียนเริ่มต้น และการแพร่สัญญาณกระจายภาพเป็นอย่างไร ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่ทำได้
ส่วนเรื่องเนื้อหาที่หลายคนเป็นกังวล คิดว่าต้องให้มีการแพร่ภาพกระจายเสียงก่อน โดยจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลอยู่แล้ว รัฐบาลคงไม่สามารถห้ามอะไรได้ ถ้าเขาทำในกรอบของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลว่าจะกระทบกับรัฐบาล เพราะบรรยากาศการเมืองต้องเสรี แต่ว่าต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าไปกระทบเรื่องสิทธิส่วนบุคคล คนที่ถูกกระทบก็มีสิทธิที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายได้อยู่แล้ว
"แต่หลักสำคัญเหนืออื่นใดคือ ต้องคิดเสมอว่า ประเทศเวลานี้ต้องการความสงบเรียบร้อย ความสามัคคี เราก็ไม่อยากเห็นรายการที่ทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาในบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นสำนึกของคนไทยทุกคน ฉะนั้นถ้าจะทำขึ้น ผมคิดว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ถ้าหากท่านทำอะไรไปก็อยากให้คิดถึงว่า ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมต่อบ้านเมืองด้วย ทางรัฐบาลคงไม่ไปตัดสิทธิใคร ถ้าหากเขาทำตามกฎหมาย ทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้คิดถึงความสงบของบ้านเมืองเป็นหลัก" นายสาทิตย์กล่าว
พงศ์เทพ’ปัด'แม้ว'ชักใย DTV
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะโฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เงิน 50 ล้านบาทในการตั้งสถานีโทรทัศน์ ดีทีวี เพื่อใช้เป็นหัวหอกในการโค่นล้มรัฐบาลว่า เรื่องนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้ง ดีทีวี
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าได้รับการทาบทามจากแกนนำ นปช.ให้ตนไปเป็นพิธีกรในรายการ โดยรูปแบบคงไม่เหมือนกับ เอเอสทีวี (ASTV) คือ อยากบอกว่าไม่ใช่การปลุกระดม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้รูปแบบรายการก็ยังไม่มีความชัดเจน ยังต้องมีการหารือกันอีก
นายพงศ์เทพ กล่าวด้วยว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฝากให้ตนสวัสดีปีใหม่คนไทยทั้งประเทศให้ด้วย สำหรับการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หาเสียงของ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ใช่เพื่อเป็นตัวแทนของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะนายพานทองแท้ โตแล้ว สามารถคิดเองได้
ด้านนายนพดล ปัทมะ ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้าย ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินหรือทราบว่ามีการทุ่มเงินเพื่อก่อตั้งสถานีดาวเทียมดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าการก่อตั้งทีวีดาวเทียมนั้น น่าจะมีผู้สนับสนุนจำนวนมากที่เคยเป็นผู้สนับสนุนรายการความจริงวันนี้ เมื่อถูกรัฐบาลชุดนี้กีดกันไม่ให้ออกอากาศ ประชาชนจึงผลักดันให้ทีวีช่องนี้เกิดขึ้น
ชี้"ดีทีวี"กระบอกเสียงนปช.
