ASTVผู้จัดการรายวัน – “ยุวดี” เดินหน้าทีวีดาวเทียมต่อเนื่อง สยบปีวัวดุ ทุ่มอีก 20 ล้านบาท ผุดช่องเวทีไท ฝันปีแรกคว้า 100 ล้านลงกระเป๋า เชื่อช่วยต่อยอดธุรกิจใหม่ได้ ภายใต้บริษัทลูกมุ่งสินค้าสุขภาพนวัตกรรมใหม่ เจาะตลาดส่งออก ส่วนรายการทีวีปีนี้ติดปีก 2 รายการที่ช่อง 5 มองคุ้มเสี่ยงช่วงเศรษฐกิจซบ ทั้งปีหมุนรายได้โตกว่าปีก่อนแน่ 30%
นางยุวดี บุญครอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า จากปีก่อนที่บริษัทฯได้เปิดให้บริการช่องทีวีดาวเทียม ที่ชื่อ เฮชพลัส ชาแนล ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อสุขภาพมาตั้งแต่ปี 2551 นั้น พบว่า ทั้งเรื่องของการตอบรับและรายได้ ถือเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรายได้จากการเข้ามาของสปอนเซอร์รายการแล้ว ยังสามารถต่อยอดบริษัทลูก ที่ชื่อ เอเชียทีวีชอป ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงได้จัดสรรงบประมาณอีก 20 ล้านบาทในการขยายช่องทีวีดาวเทียมเพิ่มอีก 1 ช่อง คือ ช่องเวทีไท จะเริ่มในช่วงไตรมาส1นี้ จากเดิมที่ออกอากาศในฟรีทีวีทางช่อง ททบ.5 ทุกวันเสาร์ เวลา 18.30 น. โดยรูปแบบเนื้อหารายการนั้น จะมีทั้งการจัดคอนเสิร์ตในกลุ่มศิลปินนักร้องลูกทุ่งที่หาชมคอนเสิร์ตได้ยาก โดยใช้ศูนย์วัฒนธรรม เป็นสถานที่ในการบันทึกเทป นอกจากนี้ยังจะมีสกู๊ปเกี่ยวกับเรื่องราวของศิลปินเหล่านี้มานำเสนอ รวมถึงรายการเกี่ยวกับเกษตรกรรม หรือที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรากหญ้ามานำเสนอในรายการอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับแผนการเปิดทีวีดาวเทียมช่องเวทีไทยครั้งนี้ มองว่ารายได้กว่า 60% จะมาจากสปอนเซอร์รายการ และอีก 40% มาจากมีเดียอื่นๆ หรือเป็นเรื่องของการจัดกิจกรรมหรืองานอีเวนต์ ร่วมกับลูกค้าที่หันมาใช้สื่อทีวีดาวเทียม คาดว่าอย่างน้อยในปีแรกนี้ ช่องทีวีไทย น่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เพิ่มบริษัทลูกขึ้นมาอีก 1 บริษัท คือ ไทยโปรดักส์อินโนเวชั่น เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจจากสื่อที่มีอยู่ในมือทั้งจากช่องเฮชพลัส ชาแนล และเวทีไท ซึ่งรูปแบบธุรกิจของไทยโปรดักส์นั้น จะเป็นเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ นำเสนอผ่านสื่อที่มีอยู่ โดยในระยะอันใกล้นี้จะมีการเปิดตัวถึง 5 รายการ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น จะเน้นในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% เชื่อว่าในอนาคตหากทีวีดาวเทียมได้รับความนิยมมากกว่านี้ การต่อยอดธุรกิจจากไทยโปรดักส์ จะมีรายได้สูงมาก หรืออาจจะมีสัดส่วนเท่ากับรายได้ในกลุ่มรายการโทรทัศน์ และทีวีดาวเทียมในปัจจุบันต่อไป
“แนวทางของเอเชีย เทเลวิชั่น ต่อจากนี้ จะมุ่งต่อยอดธุรกิจจากสื่อทีวีดาวเทียมที่มีอยู่ เนื่องจากมองว่าช่องทางดังกล่าวจะสามารถรับชมได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นหากบริษัทฯจะมีการดำเนินธุรกิจด้านอื่นเข้ามาเสริม โดยใช้สื่อนี้ช่วยทำตลาดและโฆษณาออกไป ก็น่าจะเป็นการต่อยอดธุรกิจที่มองเห็นความสำเร็จได้ไม่ยาก”
อย่างไรก็ตามสำหรับรายการโทรทัศน์ทางฟรีทีวีนั้น ปัจจุบันมีอยู่ 2 รายการ คือ สยามทูเดย์ และเวทีไท ซึ่งออกอากาศทางช่อง ททบ.5 ทั้ง 2 รายการ มองว่าการที่มีรายการทีวีอยู่ 2 รายการนี้ ก็ถือว่าควบคุมความเสี่ยงได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนแบบนี้
นางยุวดี กล่าวต่อถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปีนี้ด้วยว่า เดือนม.ค.ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสื่อ จะเป็นที่ทราบกันว่าเป็นช่วงที่มีการใช้งบโฆษณาลดลงอยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะค่อนข้างใช้น้อยลงกว่าทุกปี อันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ลูกค้าตัดงบโฆษณาลงด้วย แต่พอเข้าเดือนมี.ค.-เม.ย.น่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแรง บวกกับคนไทยมีการปรับตัวรับกับสถานการณ์ต่างๆได้ดี จึงมองว่าปีนี้ไม่น่าจะเลวร้ายนัก ถ้าจะกระทบจริง คงมีแค่เรื่องของการส่งออกเท่านั้น
ดังนั้นจากการที่บริษัทฯยังพร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มทีวีดาวเทียมอีก 1 ช่อง และการเปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัท ไทยโปรดักส์ อินโนเวชั่น เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมของรายได้ในปีนี้ เติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 30% จากปีก่อน
