รัฐบาลใหม่ เอื้อทีวีดาวเทียม โตอีกอย่างน้อย 30% กลุ่มคอนเทนต์โพรไวเดอร์ รวมตัวก่อตั้งชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมขึ้น หวังสร้างเพาเวอร์ ต่อรอง และทำงานร่วมกับคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เอ่ยปากแย่งเค้กโฆษณาฟรีทีวี 5%
วานนี้ กลุ่มผู้ประกอบการเกี่ยวกับการทำรายการในกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ประเภททีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ได้รวมตัวกันเพื่อก่อตั้ง ชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย ขึ้นอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่ผ่านมามีการรวมตัวกันไปบ้าง
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ นายกชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เดิมผู้ประกอบการเกี่ยวกับเคเบิลทีวีนั้น จะมีการรวมตัวกันเป็นสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการให้บริการเคเบิลทีวีเท่านั้น ดังนั้น ทางผู้ผลิตรายการและเจ้าของช่องทางเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม จึงได้มีการรวมตัวกันจัดตั้ง ชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทยขึ้น โดยมองว่า จะเป็นพลังสำคัญ สำหรับการก้าวเดินต่อไปของธุรกิจเคเบิลทีวีในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกกว่า 28 บริษัท หรือกว่า 50 ช่องรายการ ครอบคลุมช่องรายการทางเคเบิลทีวีถึง 95%
“เหตุผลสำคัญที่จัดตั้งชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย ขึ้นมา เนื่องจากมองว่าในปี 2552 ธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี จะมีการเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มองว่า จะไม่มีการแทรกแซงสื่อ และจะมีการเดินหน้าเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.2551 ซึ่งมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.ที่จะมาดูแลในส่วนของเคเบิลทีวีปีหน้า เชื่อว่า ทางคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะเริ่มร่างกฎระเบียบ ข้อบังคับ มาใช้ควบคุมผู้ประกอบกิจการด้านเคเบิลทีวี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ผู้ประกอบการเริ่มเห็นกฏหมายที่ชัดเจน การลงทุนทำธุรกิจด้านเคเบิลทีวี จึงมองว่า จะเติบโตค่อนข้างสูง อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 30% ของช่องรายการที่เป็นของผู้ประกอบการคนไทยในขณะนี้”
สำหรับหน้าที่ของชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทยนั้น จะมีอยู่ 4 เรื่องหลัก คือ 1.ทำความเข้าใจและกับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นทางสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ที่ต้องทำงานร่วมกัน หรือเข้าไปร่วมทำงานกับทางคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในปีหน้า 2.สร้างความแข็งแกร่งของคอนเทนต์รายการ และรูปแบบรายการให้มีคุณภาพ 3.การดูแลกันเองของกลุ่มผู้ผลิตรายการทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม โดยการออกกฏ ข้อระเบียบต่างๆ เพื่อตรวจสอบกันเองได้ และ 4.ส่งเสริมผู้ประกอบการ กลยุทธ์ และการตลาด ในการดำเนินธุรกิจเคเบิลทีวี
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจเคเบิลทีวีในปีหน้า นอกจากมองว่าในแง่จำนวนช่องของผู้ผลิตในประเทศ ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% แล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะเห็นการลงทุนจากต่างชาติ เข้ามาให้บริการเคเบิลทีวีด้วย โดยในระยะ 5 ปีหลังจากนี้ มองว่า แนวโน้มการเติบโตของเคเบิลทีวีจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปีหน้ามองว่าน่าจะมีการโฆษณาผ่านเคเบิลทีวี คิดเป็นส่วนแบ่งที่ 5% ของสื่อโฆษณาทางฟรีทีวีทั้งหมด
จากปัจจุบันผู้ชมสามารถรับชมช่องรายการต่างประเทศได้ถึง 300 ช่อง ทางทีวีดาวเทียม แต่ที่เห็นรับชมกันจริงๆ มีประมาณ 40 ช่อง ขณะที่ช่องรายการของผู้ผลิตคนไทย มีประมาณ 60-70 ช่อง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมี 10 ช่อง ที่เป็นช่องรายการที่ไม่แสวงหารายได้ เช่น ช่องรายการธรรมะ