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ต้องการความปรองดองและช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆ ของบ้านเมือง จึงอยากให้ทุกฝ่ายลดการกระทำที่จะทำให้เกิดปัญหาหรือความขัดแย้งขึ้นในสังคม
การที่กลุ่มนปช.ประกาศตั้งสถานีโทรทัศน์ดีทีวีนั้น ก็เพื่อตอบโต้กับสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะในขณะนี้ เอเอสทีวี ก็ยังสามารถออกอากาศโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งพรรคเพื่อไทยได้อยู่ทุกวัน
" กลุ่มนปช.คงมีความจำเป็นที่จะต้องมีกระบอกเสียงของตัวเองไว้ชี้แจงในประเด็นต่างๆเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือ ทุกฝ่ายควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างยังตอบโต้กันไปมาโดยใช้สื่อที่มีอยู่ในมือ จะยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์ยิ่งบานปลาย และอาจรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายยุติการกระทำห้ำหั่นกัน เพื่อให้ประเทศกลับเข้าสู่ความสงบโดยเร็ว"นายศุภชัยกล่าว
ยธ.คุมเข้มเว็บหมิ่นเบื้องสูง
นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงนโยบายในการดำเนินคดีกับผู้ที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างเด็ดขาดว่า หน่วยงานที่มีอำนาจโดยตรงในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ กองทัพ แต่กองทัพไม่มีอำนาจสอบสวนจับกุม ดังนั้นรัฐบาลจะเน้นบูรณาการกฎหมาย และประสานให้ทุกหน่วยงานร่วมกันตรวจสอบการกระทำอันส่อไปในทางที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งที่มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ และโดยคำพูด
ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงไอซีที ไม่เพียงพอ ก็จะประสานให้ทหารซึ่งมีกำลังพลเพียงพอเข้ามาร่วมตรวจสอบและเฝ้าระวังการกระทำความผิดผ่านเว็บไซต์ โดยการใช้กำลังทหารเข้ามาเสริมจะทำให้รัฐไม่มีภาระจ้างบุคลากรเพิ่ม ในส่วนของการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปเร่งรัดคดีภายในกรอบกฎหมาย โดยมองว่า หากตำรวจทำคดีล่าช้าอาจถูกมองด้วยความเข้าใจผิดได้
วานนี้ (9 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำถึงการจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯว่า ขณะนี้การประสานงานกับผู้ที่ทำงานด้านนี้จะดีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ได้มีการประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคง โดยขอให้ใช้หลักเสรีภาพที่ควรจะกระทำ เนื่องจากต้องยึดหลักที่เป็นมาตรฐานสากล ในด้านสิทธิเสรีภาพ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ง่ายที่จะแยกแยะเรื่องต่างๆ
ส่วนกรณีของผู้ที่ก่อความวุ่นวาย หรือคดีความต่างๆนั้นก็ให้แยกดำเนินการมาก่อน เช่น กรณีการทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ก็ให้ตำรวจดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ถ้าความผิดใดที่เกี่ยวกับการเมือง ก็อาจจะต้องมาพิจารณาดูด้วยความเข้าใจในสภาพแวดล้อมของปัญหา ในส่วนของการทำลายทรัพย์สิน หรือร่างกายนั้น ย้ำเลยว่าไม่ใช่ว่าไปเจาะจงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมจะเปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ในชื่อ"ดีทีวี"นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆว่า ถ้าไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถทำได้
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กลุ่มนปช. เตรียมจะเปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม "ดีทีวี" ที่จะเน้นเฉพาะข่าวการเมือง ว่า การดำเนินการเรื่องเคเบิลทีวี หรือทีวีผ่านดาวเทียม ต้องมีขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งเวลานี้มีบางช่องเปิดดำเนินการไปแล้ว ก็ต้องดูว่าขั้นตอนจดทะเบียนเริ่มต้น และการแพร่สัญญาณกระจายภาพเป็นอย่างไร ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่ทำได้
ส่วนเรื่องเนื้อหาที่หลายคนเป็นกังวล คิดว่าต้องให้มีการแพร่ภาพกระจายเสียงก่อน โดยจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลอยู่แล้ว รัฐบาลคงไม่สามารถห้ามอะไรได้ ถ้าเขาทำในกรอบของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลว่าจะกระทบกับรัฐบาล เพราะบรรยากาศการเมืองต้องเสรี แต่ว่าต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าไปกระทบเรื่องสิทธิส่วนบุคคล คนที่ถูกกระทบก็มีสิทธิที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายได้อยู่แล้ว