นางยุวดี บุญครอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า จากปีก่อนที่บริษัทฯได้เปิดให้บริการช่องทีวีดาวเทียม ที่ชื่อ เฮชพลัส ชาแนล ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อสุขภาพมาตั้งแต่ปี 2551 นั้น พบว่า ทั้งเรื่องของการตอบรับและรายได้ ถือเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรายได้จากการเข้ามาของสปอนเซอร์รายการแล้ว ยังสามารถต่อยอดบริษัทลูก ที่ชื่อ เอเชียทีวีชอป ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงได้จัดสรรงบประมาณอีก 20 ล้านบาทในการขยายช่องทีวีดาวเทียมเพิ่มอีก 1 ช่อง คือ ช่องเวทีไท จะเริ่มในช่วงไตรมาส1นี้ จากเดิมที่ออกอากาศในฟรีทีวีทางช่อง ททบ.5 ทุกวันเสาร์ เวลา 18.30 น. โดยรูปแบบเนื้อหารายการนั้น จะมีทั้งการจัดคอนเสิร์ตในกลุ่มศิลปินนักร้องลูกทุ่งที่หาชมคอนเสิร์ตได้ยาก โดยใช้ศูนย์วัฒนธรรม เป็นสถานที่ในการบันทึกเทป นอกจากนี้ยังจะมีสกู๊ปเกี่ยวกับเรื่องราวของศิลปินเหล่านี้มานำเสนอ รวมถึงรายการเกี่ยวกับเกษตรกรรม หรือที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรากหญ้ามานำเสนอในรายการอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับแผนการเปิดทีวีดาวเทียมช่องเวทีไทยครั้งนี้ มองว่ารายได้กว่า 60% จะมาจากสปอนเซอร์รายการ และอีก 40% มาจากมีเดียอื่นๆ หรือเป็นเรื่องของการจัดกิจกรรมหรืองานอีเวนต์ ร่วมกับลูกค้าที่หันมาใช้สื่อทีวีดาวเทียม คาดว่าอย่างน้อยในปีแรกนี้ ช่องทีวีไทย น่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เพิ่มบริษัทลูกขึ้นมาอีก 1 บริษัท คือ ไทยโปรดักส์อินโนเวชั่น เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจจากสื่อที่มีอยู่ในมือทั้งจากช่องเฮชพลัส ชาแนล และเวทีไท ซึ่งรูปแบบธุรกิจของไทยโปรดักส์นั้น จะเป็นเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ นำเสนอผ่านสื่อที่มีอยู่ โดยในระยะอันใกล้นี้จะมีการเปิดตัวถึง 5 รายการ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น จะเน้นในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% เชื่อว่าในอนาคตหากทีวีดาวเทียมได้รับความนิยมมากกว่านี้ การต่อยอดธุรกิจจากไทยโปรดักส์ จะมีรายได้สูงมาก หรืออาจจะมีสัดส่วนเท่ากับรายได้ในกลุ่มรายการโทรทัศน์ และทีวีดาวเทียมในปัจจุบันต่อไป
“แนวทางของเอเชีย เทเลวิชั่น ต่อจากนี้ จะมุ่งต่อยอดธุรกิจจากสื่อทีวีดาวเทียมที่มีอยู่ เนื่องจากมองว่าช่องทางดังกล่าวจะสามารถรับชมได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นหากบริษัทฯจะมีการดำเนินธุรกิจด้านอื่นเข้ามาเสริม โดยใช้สื่อนี้ช่วยทำตลาดและโฆษณาออกไป ก็น่าจะเป็นการต่อยอดธุรกิจที่มองเห็นความสำเร็จได้ไม่ยาก”
อย่างไรก็ตามสำหรับรายการโทรทัศน์ทางฟรีทีวีนั้น ปัจจุบันมีอยู่ 2 รายการ คือ สยามทูเดย์ และเวทีไท ซึ่งออกอากาศทางช่อง ททบ.5 ทั้ง 2 รายการ มองว่าการที่มีรายการทีวีอยู่ 2 รายการนี้ ก็ถือว่าควบคุมความเสี่ยงได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนแบบนี้
นางยุวดี กล่าวต่อถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปีนี้ด้วยว่า เดือนม.ค.ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสื่อ จะเป็นที่ทราบกันว่าเป็นช่วงที่มีการใช้งบโฆษณาลดลงอยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะค่อนข้างใช้น้อยลงกว่าทุกปี อันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ลูกค้าตัดงบโฆษณาลงด้วย แต่พอเข้าเดือนมี.ค.-เม.ย.น่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแรง บวกกับคนไทยมีการปรับตัวรับกับสถานการณ์ต่างๆได้ดี จึงมองว่าปีนี้ไม่น่าจะเลวร้ายนัก ถ้าจะกระทบจริง คงมีแค่เรื่องของการส่งออกเท่านั้น
ดังนั้นจากการที่บริษัทฯยังพร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มทีวีดาวเทียมอีก 1 ช่อง และการเปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัท ไทยโปรดักส์ อินโนเวชั่น เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมของรายได้ในปีนี้ เติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 30% จากปีก่อน