ส่วนจำนวนผู้ชมที่รับชมเคเบิลทีวีนั้น กว่า 2.5 ล้านครัวเรือน รับชมผ่านระบบเคเบิลทีวี และอีก 2.5 ล้านครัวเรือน รับชมผ่านระบบทีวีดาวเทียม รวมแล้วประมาณ 5 ล้านครัวเรือน
วานนี้ กลุ่มผู้ประกอบการเกี่ยวกับการทำรายการในกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ประเภททีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ได้รวมตัวกันเพื่อก่อตั้ง ชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย ขึ้นอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่ผ่านมามีการรวมตัวกันไปบ้าง
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ นายกชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เดิมผู้ประกอบการเกี่ยวกับเคเบิลทีวีนั้น จะมีการรวมตัวกันเป็นสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการให้บริการเคเบิลทีวีเท่านั้น ดังนั้น ทางผู้ผลิตรายการและเจ้าของช่องทางเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม จึงได้มีการรวมตัวกันจัดตั้ง ชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทยขึ้น โดยมองว่า จะเป็นพลังสำคัญ สำหรับการก้าวเดินต่อไปของธุรกิจเคเบิลทีวีในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกกว่า 28 บริษัท หรือกว่า 50 ช่องรายการ ครอบคลุมช่องรายการทางเคเบิลทีวีถึง 95%
“เหตุผลสำคัญที่จัดตั้งชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย ขึ้นมา เนื่องจากมองว่าในปี 2552 ธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี จะมีการเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มองว่า จะไม่มีการแทรกแซงสื่อ และจะมีการเดินหน้าเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.2551 ซึ่งมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.ที่จะมาดูแลในส่วนของเคเบิลทีวีปีหน้า เชื่อว่า ทางคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะเริ่มร่างกฎระเบียบ ข้อบังคับ มาใช้ควบคุมผู้ประกอบกิจการด้านเคเบิลทีวี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ผู้ประกอบการเริ่มเห็นกฏหมายที่ชัดเจน การลงทุนทำธุรกิจด้านเคเบิลทีวี จึงมองว่า จะเติบโตค่อนข้างสูง อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 30% ของช่องรายการที่เป็นของผู้ประกอบการคนไทยในขณะนี้”
สำหรับหน้าที่ของชมรมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทยนั้น จะมีอยู่ 4 เรื่องหลัก คือ 1.ทำความเข้าใจและกับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นทางสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ที่ต้องทำงานร่วมกัน หรือเข้าไปร่วมทำงานกับทางคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในปีหน้า 2.สร้างความแข็งแกร่งของคอนเทนต์รายการ และรูปแบบรายการให้มีคุณภาพ 3.การดูแลกันเองของกลุ่มผู้ผลิตรายการทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม โดยการออกกฏ ข้อระเบียบต่างๆ เพื่อตรวจสอบกันเองได้ และ 4.ส่งเสริมผู้ประกอบการ กลยุทธ์ และการตลาด ในการดำเนินธุรกิจเคเบิลทีวี
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจเคเบิลทีวีในปีหน้า นอกจากมองว่าในแง่จำนวนช่องของผู้ผลิตในประเทศ ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% แล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะเห็นการลงทุนจากต่างชาติ เข้ามาให้บริการเคเบิลทีวีด้วย โดยในระยะ 5 ปีหลังจากนี้ มองว่า แนวโน้มการเติบโตของเคเบิลทีวีจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปีหน้ามองว่าน่าจะมีการโฆษณาผ่านเคเบิลทีวี คิดเป็นส่วนแบ่งที่ 5% ของสื่อโฆษณาทางฟรีทีวีทั้งหมด
จากปัจจุบันผู้ชมสามารถรับชมช่องรายการต่างประเทศได้ถึง 300 ช่อง ทางทีวีดาวเทียม แต่ที่เห็นรับชมกันจริงๆ มีประมาณ 40 ช่อง ขณะที่ช่องรายการของผู้ผลิตคนไทย มีประมาณ 60-70 ช่อง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมี 10 ช่อง ที่เป็นช่องรายการที่ไม่แสวงหารายได้ เช่น ช่องรายการธรรมะ
ส่วนจำนวนผู้ชมที่รับชมเคเบิลทีวีนั้น กว่า 2.5 ล้านครัวเรือน รับชมผ่านระบบเคเบิลทีวี และอีก 2.5 ล้านครัวเรือน รับชมผ่านระบบทีวีดาวเทียม รวมแล้วประมาณ 5 ล้านครัวเรือน