"แต่หลักสำคัญเหนืออื่นใดคือ ต้องคิดเสมอว่า ประเทศเวลานี้ต้องการความสงบเรียบร้อย ความสามัคคี เราก็ไม่อยากเห็นรายการที่ทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาในบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นสำนึกของคนไทยทุกคน ฉะนั้นถ้าจะทำขึ้น ผมคิดว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ถ้าหากท่านทำอะไรไปก็อยากให้คิดถึงว่า ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมต่อบ้านเมืองด้วย ทางรัฐบาลคงไม่ไปตัดสิทธิใคร ถ้าหากเขาทำตามกฎหมาย ทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้คิดถึงความสงบของบ้านเมืองเป็นหลัก" นายสาทิตย์กล่าว
พงศ์เทพ’ปัด'แม้ว'ชักใย DTV
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในฐานะโฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เงิน 50 ล้านบาทในการตั้งสถานีโทรทัศน์ ดีทีวี เพื่อใช้เป็นหัวหอกในการโค่นล้มรัฐบาลว่า เรื่องนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้ง ดีทีวี
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าได้รับการทาบทามจากแกนนำ นปช.ให้ตนไปเป็นพิธีกรในรายการ โดยรูปแบบคงไม่เหมือนกับ เอเอสทีวี (ASTV) คือ อยากบอกว่าไม่ใช่การปลุกระดม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้รูปแบบรายการก็ยังไม่มีความชัดเจน ยังต้องมีการหารือกันอีก
นายพงศ์เทพ กล่าวด้วยว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฝากให้ตนสวัสดีปีใหม่คนไทยทั้งประเทศให้ด้วย สำหรับการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หาเสียงของ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ใช่เพื่อเป็นตัวแทนของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะนายพานทองแท้ โตแล้ว สามารถคิดเองได้
ด้านนายนพดล ปัทมะ ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้าย ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินหรือทราบว่ามีการทุ่มเงินเพื่อก่อตั้งสถานีดาวเทียมดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าการก่อตั้งทีวีดาวเทียมนั้น น่าจะมีผู้สนับสนุนจำนวนมากที่เคยเป็นผู้สนับสนุนรายการความจริงวันนี้ เมื่อถูกรัฐบาลชุดนี้กีดกันไม่ให้ออกอากาศ ประชาชนจึงผลักดันให้ทีวีช่องนี้เกิดขึ้น
ชี้"ดีทีวี"กระบอกเสียงนปช.
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ต้องการความปรองดองและช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆ ของบ้านเมือง จึงอยากให้ทุกฝ่ายลดการกระทำที่จะทำให้เกิดปัญหาหรือความขัดแย้งขึ้นในสังคม
การที่กลุ่มนปช.ประกาศตั้งสถานีโทรทัศน์ดีทีวีนั้น ก็เพื่อตอบโต้กับสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะในขณะนี้ เอเอสทีวี ก็ยังสามารถออกอากาศโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งพรรคเพื่อไทยได้อยู่ทุกวัน
" กลุ่มนปช.คงมีความจำเป็นที่จะต้องมีกระบอกเสียงของตัวเองไว้ชี้แจงในประเด็นต่างๆเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือ ทุกฝ่ายควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างยังตอบโต้กันไปมาโดยใช้สื่อที่มีอยู่ในมือ จะยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์ยิ่งบานปลาย และอาจรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายยุติการกระทำห้ำหั่นกัน เพื่อให้ประเทศกลับเข้าสู่ความสงบโดยเร็ว"นายศุภชัยกล่าว
ยธ.คุมเข้มเว็บหมิ่นเบื้องสูง
นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงนโยบายในการดำเนินคดีกับผู้ที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างเด็ดขาดว่า หน่วยงานที่มีอำนาจโดยตรงในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ กองทัพ แต่กองทัพไม่มีอำนาจสอบสวนจับกุม ดังนั้นรัฐบาลจะเน้นบูรณาการกฎหมาย และประสานให้ทุกหน่วยงานร่วมกันตรวจสอบการกระทำอันส่อไปในทางที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งที่มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ และโดยคำพูด
ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงไอซีที ไม่เพียงพอ ก็จะประสานให้ทหารซึ่งมีกำลังพลเพียงพอเข้ามาร่วมตรวจสอบและเฝ้าระวังการกระทำความผิดผ่านเว็บไซต์ โดยการใช้กำลังทหารเข้ามาเสริมจะทำให้รัฐไม่มีภาระจ้างบุคลากรเพิ่ม ในส่วนของการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปเร่งรัดคดีภายในกรอบกฎหมาย โดยมองว่า หากตำรวจทำคดีล่าช้าอาจถูกมองด้วยความเข้าใจผิดได้